บทที่ 2

เขาจะยังจำสัญญาที่ให้ไว้กับฉันได้ไหมนะ

ฉันมัวแต่จมอยู่ในความคิดจนไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอทรุดตัวลงบนเบาะนั่งตอนไหนเพราะความเหนื่อยล้า พอรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองกำลังซุกตัวอยู่ในผ้าห่มบนเตียงในห้องนอนของฉัน ฉันกะพริบตาถี่ๆ เพื่อให้มองเห็นชัดขึ้น ฉันดึงผ้าห่มออกแล้ววางเท้าลงบนพื้น ฉันยังคงสวมชุดแข่งฟุตบอลอยู่เลย

พ่อคงเป็นคนอุ้มฉันมานอนแน่ๆ

ฉันมองมันหลังจากเหลือบไปเห็นพลาสเตอร์ลายหน้ายิ้มบนหัวเข่าทั้งสองข้าง พ่อทำแบบนี้เสมอเวลาฉันหลับ เพราะทุกครั้งฉันจะงอแงใส่พ่อว่าฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ แล้วพ่อก็จะตอบกลับมาว่าฉันยังเป็นเด็กสำหรับพ่อเสมอ ฉันเดินไปห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเพราะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ฉันถอดเสื้อผ้าออกแล้วอาบน้ำอุ่นเพราะกล้ามเนื้อปวดเมื่อยเล็กน้อยจากการนอนในรถมาตลอดทาง รอยฟกช้ำของฉันแสบเมื่อโดนน้ำอุ่น ฉันพยายามไม่สนใจมันแล้วรีบออกจากห้องน้ำเพราะท้องร้องเสียงดัง มื้อสุดท้ายที่ฉันกินคืออาหารเช้า และตอนนี้ฉันหิวมาก ฉันจึงรีบเปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้วลงไปข้างล่างตามกลิ่นไก่ทอดหอมฉุยที่ลอยมาจากในครัว

"เย็นนี้มีอะไรพิเศษเหรอคะ" ฉันพูดพลางนั่งลงบนเก้าอี้ทรงสูง แล้วหยิบไก่ทอดชิ้นหนึ่งที่พ่อวางไว้ข้างเตา

"สปาเกตตีกับไก่ทอดรสเผ็ด ระวังหน่อยนะ มันยังร้อนอยู่" พ่อพูดขณะที่เพิ่งตักไก่ขึ้นจากน้ำมันร้อนๆ ฉันยังคงหยิบชิ้นใหญ่แล้วกัดเข้าไปเต็มคำ

"อืมมม พ่อคะ มันเผ็ด ฉ่ำ แล้วก็อร่อยถูกใจหนูเลย" ฉันพูดทั้งที่ปากยังเคี้ยวตุ้ยๆ แล้วก็กัดเข้าไปอีกคำ พ่อยิ้มมองหน้าฉัน พ่อทอดไก่เสร็จพอดีกับที่ฉันกินไก่ไปแล้วสี่ชิ้น พ่อยกอาหารไปที่โต๊ะตอนที่ฉันกินไก่ชิ้นที่สี่หมดแล้วกำลังเลียนิ้วอยู่

"ลู เอาเหยือกน้ำมาด้วยนะลูก แล้วมากินข้าวเย็นได้แล้ว" พ่อตะโกนมาจากห้องทานอาหารหลังจากจัดโต๊ะเสร็จ ฉันหยิบเหยือกน้ำกับแก้วสองใบสำหรับเรา ฉันนั่งลง พ่อก็ตักสปาเกตตีกองโตใส่จานให้ฉันพร้อมกับไก่ทอดรสเผ็ดอีกหลายชิ้น

"พ่อคะ หนูอิ่มไปครึ่งท้องแล้วนะ" ฉันพูดพลางมองจานตัวเองแล้วทำปากยื่น

"กินให้หมดสิ แล้วจะได้กินไอศกรีมเป็นของหวาน" พ่อพูดพลางยิ้ม พ่อรู้ว่ามุกนี้ใช้ได้ผลกับฉันเสมอ

"พ่อคะ นี่มันติดสินบนกันชัดๆ" ฉันพูดพลางหรี่ตามองพ่อ แต่ก็นะ ฉันไม่ได้ว่าอะไรหรอก

