บท 2

เจียงหลานไม่ได้กลับบ้าน แต่ไปที่ร้านกาแฟแทน

นั่นเป็นที่ที่เธอทำงาน ลู่จิ่งฉือไม่สนใจเธอ คนในตระกูลลู่ไม่ต้อนรับเธอ ไม่มีที่ไหนเลยที่เธอจะพักพิงได้

กลิ่นกาแฟที่เพิ่งชงใหม่ๆ นั้นหอมกรุ่น มีเพียงที่ร้านกาแฟเท่านั้นที่เธอจะสามารถลืมเรื่องราวเหล่านี้ไปได้ชั่วคราว และดื่มด่ำกับความสงบสุขชั่วครู่

เจียงหลานผลักประตูเข้าไป ผู้จัดการร้านที่เพิ่งชงกาแฟเสร็จหนึ่งแก้ว พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าเป็นเจียงหลาน ก็รีบหยิบผ้าขนหนูผืนหนึ่งเดินออกมาต้อนรับ

“ทำไมถึงตากฝนมาแบบนี้ล่ะ? ฝนตกหนักขนาดนี้ วันนี้เธอน่าจะพักผ่อนดีกว่า วันนี้ที่ร้านก็ไม่ค่อยมีลูกค้าอยู่แล้ว”

ผู้จัดการร้านชื่อซือหนิง เป็นผู้หญิงสูงประมาณ 176 เซนติเมตร ชอบแต่งตัวสไตล์ทอมบอย ไว้ผมสั้นเรียบร้อย ดูทะมัดทะแมง ถ้าไม่พูดก็มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง

ซือหนิงใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้เจียงหลานอย่างอ่อนโยน จู่ๆ เจียงหลานก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา น้ำตาไหลรินลงมาตามแก้ม

ซือหนิงทำอะไรไม่ถูก “ฉันมือหนักไปหรือเปล่า?”

เมื่อเห็นรอยแดงบวมบนใบหน้าเจียงหลานชัดเจน ซือหนิงสูดลมหายใจเฮือก “ใครทำร้ายเธอจนเป็นแบบนี้! ใช่ลู่จิ้งฉือหรือเปล่า! ไอ้สารเลวนั่น!”

ซือหนิงโกรธจนจะไปคิดบัญชีกับลู่จิ้งฉือ แต่เจียงหลานรีบห้ามเธอไว้

เธอส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ แล้วทำท่าทางบอกซือหนิงว่า: ไม่ใช่เขา ฉันไม่เป็นไร แค่เผลอไปชนเข้า ขอบคุณนะ

ซือหนิงไม่เชื่อเจียงหลาน เธอรู้ว่าเจียงหลานเป็นคนจิตใจดีเกินไป เป็นเด็กที่พูดไม่ได้ เวลามีเรื่องอะไรก็มักจะเก็บไว้ในใจคนเดียว

แต่ในใจซือหนิงก็พอเดาได้ว่าเป็นเรื่องอะไร เธอรู้เรื่องชีวิตแต่งงานของเจียงหลานและรู้สึกสงสารเด็กสาวที่เชื่อฟังและดีแบบนี้ ที่ไม่ควรได้รับการกระทำแบบนี้เลย

เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหยิบยาทาออกจากลิ้นชักมาทาให้เจียงหลานที่ใบหน้า

เสื้อผ้าของเจียงหลานเปียกโชกไปทั้งตัว โชคดีที่ร้านมีเสื้อผ้าสำรองไว้ชุดหนึ่ง เธอจึงเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่สะอาด เป่าผมจนแห้ง รอยแดงบวมบนใบหน้าก็ลดลงไปมากแล้ว

เธออยากจะช่วยทำงานบ้าง แต่ซือหนิงก็ไม่ยอมให้เธอทำอะไรเลย แถมยังให้เธอหยุดงานและบอกให้กลับไปพักผ่อนให้ดีๆ

เจียงหลานขัดซือหนิงไม่ได้ จึงต้องยอมหยุดพัก ซือหนิงเรียกรถให้และส่งเธอขึ้นรถไป

เจียงหลานนั่งอยู่บนรถ มองทิวทัศน์ที่เคลื่อนผ่านไป ในใจพลันนึกถึงภาพลู่จิ้งฉือที่เดินผ่านข้างกายเธอไปอย่างเย็นชา

จริงๆ แล้วเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว และเธอก็ชินกับมันไปนานแล้ว

เธอไม่อยากถูกไล่ออกไปจนต้องกลายเป็นคนไร้บ้านอีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงพยายามทำตัวให้เงียบที่สุด เธอรู้ว่าลู่จิ้งฉือไม่ได้รักเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่เคยคาดหวังอะไรเลย

แต่ทุกครั้งที่เห็นท่าทีเย็นชาของเขา หัวใจของเจียงหลานก็ยังคงเจ็บปวดอยู่ดี

เหมือนมีมือข้างหนึ่งบีบรัดหัวใจเธอไว้ ทำให้เธอหายใจไม่ออก

ครืด... ครืด... เสียงโทรศัพท์สั่นทำให้เจียงหลานได้สติกลับคืนมา เธอมองดูข้อความในโทรศัพท์

เป็นข้อความจากลู่จิ้งฉือ ที่ส่งมาถามว่าเธออยู่ที่ไหน

เจียงหลานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะปกติลู่จิ้งฉือแทบไม่เคยถามว่าเธออยู่ที่ไหน มักเป็นเธอที่ต้องติดต่อเขาก่อน และต้องใช้เวลานานกว่าจะติดต่อได้

เขาเป็นคนไม่ค่อยอดทน เจียงหลานจึงรีบตอบกลับไปว่า: ไปที่ร้านกาแฟค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?

เจียงหลานกำลังจะพิมพ์ถามต่อว่าเซี่ยเหยียนเป็นอย่างไรบ้างและอยากจะขอโทษ แต่ข้อความจากลู่จิ้งฉือก็ส่งมาอีกครั้งว่า: กลับมาเดี๋ยวนี้

ลู่จิ้งฉือตอบกลับมาเร็วเกินไปจนเจียงหลานชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับไปตามสัญชาตญาณเพียงคำเดียว: ค่ะ

ปลายสายเงียบไป เจียงหลานวางโทรศัพท์ลงแล้วนั่งเหม่อลอย

เมื่อกลับมาถึงวิลล่า ฝนก็หยุดแล้ว เจียงหลานลงจากรถ เมื่อเห็นรถมายบัคจอดอยู่หน้าประตู เธอรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย

เธอเปิดประตูเข้าไป แต่ไม่เห็นลู่จิ้งฉืออยู่ในห้องนั่งเล่น มีเพียงเสียงน้ำไหลแว่วมาจากห้องชั้นบน

ลู่จิ้งฉือกำลังอาบน้ำอยู่

รีบเรียกเธอกลับมาขนาดนี้ ไม่ได้มีเรื่องด่วนหรอกเหรอ?  เจียงหลานไม่เข้าใจ แต่ก็ยังนั่งรออย่างอดทนบนโซฟา รอลู่จิ้งฉืออาบน้ำเสร็จ

โทรศัพท์สั่นอีกครั้ง ซือหนิงส่งข้อความมาถามว่าเธอถึงบ้านแล้วหรือยัง ขณะที่เธอกำลังจะตอบกลับ ก็มีมือข้างหนึ่งยื่นมาคว้าโทรศัพท์ของเธอไป

บทก่อนหน้า
บทถัดไป