♥ บทที่ 5 ♥

11:55 น. ทัณฑสถานฮอไรซัน - แผนกซักรีด - เซฟีเรีย

ออเรเลีย ดัสก์

"ในที่สุดก็เสร็จซะที!" ฮินะร้องอย่างดีใจ พลางชูแขนขึ้นฟ้า

"ใช่เลย ฉันเกลียดการซักผ้าแล้วยังต้องมาพับอีก" ทีน่ายืดเส้นยืดสาย แสดงความไม่พอใจ

ฉันยังรู้สึกแปลกๆ กับชื่อพวกนั้นอยู่หน่อยๆ เพราะรู้ว่ามันไม่ใช่ชื่อจริงของพวกเธอ

"ฉันเข้าใจเธอดีเลยน้องสาว มันเป็นงานที่น่าเบื่อแล้วก็ซับซ้อน" ทริกซ์ยืดตัวบ้าง เห็นด้วย

"เป็นอะไรรึเปล่า ออเรเลีย?" ไดน่าถามอย่างเป็นห่วง

"อ๋อ ค่ะ ฉันชินแล้วล่ะ" ฉันผงะเล็กน้อยกับท่าทางประหลาดใจของอีกห้าคน

"หมายความว่าไง?" ฟลอร่าถามอย่างงุนงง

"คือ... ฉันเคยทำงานบ้านพวกนี้ที่บ้านน่ะค่ะ สำหรับฉัน มันเลยแทบไม่มีอะไรเลย"

การนึกถึงกิจกรรมอันน่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นทำให้ความรู้สึกแปลกๆ เอ่อล้นเข้ามา พ่อแม่ฉันลำเอียงรักพี่ชายเสมอ ส่วนฉันต้องแบกรับภาระงานบ้านและกิจกรรมที่มหา'ลัย ฉันสงสัยว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยายังไงตอนได้ยินข่าวเรื่องที่ฉันถูกจับ พวกเขายังไม่มาเยี่ยมฉันเลย

"ดูสิ เรามีคนมีความรับผิดชอบอยู่ท่ามกลางพวกเราด้วย" ดอร่าใช้แขนโอบไหล่ฉัน "ทีนี้เราก็ไปอาบแดดกันได้แล้ว"

ฉันขมวดคิ้ว งุนงง

"อาบแดดเหรอคะ?" ฉันถาม ไม่เข้าใจ

แบบนั้นได้รับอนุญาตด้วยเหรอ?

"แน่นอนสิ มากับฉัน" ไดน่าดึงฉันไปด้วยกัน พวกเราเดินนำหน้าไป

ฉันไม่รู้เลยว่าเรากำลังจะไปไหน แค่เดินตามเธอไปเท่านั้น

"ดูนั่นสิ มีของใหม่มาว่ะ" ผู้ชายคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยรอยสักเดินเข้ามาพร้อมกับพรรคพวกอีกสองสามคน

เขามีรัศมีคุกคามแผ่ออกมา และพรรคพวกของเขาก็ไม่ได้ต่างกัน ทำให้ฉันรู้สึกกลัวและหวั่นใจระคนกัน

"ฮอว์คอาย หล่อนอยู่กับพวกเรานะ" ไดน่าเข้ามาขวาง ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน

"กูไม่สน" เขาผลักเธอออกไปแล้วมายืนตรงหน้าฉัน เชยคางฉันขึ้น "อืม เธอนี่สวยมากเลยนะ ฉันว่าฉันจะเอาเธอมาเป็นอีตัวส่วนตัวของฉัน"

ฉันเบิกตากว้างด้วยความหวาดผวา ภาวนาในใจขออย่าให้สถานการณ์เป็นไปอย่างที่ฉันกลัว

"ฮอว์คอาย ปล่อยเธอไปนะ" ทริกซ์เข้ามาขวาง จ้องหน้าเขาเขม็ง

"อย่าสาระแน ทริกซ์ ถ้าไม่อยากโดนตบหน้า ก็หุบปากไปซะ" เขาพูดอย่างเกรี้ยวกราด

เขามองมาที่ฉันแล้วก้าวเข้ามาใกล้ ทำให้ฉันถอยหลังตามสัญชาตญาณ รอยยิ้มอันน่ารังเกียจปรากฏขึ้นบนริมฝีปากเขา