"งั้นก็ไม่อยากกินไอศกรีมสินะ พ่อจะได้กินเองให้หมด" พ่อพูดพลางตักสปาเกตตีใส่ปากฉันตอนที่ฉันกำลังจะเถียง ฉันรีบเคี้ยวเร็วๆ เพื่อจะพูดต่อ แต่พ่อก็ตักสปาเกตตีป้อนเข้าปากฉันอีกคำ

"พ่อออ" ฉันพูดทั้งที่อาหารยังเต็มปาก ทำให้พ่อหัวเราะออกมา พวกเราทานอาหารเย็นกันต่อโดยที่ฉันเล่าเรื่องที่โรงเรียนและหอพักให้พ่อฟัง ทั้งเรื่องของฉันและเรื่องของเอลล่าบ้าง พ่อหัวเราะตอนฟังฉันเล่าเรื่องที่เราแกล้งเอาสารเคมีผสมกันแล้วให้ครูเคมีดูจนหน้าครูเปลี่ยนเป็นสีม่วง

หลังจากนั้น ฉันกับเอลล่าต้องทำความสะอาดสวนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็มเพราะครูไปฟ้องซิสเตอร์ใหญ่ พ่อไม่เคยห้ามฉันทำเรื่องซนๆ เลย บางครั้งพ่อยังช่วยออกความคิดเห็นด้วยซ้ำ แต่พ่อจะเตือนเสมอว่าอย่าไปทำร้ายใคร พ่อไม่เคยห้ามไม่ให้ฉันเป็นตัวของตัวเอง เด็กผู้หญิงวัยเดียวกับฉันชอบแต่งตัวสวยๆ ไว้ผมยาวถึงเอว เรียนแต่งหน้า แต่ฉันไม่เคยสนใจเรื่องพวกนั้นเลย ฉันชอบผมสั้นและรู้สึกสบายตัวที่สุดเวลาใส่ชุดแข่งฟุตบอล ฉันใส่ชุดนั้นได้เป็นอาทิตย์ๆ เลยล่ะ

"พ่อคะ หนูอิ่มแล้ว กินไม่ไหวแล้วจริงๆ" ฉันพูดพลางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ ท้องฉันแน่นจนแทบจะยกนิ้วไม่ขึ้น "ลูกยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ" พ่อพูดพลางส่ายหน้าแล้วหยิบจานของฉันไปกินต่อ

"พ่อคะ ถ้าหนูกินแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ตอนกลับไปโรงเรียนหลังปิดเทอม สนามฟุตบอลคงมีลูกบอลสองลูกแน่ๆ" ฉันพูดด้วยสีหน้าสยดสยองจนพ่อหัวเราะออกมา หลังอาหารเย็น เราตัดสินใจดูหนังกันพร้อมกับไอศกรีมในมือ ตอนแรกพ่อไม่ยอมให้ไอศกรีมฉัน แกล้งบอกว่าฉันอิ่มแล้ว

"พ่อคะ ท้องหนูมีที่ว่างสำหรับไอศกรีมเสมอแหละ" ฉันพูดแล้วคว้าไอศกรีมมาจากมือพ่อ พ่อหลับไปตั้งแต่หนังยังไม่จบครึ่งเรื่อง ฉันเลยดูหนังต่อจนจบหลังจากห่มผ้าให้พ่อแล้วซุกตัวเข้าไปนอนข้างๆ พ่อใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ฉันรู้ว่าพ่อเหนื่อยจากงาน แต่พ่อก็ยังอยากใช้เวลากับฉัน ฉันเองก็เหมือนกัน ฉันคิดถึงพ่อมากเวลาอยู่ที่โรงเรียน เช้าวันต่อมาพอฉันลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่บนเตียงอีกแล้ว ในบ้านหลังนี้ ไม่ว่าฉันจะหลับที่ไหน พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็จะเจอตัวเองอยู่บนเตียงเสมอ ต้องขอบคุณพ่อจริงๆ ฉันขยี้ตาพลางสูดอากาศรอบตัวเข้าไปลึกๆ ฉันตื่นเพราะได้กลิ่นหอมหวานอะไรบางอย่าง ฉันรีบวิ่งลงไปข้างล่างโดยไม่รอช้า ก็เจอพ่อกำลังทำแพนเค้กให้ฉันอยู่

"แพนเค้ก!" ฉันร้องเสียงดีใจเมื่อเห็นพ่อกำลังทำกองเบ้อเริ่ม ฉันวิ่งเข้าไปจะกินแต่พ่อก็ปัดมือฉันออก

