บทที่ 11 บทที่ 10 เกี้ยวพาทางคำพูด
ไป๋เหมยเหม่ยไม่สนในสองสามีภรรยาบัดซบคู่นั้นอีก เมื่อหยางเจ๋อหยวนและฟ่านกุ้ยอิงกลับไปแล้ว นางก็สั่งให้คนมาลากสาวใช้ของฟ่านกุ้ยอิงออกไปโยนที่หน้าร้าน แล้วจึงหันมามองจางเหยียนเหว่ยคราหนึ่ง
"เอ่อ ขอบพระทัยท่านอ๋องมากนะเพคะ"
จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่เอ่ยตอบสิ่งใด เขาจ้องมองนางอยู่เช่นนั้น จนคนถูกมองเริ่มมีอาการประหม่า
"เอ่อ ท่านอ๋องทรงมองหม่อมฉันทำไมกันเพคะ"
ไป๋เหมยเหม่ยเสียงสั่นไม่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พูดจากับเขาด้วยประโยคยาวๆ เช่นนี้ นางพยายามควบคุมตนเองพลางครุ่นคิดในใจ
ใจเย็นไว้!!! ถึงเขาจะหน้าเหมือนพระเอกคนนั้น แต่อย่างไรเขาก็ไม่ใช่พระเอกที่นางเคยชอบ ก็แค่หน้าเหมือนหรอกน่า!!!
แม้จะเป็นการหลอกตนเองที่ดูไร้เหตุผลยิ่งนัก แต่มันก็ทำให้ไป๋เหมยเหม่ยสบายใจและหายประหม่าไปได้ไม่น้อย
ทุกการกระทำของนางอยู่ในสายตาของจางเหยียนเหว่ยทั้งหมด เหมือนมีบางอย่างดึงดูดให้เขาไม่อาจละสายตาไปจากนางได้
"เจ้าเป็นสตรีหม้ายที่งดงามและมากความสามารถที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมาเลย"
“ฮะ?”
เมื่อเห็นท่าทีงงงันและเขินอายของนาง จางเหยียนเหว่ยก็นึกสนุกขึ้นมา เขาจึงเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงที่หยอกเย้า
“ตกใจอันใดกัน ข้าบอกว่าเจ้างามและเก่ง”
“เอ่อ...”
“อย่าเพิ่งรีบแต่งงานใหม่เล่า เก็บความงามของเจ้าเอาไว้ให้ข้ามองดูก่อน”
ไป๋เหมยเหม่ยเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ยถามเขาเรื่องอื่นเพื่อหลุดพ้นจากสถานการณ์ตรงหน้านี้
“ไม่ทราบว่าท่านอ๋องรู้ได้เช่นไรเพคะ ว่าคนของฟ่านกุ้ยอิงใส่ร้ายหม่อมฉัน”
จางเหยียนเหว่ยที่เห็นว่านางเปลี่ยนเรื่องเขาก็ไม่ได้หยอกเย้านางอีก
"เดิมทีข้าก็ไม่รู้ แต่บังเอิญว่าข้าอยากจะมาอุดหนุนร้านหม้อไฟของเจ้าเสียหน่อย แต่เห็นว่าคนเต็มร้าน จึงแอบมาอยู่หลังร้านหวังจะรอเจ้าเงียบๆ กลับเห็นว่าสาวใช้ที่มากับสตรีผู้นั้นแอบนำหนูตายแล้วใส่ลงไปในหม้อน้ำซุปของเจ้าในขณะที่เจ้าไม่ทันระวัง ข้าจึงเอ่ยตามความจริง เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก เดิมทีข้าก็ต้องปกป้องดูแลราษฎรอยู่แล้ว"
จางเหยียนเหว่ยเอ่ยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เขาเองก็ไม่เคยพบเจอฟ่านกุ้ยอิง แต่หากเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ต่อให้จะเป็นคุณหนูตระกูลใดเขาก็ไม่อาจละเว้น
ไป๋เหมยเหม่ยยิ้มให้จางเหยียนเหว่ยคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"อย่างไรก็ต้องขอบคุณท่านอ๋องมาก หากไม่ได้ท่านอ๋องมาช่วย หม่อมฉันคงแย่แน่ๆ"
จางเหยียนเหว่ยยิ้มให้ไป๋เหมยเหม่ย ก่อนจะเอ่ย
"เช่นนั้นเจ้าก็ต้องตอบแทนข้า"
"เอ? ตอบแทนเช่นไรหรือเพคะ"
"เลี้ยงหม้อไฟข้าสักหม้อสิ วันนี้ข้าลืมพกตั๋วเงินมา"
ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ย
"น้ำซุปในหม้อคงใช้ไม่ได้แล้ว หม่อมฉันจะปรุงให้ท่านอ๋องใหม่ โปรดรอข้าสักครู่"
"อืม"
ไป๋เหมยเหม่ยพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัวที่ใช้สำหรับปรุงอาหาร นางหั่นปลาเป็นชิ้นพอดีคำอีกครา ไม่รู้ว่าเขาชอบกินเผ็ดหรือไม่ นางจึงทำน้ำซุปสองอย่าง เมื่ออาหารตรงหน้าเสร็จแล้ว นางก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง
ชาติปัจจุบันเขาเป็นถึงพระเอกดัง นางอยากทำอาหารให้เขากินสักมื้อยังไม่มีโอกาส ของขวัญเขาก็ไม่รับ แต่ทว่าไม่น่าเชื่อ ในยุคโบราณเช่นนี้นางจะได้ทำอาหารให้เขากิน
สวรรค์เข้าข้างนางแล้ว!!