"ฉันจะเอาแกมาเป็นอีตัวน้อยๆ ของฉันแน่" เขาเปล่งคำพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ฉันขนลุกซู่ ตามด้วยเสียงจูบปากที่ฟังดูเหมือนคำขู่มากกว่า "ตอนนี้แกเป็นของฉันแล้ว"

ทันทีที่เขาผละออกไป สายตาหวาดวิตกของฉันมองหาการสนับสนุนจากคนอื่นๆ แต่แววตาที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของพวกเธอบอกฉันได้ทุกอย่าง

"ม-ม-เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นคะ?" มือฉันสั่นราวกับมีชีวิตเป็นของตัวเอง

"เขาคือหัวหน้าชั่วคราวคนใหม่" ทริกซ์กระซิบ ดวงตาเต็มไปด้วยความเสียใจ "ฉันขอโทษนะที่ปกป้องเธอไม่ได้ ออเรเลีย"

ความสิ้นหวังระลอกนั้นถาโถมเข้าใส่ฉันเหมือนหมัดที่ต่อยเข้าที่ท้องน้อย มันท่วมท้นฉันด้วยความกลัวจนแทบเป็นอัมพาต ตัวฉันสั่นสะท้านอยู่ข้างใน แต่ฉันรู้ว่าฉันจะแสดงความอ่อนแอออกมาไม่ได้ ฉันไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ผู้หญิงเหล่านี้ที่เผชิญความเจ็บปวดมามากพอแล้วต้องเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก ดังนั้น ฉันจึงสูดหายใจลึกและเชิดหน้าขึ้น พยายามรักษาความสงบเยือกเย็นไว้เมื่อเผชิญหน้ากับความกลัวที่คุกคามจะกลืนกินฉัน

"ไม่เป็นไรค่ะ พี่ทริกซ์" ฉันกลืนน้ำลาย ฝืนยิ้มบอบบาง "ฉันไม่อยากให้พวกพี่ต้องมาเจ็บตัวเพราะฉัน"

พวกเธอยิ้มตอบ พยายามทำให้ฉันสบายใจ

"โอ๊ย เธอน่ารักจัง" ทีน่าพูดเล่น พลางแตะแก้มฉันเบาๆ

"ใช่ เธอน่ารักมาก" ทริกซ์เห็นด้วย รอยยิ้มของเธอสื่อถึงการปลอบโยน "เอาล่ะ ไปลานกันเถอะ"

ฉันเดินตามพวกเธอไปที่ลาน แต่ใจฉันลอยไปอยู่ที่อื่น ถูกครอบงำด้วยความกลัวเจ้าฮอว์คอายนั่น แต่ละก้าวดูเหมือนหนักอึ้ง ขณะที่ฉันพบว่าตัวเองถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศแห่งความหวาดหวั่นที่น่าอึดอัด และทันใดนั้น ความสวยก็กลายเป็นคำสาป เป็นภาระที่ฉันไม่ได้ร้องขอ แต่ตอนนี้ต้องแบกรับไว้ภายใต้สายตาคุกคามของพวกที่มองฉันเป็นเพียงเหยื่อที่อ่อนแอ

"เดี๋ยวก็โอเคเอง" ดอร่าขัดจังหวะความคิดอันมืดมนของฉัน

"ยังไงล่ะคะ? มีคนบ้าที่ต้องการตัวฉันอยู่นะ" ฉันโพล่งออกไป ความเศร้าถ่วงอยู่ในทุกคำพูด

"เรารู้ว่ามันแย่มาก ออเรเลีย" ไดน่าพูดอย่างเศร้าสร้อย "พวกเราทุกคนเคยผ่านสิ่งที่เธอกำลังเจอตอนนี้มาแล้ว เราทรมานกันมามาก ฉันเคยถูกล่วงละเมิด ดอร่าก็เคย ทริกซ์ พวกเราทุกคนที่นี่เคยเจอมาหมดแล้ว"