"ไปแปรงฟันล้างหน้าก่อนเลย น้ำลายยืดเต็มแก้มไปหมดแล้วเห็นไหม" พ่อพูดเสียงเข้มพลางชี้ไปที่แก้มฉัน ทำเอาฉันรีบยกมือขึ้นเช็ดทันที แต่ก็ไม่มีอะไรเลย

"พ่ออ่ะ" ฉันพูดเมื่อพ่อแกล้งฉัน ทำให้ฉันหัวเราะกับท่าทางของตัวเอง

"รีบไปแต่งตัวเร็วเข้า แล้วลงมา เดี๋ยวพ่อจะพาไปคฤหาสน์ริเวียร่าหลังอาหารเช้า" พ่อพูด ทำให้ฉันวิ่งกลับไปห้องนอนเพื่อรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่พ่อจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ ฉันอยากไปคฤหาสน์ริเวียร่าใจจะขาด พอฉันลงมาในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงยีนส์ขาดๆ ก็เห็นพ่อนั่งอยู่ที่โต๊ะ อ่านหนังสือพิมพ์ แต่งตัวพร้อมไปทำงานแล้ว

"มาสิ พ่อรออยู่" พ่อพูดพลางวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วยิ้มให้ฉัน เราทานอาหารเช้าด้วยกัน ฉันกินอย่างเร่งรีบเพื่อที่เราจะได้ออกไปเร็วๆ พ่อส่ายหัวอย่างขำๆ ที่เห็นฉันกินเร็ว ขณะที่ท่านจิบกาแฟ

"ไปกันเถอะค่ะ" ฉันพูดพลางวางแก้วน้ำผลไม้เปล่าลง

"ทำลายสถิติตัวเองเลยนะเนี่ย กินข้าวเช้าเร็วขนาดนี้ คราวก่อนสิบนาที วันนี้แค่ห้านาทีเอง" พ่อพูดพลางมองนาฬิกาข้อมือด้วยน้ำเสียงขบขัน ท่านหัวเราะให้ฉันที่เห็นฉันกระตือรือร้นอยากจะไปที่นั่น

"พ่อคะ ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวพ่อไปทำงานสายนะคะ" ฉันพูดเสียงจริงจังแล้ววิ่งไปที่ประตูโดยมีพ่อตามมา สิบห้านาทีเราก็ถึงที่นั่นเพราะมันอยู่ไม่ไกลจากที่เราพักเท่าไหร่ แม่บ้านคนหนึ่งเปิดประตูให้เรา และฉันก็วิ่งเข้าไปในบ้านเหมือนที่เคยทำตอนเด็กๆ

"คุณย่า!" ฉันตะโกนสุดเสียงเมื่อเห็นท่านนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นคุยอยู่กับคุณป้าชาร์ล็อตต์

"โอ้ ตายจริง เซอร์ไพรส์อะไรอย่างนี้ ลูน่าคนสวยของย่ากลับมาบ้านแล้ว" ท่านพูดอย่างดีใจพลางอ้าแขนรับฉันเข้าไปกอด

"หนูคิดถึงคุณย่ามากเลยค่ะ" ฉันพูดเหมือนเด็กสิบขวบขณะที่คุณย่าลูบหลังฉันอย่างเอ็นดู

"ใครๆ ก็คิดถึงแต่คุณย่า ไม่มีใครคิดถึงฉันเลย" ฉันได้ยินคุณป้าชาร์ล็อตต์พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ทำให้ฉันหันไปมองท่านแล้วยิ้มกว้าง

"หนูคิดถึงคุณป้าด้วยค่ะ" ฉันพูดพลางผละออกจากอ้อมแขนคุณย่าแล้วเข้าไปกอดท่าน

"คุณป้ารู้ไหมคะ เพื่อนๆ หนูทุกคนชอบมัฟฟินที่คุณป้าส่งไปให้คราวก่อนมากเลย" ฉันพูดพลางยิ้มกว้าง

"เดี๋ยวป้าจะทำเพิ่มให้ จะได้เอาไปฝากเพื่อนๆ ด้วย แต่ก่อนที่ป้าจะให้นะ..." ท่านพูดพลางยิ้มอย่างพอใจ คุณป้าชาร์ล็อตต์ชอบทำอาหารให้ทุกคนทานเสมอ

"ชาร์ล็อตต์ อย่าตามใจแกนักสิ" พ่อพูดขณะนั่งลงข้างๆ คุณย่าหลังจากสวัสดีตอนเช้าท่านทั้งสอง