"มาแล้วเพคะ"
จางเหยียนเหว่ยหันไปมองไป๋เหมยเหม่ยที่ยกเครื่องเคียงหม้อไฟออกมา เขามองเห็นว่ามีหม้อไฟสองหม้อจึงเอ่ยถามนาง
"เหตุใดจึงมีสองหม้อ?"
"คือว่าหม่อมฉันไม่รู้ว่าท่านอ๋องชอบกินเผ็ดหรือไม่ จึงทำมาสองหม้อเจ้าค่ะ ท่านลองชิมดูสิว่าชอบหรือไม่"
เมื่อได้เห็นท่าทีคะยั้นคะยอให้เขากินหม้อไฟ จางเหยียนเหว่ยก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เขาคีบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อปลาลงไปในหม้อ ไป๋เหมยเหม่ยบอกว่าลวกไว้สักครู่แล้วให้รีบยกขึ้นมา หากนานเกินไปเนื้อปลาจะเละได้ ส่วนเนื้อหมูของนางก็นุ่มยิ่งนัก นางบอกว่านางนำไข่ไก่ไปหมักในหมูจนมันนุ่มลิ้น มื้อนี้เขาค่อนข้างอิ่มไม่น้อย
ไป๋เหมยเหม่ยมองดูจางเหยียนเหว่ยที่กินน้ำซุปเผ็ดเกือบหมดหม้อก็รู้สึกนับถือเขาไม่น้อย นางเลื่อนจานมันฝรั่งทอดไปตรงหน้าเขา จางเหยียนเหว่ยมองดูมันฝรั่งทอดตรงหน้า ก่อนจะเอ่ย
"นี่คือ"
"มันฝรั่งทอดเพคะ ข้าลองนำมันมาทอดดูพบว่ารสชาติดีเยี่ยม แต่ทว่าหาซื้อยากนัก จึงมีไม่เยอะ"
"อร่อยมาก"
"จริงหรือเพคะ"
"อืม ข้าอยู่ชายแดนมานาน ไม่ได้กินอาหารเลิศรสเช่นนี้มาหลายปีแล้ว"
ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจไม่น้อย นางไม่รู้ตัวเลยว่าแววตาที่เปล่งประกายของนางจะทำให้จิตใจของจางเหยียนเหว่ยสั่นไหวอย่างแปลกประหลาด คล้ายว่ารอยยิ้มของนางจะทำให้เขามีชีวิตชีวาขึ้นมาไม่น้อย
นางมารน้อย ข้าแพ้รอยยิ้มของเจ้าแล้วรู้หรือไม่!!!
"เหมยเหม่ย พี่ได้ยินว่าร้านหม้อไฟเจ้าเกิดเรื่อง เอ่อ อาเหยียน เจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ"
อยู่ๆ ไป๋จินเซียงก็วิ่งเข้ามาหานางในร้านหม้อไฟ ไป๋เหมยเหม่ยหันไปมองไป๋จินเซียงพี่ชายของตนคราหนึ่ง ก่อนจะเรียกให้เขามานั่งที่โต๊ะและเล่าเรีื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังทั้งหมด
ไป๋จินเซียงโมโหยิ่งนัก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด
จวบจนเวลาล่วงเลยมาถึงยามเย็น นางก็ปิดร้านกลับจวน วันนี้ไป๋เหมยเหม่ยรู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งนัก นางจึงเผลอหลับไป แต่ทว่านางกลับฝัน ฝันว่าจางเหยียนเหว่ยจูบนาง
"คุณหนู!!! นี่บ่าวเองเจ้าค่ะ"
"อื้อ จุ๊บๆ"
"คุณหนู"
"ว้าย!!!"
เมื่อลืมตาขึ้นมองก็พบว่าคนตรงหน้าไม่ใช่จางเหยียนเหว่ย แต่กลับเป็นเฉียวเหลียนสาวใช้ของนางเอง ไป๋เหมยเหม่ยที่เห็นเช่นนั้นก็สะดุ้งตกใจไม่น้อย เฉียวเหลียนมองนางด้วยแววตาหวาดกลัว ก่อนจะเอ่ย
"คุณหนู บ่าวเริ่มกลัวท่านแล้วนะเจ้าคะ ฮือ!!!"
ไป๋เหมยเหม่ยยกมือขึ้นตีหน้าผากตน ก่อนจะครุ่นคิดในใจ
ให้ตายเถิด!!! รีบตื่นทำไมกัน กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย!!!
