บทที่ 5 ภาคิน

วันนี้ภาคินตื่นสาย เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบ ค่อนคืน บวกกับยาแก้ปวดที่กินเข้าไปเลยทำให้หลับยาว ใบหน้า     หล่อเหลาสะบัดไปมา มือแกร่งยกขึ้นเสยผมที่ร่วงลงมาปรกหน้าผาก แล้วลูบลงไปบนแผลที่ศีรษะ ก่อนจะพลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู สายป่านนี้เด็กกระถินคงไปทำงานแล้ว เมื่อคืนเขาเอารถมอเตอร์ไซค์เธอมา      เลยไม่รู้ว่าเช้านี้เธอไปทำงานยังไง คงนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไป คิดเมื่อ     กดรีโมตเปิดโทรทัศน์ แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

เมื่อคืนเขาเมาหนัก ก่อนจะประสบอุบัติเหตุ เขาไม่รู้ว่าคู่กรณีเป็นใครมาจากไหน ดูจากสภาพแล้วก็น่าจะเป็นคนมีอันจะกิน เพราะรถที่ขับราคาหลักล้าน เขาเอาเธอไปทิ้งไว้ให้กระถิน ไม่รู้ว่ายายบ้านั่นจะแผลงฤทธิ์ใส่กระถินหรือเปล่า แต่ก็ดีแล้วที่เอาไว้ตรงนั้น เพราะถ้าขืนให้เธออยู่กับเขา มีหวังเธอคงได้ลงไปอยู่ในหลุม และเขาก็ต้องย้ายบ้านไปอยู่ในคุกเช่นกัน

“ผู้หญิงบ้า” ก่นด่าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน คนอะไรร้อง   อยากตาย ๆ รู้อย่างนี้เขาไม่เสี่ยงชีวิตไปช่วยหรอก ปล่อยให้ไฟคลอกตายก็ดีแล้ว

ร่างสูงเดินออกมาจากห้องน้ำ เป็นจังหวะเดียวกับที่ในโทรทัศน์รายงานข่าวอุบัติเหตุ ตาคมเข้มมองภาพที่อยู่ในจอ ก่อนจะประมวลผล ใช่แน่ ๆ ทั้งรถและสถานที่ เป็นเหตุการณ์เดียวกับที่เกิดขึ้นกับเขา     เมื่อคืน ถึงภาพในจอจะเป็นแค่ซากรถก็เถอะ แต่เขาก็จำได้

“มีรายงานว่าผู้จัดการส่วนตัวของนางแบบสาว ออกมาให้สัมภาษณ์ว่านางแบบสาวปลอดภัย บ่ายนี้จะตั้งโต๊ะแถลงข่าว ลองไปฟังเสียงให้สัมภาษณ์ของป้าไก่ ผู้จัดการส่วนตัวของคุณเขมจิรากันค่ะ”

นักข่าวสาวรายงาน ก่อนที่ภาพจะตัดไปเป็นร่างใหญ่ของสาวประเภทสองที่ยืนให้นักข่าวสัมภาษณ์ ที่มุมบนด้านขวามือมีรูปนางแบบที่เป็นเจ้าของรถคันที่ประสบอุบัติเหตุจนเหลือแต่ซาก ภาคินจำได้ว่าเธอคือผู้หญิงคนที่เขาช่วยชีวิตไว้เมื่อคืน ตาคมเข้มจับจ้องไปยังใบหน้าสวยหวาน หูยังฟังเสียงให้สัมภาษณ์ของสาวประเภทสอง        คนนั้น เมื่ออยู่ ๆ ก็เกิดสนใจเรื่องราวของเธอขึ้นมา

“ตอนนี้น้องขิมปลอดภัยแล้วค่ะ แต่ยังไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์ น้องไม่เป็นอะไรมากค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ส่งให้น้องนะคะ พี่ขอเป็นตัวแทนของขิม ขอบคุณ     ทุกคนค่ะ”

ร่างสูงยังยืนอยู่ที่เดิม จับใจความได้ว่าผู้หญิงคนนั้นชื่อเขมจิรา เป็นนางแบบ เธอเดินทางมาหาเพื่อนที่เชียงรายจึงมาประสบอุบัติเหตุ แต่ยังมีนักข่าวบางคนแย้งว่าสาเหตุที่นางแบบสาวเดินทางไปเชียงราย เพราะจับได้ว่าสามีนอกใจ เธอจึงหนีไปเลียแผลใจ