"คุณไม่เคยให้โอกาสฉันได้ตามใจแกเลยต่างหาก ฉันบอกคุณตั้งกี่ครั้งแล้วว่าฉันจะดูแลแกเอง แต่คุณก็ดันส่งลูกสาวตัวบอบบางของฉันไปอยู่หอพักจนได้" คุณป้าพูดเสียงหนักแน่น แสดงความไม่พอใจให้พ่อเห็นอีกครั้งเรื่องที่ส่งฉันไปไกล

"ผมรู้ว่าคุณจะดูแลลูกดีกว่าผมเสียอีก แต่ผมก็รู้ว่าลูกสาวผมซนแค่ไหน คุณรู้ไหมว่าแกทำอะไรกับครูเคมีของแกบ้าง" แล้วพ่อก็เล่าวีรกรรมทั้งหมดของฉันให้พวกท่านฟังจนหัวเราะกันใหญ่

"หลานรัก มานี่สิ ให้ย่าดูหน้าชัดๆ หน่อย" คุณย่าพูดขึ้นหลังจากนั้นสักพัก ฉันก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาท่าน

"โตเป็นสาวสูงสวยเหมือนแม่ไม่มีผิด" ท่านพูดอย่างเอ็นดูพลางลูบแก้มฉัน

"เด็กผู้หญิงนี่โตเร็วจริงๆ เหมือนเมื่อวานยังเป็นเด็กเล็กๆ อยู่เลย ตอนนี้โตเป็นสาวแล้ว" พ่อพูดด้วยน้ำเสียงหนักๆ ฉันดูออกว่าพ่อไม่อยากให้ฉันโต ท่านอยากให้ฉันยังเป็นลูน่าตัวเล็กๆ ของพ่อ ที่วิ่งตามพ่อต้อยๆ พร้อมกับน้ำมูกไหลยืดอยู่เสมอ

"หยุดพูดเรื่องซึ้งๆ กันได้แล้ว ว่าไงลูน่า ตัดสินใจได้รึยังว่าจะทำอะไรในวันเกิดอายุสิบหกปี" คุณป้าถามฉันด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพลางปาดน้ำตาที่หางตา ใช่ อีกไม่กี่วันฉันก็จะอายุสิบหกแล้ว ฉันก็เล่าสิ่งที่ฉันตัดสินใจว่าจะทำ และพวกท่านทุกคนก็ตั้งใจฟังอย่างอดทน สักพักพ่อก็ออกไปทำงาน

พ่อทำงานเป็นผู้จัดการที่บริษัทริเวียร่า พ่อกับคุณอาจอห์นเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย หลังเรียนจบ คุณอาจอห์นก็ชวนพ่อมาทำงานด้วยกันที่บริษัทของพ่อเขา ตั้งแต่นั้นมาพวกท่านก็ทำงานด้วยกันมาตลอด เราเหมือนครอบครัวเดียวกัน ทุกคนรักฉัน ทุกคน... และทันใดนั้นฉันก็นึกถึงเหตุผลที่ฉันอยากกลับมาที่นี่ขึ้นมาได้ ฉันถามคุณป้าเกี่ยวกับเขา ท่านบอกว่าเขากำลังจะกลับมาจากแคลิฟอร์เนียช่วงปิดเทอมฤดูร้อน นี่เป็นปีสุดท้ายในวิทยาลัยของเขาแล้ว ฉันยังคุยกับพวกท่านอยู่เลยตอนที่ได้ยินเสียงแตรรถ

"ป้าว่าเขามาถึงแล้วล่ะ" คุณป้าพูดพลางยิ้มกว้าง

"หนูไปเปิดประตูเองค่ะ" พูดจบฉันก็วิ่งไปที่ประตูก่อนที่แม่บ้านจะไปถึง ฉันเปิดประตูด้วยรอยยิ้มกว้าง ขณะที่รู้สึกตื่นเต้นดีใจเหมือนเมื่อวานที่จะได้เจอเขาหลังจากไม่ได้เจอกันมาเป็นปี ฉันเห็นเขาก้าวลงจากรถ แล้วก็มีเด็กผู้ชายอีกคนรุ่นราวคราวเดียวกันก้าวลงมา จากนั้น สิ่งที่ฉันเห็นต่อมาก็ทำให้รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าฉัน ผู้หญิงสวยคนหนึ่งในชุดมินิเดรสก้าวลงมาจากรถของเขา แล้วควงแขนเขา ทำเอาหัวใจฉันหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม

ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน?

บทก่อนหน้า
บทถัดไป