ความน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่างขณะที่ฉันฟังเรื่องราวของพวกเธอ

“แต่ตอนนี้พวกเราก็แก่เกินไปสำหรับพวกเขาแล้ว ไม่มีใครมาหาพวกเราอีก” ทีน่าพยายามทำให้บทสนทนาผ่อนคลายลงบ้าง “และเราก็รู้สึกขอบคุณสำหรับเรื่องนั้นนะ”

“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับฉันล่ะคะ” ฉันถามออกไปอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก

“ฮอว์คอายเป็นที่รู้กันว่าหยาบคายและใจร้ายมาก แต่เขาก็แค่สู้ปีศาจไม่ได้ เราไม่รู้ว่าเขาวางแผนจะทำอะไรกับเธอ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องการใครสักคนไว้เป็นของตัวเอง” ทีน่าพูดเสียงแผ่วเบา

“แค่เพราะ ‘ความสวย’ ของฉันเนี่ยนะ” ฉันทำท่าอัญประกาศด้วยนิ้ว

“เธอน่ะสวย ออเรเลีย ไม่มีใครปฏิเสธเรื่องนั้นได้หรอก” ทริกซ์พูด “ขนาดเนบิวลายังไม่พอใจ นั่นก็เพราะเธอเป็นที่สนใจจริงๆ”

“โอเค ฉันยอมรับก็ได้” ฉันพูดแล้วสูดหายใจลึก “ไปสูดอากาศข้างนอกกันเถอะค่ะ ได้โปรด”

“ได้สิ เธอต้องการมันจริงๆ นั่นแหละ” ดอร่าพูดแล้วโอบแขนรอบตัวพวกเรา

พวกเราเดินไปยังลานกว้างแห่งนี้

มันเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างใหญ่ มีโต๊ะอยู่หลายตัวและนักโทษบางคนนั่งคุยกันอยู่รอบๆ นอกจากนี้ยังมีอัฒจันทร์อยู่บ้าง

“ที่นี่เป็นที่ที่เราพอจะได้พักสงบๆ บ้าง” ทริกซ์บอก “ไปที่อัฒจันทร์กันเถอะ”

พวกเราเดินไปที่นั่นแล้วนั่งลง

“ทีนี้ พวกเราจะชี้ให้เธอดูคนที่เธอต้องอยู่ให้ห่างจริงๆ” ทีน่ากล่าว

“ค่ะ” ฉันตอบ รับรู้น้ำเสียงที่ทำให้ตกใจเล็กน้อย

“คนแรก ดี” เธอชี้ไปที่ผู้ชายผอมกะหร่องคนหนึ่งที่ยืนอยู่คนเดียวในสนาม “เขาอันตรายมาก”

“หมายความว่ายังไงคะ คนผอมๆ จะทำอะไรได้ ไม่ได้จะดูถูกนะ แต่เขาผอมเกินกว่าจะทำอะไรได้ไม่ใช่เหรอ” ฉันพูด และพวกเธอทั้งห้าคนก็แค่พยักหน้า

“ออเรเลีย ที่รักของฉัน” ทริกซ์พูด “แค่เพราะเขาผอมแบบนั้น ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่อันตรายนะ”

“เขาทำอะไรเหรอคะ”

“เขาเป็นพวกกินเนื้อคน” ฉันมองดีน่าอย่างตกตะลึง “ใช่ ฉันก็ตกใจเหมือนกันตอนรู้เรื่องนั้น”

“เขาไม่ค่อยกินอาหารที่นี่ นานๆ ทีจะเห็นเขากิน ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นพวกกินเนื้อคน แล้วก็ดันไปมีอะไรกับเขา สิ่งที่ฉันได้กลับมาคือรอยกัดที่หัวไหล่ที่เกือบจะฉีกผิวหนังฉันออกไป” ทีน่าพูดพลางดึงชุดหมีของเธอลง เผยให้เห็นแผลเป็นลึกที่หัวไหล่