“อ้อ... ผัวมีชู้นี่เอง ถึงได้อยากตาย”

ภาคินพูดกับตัวเองเมื่อกดปิดโทรทัศน์แล้วเดินมาเรือนใหญ่     ซึ่งเป็นบ้านของเจ้านายกับนายหญิง สายป่านนี้คนบ้านใหญ่คงกินข้าวเช้ากันแล้ว เพราะคุณหนู ๆ ต้องไปโรงเรียน ชายหนุ่มจึงเลือกเดิน     เข้าครัว หากาแฟดื่มสักถ้วย ตาจะได้สว่าง

“พี่เข้ม หัวไปโดนอะไรมาคะนั่น” ทันทีที่เดินออกมานั่งหน้าบ้าน เสียงหวานใสของเจ้าของบ้านก็เอ่ยถาม ภาคินหลบตาเมื่อภัทรทิรามองมาด้วยสายตาห่วงใย

“หัวแตกครับ คุณหมอกไปไหนเหรอครับ” ภาคินหันมาตอบ      นายหญิงก่อนจะถามหานายใหญ่ เพราะตอนที่เขาเดินมาไม่เห็นรถของสินธรจอดในโรงรถ

“หมอกไปซื้อปุ๋ยค่ะ พาลำธารไปด้วย ว่าแต่หัวไปโดนอะไรมาคะ เย็บหรือเปล่า” ภัทรทิราตอบคำถามแล้วถามกลับ ก่อนจะหย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้าม ภาคินเสยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม อยากจะกลอกตา   สักร้อยตลบ ผัวเมียคู่นี้นิสัยเหมือนกันจริง ๆ ถ้าอยากรู้อะไรต้องรู้ให้ได้ ถ้าเขาไม่ตอบภัทรทิราก็จะถามซ้ำ ๆ จนกว่าจะได้คำตอบ ดีเหมือนกันเล่าให้เมียฟัง จะได้ไม่ต้องเล่าให้ผัวฟังอีกรอบ เพราะภาคินเชื่อเหลือเกินว่านายหญิงจะต้องเล่าเรื่องของเขาให้นายใหญ่ฟัง ตาคมเข้มมองไปรอบ ๆ แม่เขาอยู่ไหนนะ เรียกให้มาฟังด้วยอีกคนดีไหม เขาจะได้ไม่ต้องเล่าหลายรอบ

ภาคินเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ให้ภัทรทิราฟัง แต่เลือกที่จะ  ไม่เล่าเรื่องกระถิน เพราะอะไรที่ทำให้นายหญิงไม่สบายใจ เขาก็จะ    ไม่ทำ

“แล้วเช้านี้ทำแผลยังคะ มาค่ะ ขอวิวดูหน่อย”

ภัทรทิราพูดพร้อมขยับเข้าหา ทำท่าทางจะดูแผลบนหัวของเขา ภาคินรีบปฏิเสธนายหญิง เว้นระยะห่างเอาไว้ดีที่สุด ใครจะรู้ว่า  ขนาดมีลูกด้วยกันสามคน เจ้านายของเขายังหวงเมียยิ่งกว่าไข่ในหิน เหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนยังฝังอยู่ในหัว แค่นายหญิงใส่เสื้อคลุม     ของเขา คุณหมอกก็แทบจะเป่าหัวเขาทิ้ง

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมให้แม่ทำให้ดีกว่า ขอตัวนะครับ” ร่างสูงลุกขึ้นเมื่อดื่มกาแฟหมดแก้ว เดินเอาแก้วไปเก็บในครัว แล้วหาอะไร รองท้อง เพราะต้องกินยาตามที่หมอสั่ง

จังหวะที่ภาคินเข็นรถมอเตอร์ไซค์ออกจากโรงรถ กระบะโฟวิล     คุ้นตาก็ขับเข้ามาจอดขวางด้านหน้าพอดี ตาสองคู่สบกันก่อนที่ตาของคนสูงวัยกว่าจะเป็นฝ่ายหลบ เมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกมองด้วยสายตารู้ทัน ภาคินเข้มกลืนน้ำลายลงคอ เขาบอกกับสินธรว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเด็กกระถินแล้ว แต่มอเตอร์ไซค์ที่เขากำลังคร่อมอยู่ ก็เป็นหลักฐาน    มัดตัวจนดิ้นไม่หลุด

บทก่อนหน้า
บทถัดไป