“โห” ฉันอุทานอย่างประหลาดใจ “มันเจ็บไหมคะ” ฉันถามพลางลูบมือไปบนรอยกัด

“ไม่แล้วล่ะ มันผ่านมาสองปีแล้ว ตอนนั้นฉันร้องไห้เพราะความเจ็บปวด มันเลวร้ายกว่าการถูกทารุณกรรมเสียอีก” เธอพูดจบก็ดึงชุดหมีกลับเข้าที่

“เพราะฉะนั้น อยู่ให้ห่างเขาไว้มากๆ” ทริกซ์ย้ำ และฉันก็พยักหน้าเห็นด้วย รู้สึกเสียวสันหลังวาบ

“และนั่นคือดราก้อน”

เธอชี้ไปที่ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง เขาทั้งตัวใหญ่และกล้ามเป็นมัดๆ เขาอาจจะตัวใหญ่กว่าเจ้าเพชฌฆาตนั่นเสียอีก...

“เขาชอบหลอกพวกหน้าใหม่ด้วยการทำเป็นใจดีและเป็นมิตรมากๆ” ดอร่าพูดแล้วกลอกตา “แต่จากนั้นเขาก็ข่มขืนเธอเหมือนไอ้บ้าคลั่งที่กำลังติดสัด”

“เรื่องนั้นเกิดขึ้นกับพี่สินะคะ” ฉันถาม และเธอก็พยักหน้า

“ตอนนั้นฉันเพิ่งมาใหม่ ยังไม่มีใครให้คุยด้วย เป็นคนซื่อๆ ใสๆ เหมือนเธอนี่แหละ” ฉันพ่นลมหายใจทางจมูก ทำให้เธอหัวเราะ “เขาทำดีกับฉันและเป็นมิตรมาก แต่ฉันลดการป้องกันตัวเองลง แล้วก็ถูกเขาข่มขืนหลายครั้ง จากนั้นเขาก็หัวเราะแล้วจากไป”

“มันน่ากลัวมาก ทำไมไม่มีใครทำอะไรเลยคะ” ทริกซ์วางมือบนไหล่ฉัน สีหน้าเต็มไปด้วยความปลงตก

“ที่รัก ที่นี่ไม่มีใครสนใจพวกเราหรอก พวกเราถูกปฏิบัติเหมือนสัตว์ ไม่สิ แย่กว่านั้นมาก เพราะสัตว์ยังไม่ถูกปฏิบัติแย่ขนาดนี้เลย”

ฉันถอนหายใจออกมา รู้สึกจุกที่คอ ที่นี่มันเลวร้ายกว่าที่ฉันคิดไว้มาก ทำไมถึงมีคนปฏิบัติต่อคนอื่นแบบนี้ได้ คำถามดังก้องอยู่ในหัว โดยไม่มีคำตอบ มีแต่จะเพิ่มพูนความรู้สึกสิ้นหวังที่ปกคลุมพวกเราเหมือนเงาทึบ พร้อมจะกลืนกินเศษเสี้ยวของความหวังที่อาจหลงเหลืออยู่ หัวใจของฉันบีบรัดด้วยความเศร้าลึกที่แทรกซึมอยู่ทุกมุมของสถานที่อันมืดมิดแห่งนี้ ที่ซึ่งมนุษยธรรมดูเหมือนจะถูกขับไล่ออกไป และถูกแทนที่ด้วยความโหดร้ายที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด

ในเมืองนี้ ซึ่งถูกตัดขาดจากโลกภายนอก กฎหมายเป็นเพียงภาพลวงตา คนที่มาจากข้างนอกเพื่อแวะมาเพียงชั่วครู่มักจะหายตัวไป ไม่ถูกพบเห็นอีกเลย กองกำลังตำรวจก็ทุจริตคอร์รัปชันจนถึงแก่น และไม่มีการแบ่งแยกเพศในเรือนจำ จับผู้ชายและผู้หญิงมาอยู่รวมกัน โดยไม่สนใจอันตรายที่เห็นได้ชัด ความทุกข์ทรมานของผู้หญิงนั้นสัมผัสได้อย่างชัดเจน แต่ความยุติธรรมดูเหมือนจะไม่รับรู้ถึงเรื่องทั้งหมดนี้เลย

บทก่อนหน้า
บทถัดไป