บทที่ 4 ตอนที่ 4
ผักหวานอ้าปากค้างด้วยความตื่นเต้นดีใจที่ได้ทิปหนักขนาดนี้ กำลังจะยกมือไหว้แต่รถคันหรูก็วิ่งหายไปซะก่อน หญิงสาวยกธนบัตรขึ้นมาจูบเบาๆ ก่อนจะรีบวิ่งไปหาพุดซ้อนที่เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี
“นี่ฉันได้ทิปมาตั้งเจ็ดร้อยแน่ะพุด”
พุดซ้อนไม่ได้แสดงความรู้สึกใดออกมานอกจากทำหน้าตูมเมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อนสนิท
“ดีใจด้วย”
“ดีใจกับฉัน แล้วทำไมยังทำหน้าบูดอยู่ล่ะ นี่ฉันถามจริงๆ เถอะพุด แกเป็นอะไรไปเนี่ย เมื่อเช้ายังเห็นยิ้มหน้าเป็นอยู่เลย หรือว่าปวดท้องเมนส์ยะ”
“เปล่าหรอก ก็แค่...เบื่อๆ”
“เบื่ออะไรอีกล่ะ หรือว่าน้าเย็นไปก่อหนี้ก่อสินให้อีกแล้ว” ผักหวานที่เดินตามหลังพุดซ้อนมาถามขึ้นด้วยความเป็นกังวล เพราะตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาพุดซ้อนต้องลำบากทุกครั้งที่บานเย็นไปเล่นการพนันแล้วก็เสียมา
“ไม่ใช่หรอก น้าเย็นเลิกเล่นแล้ว”
“เชื่อได้เหรอ”
พุดซ้อนหยุดเดินและหันมาจ้องหน้าเพื่อนสนิท
“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าน้าเย็นแอบไปเล่นบ้างหรือเปล่า แต่น้าเย็นไม่เคยมาขอเงินฉันไปใช้หนี้บ่อนอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น...”
หญิงสาวพูดได้แค่นั้น สมองก็ผุดภาพใบหน้าหล่อลากไส้ของวูลฟ์ เมอร์ดิสันขึ้นมา ผู้ชายที่หล่อนใช้เล่ห์เหลี่ยมตกกระเป๋าสตางค์ของเขาติดมือมา หล่อนไม่เคยลืมสายตาสีทองอร่ามกระด้างคู่นั้นเลย มันฝังแน่นตราตรึงอยู่ในความทรงจำอย่างไม่เสื่อมคลาย
วูลฟ์หล่อมาก หรือถ้าจะเรียกให้ถูกก็คือสมบูรณ์แบบไปทั้งตัวตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า แม้ว่าทุกอณูเนื้อของผู้ชายคนนั้นจะเต็มไปด้วยความเถื่อนถ่อยและแสนอันตราย แต่หัวใจไม่รักดีมันก็ยังเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะทุกครั้งที่นึกถึงผู้ชายนี้ ผู้ชายที่เขย่าโสตประสาทของหล่อนได้ทุกเสี้ยววินาที
พุดซ้อนสลัดศีรษะแรงๆ จนเส้นผมที่ขมวดไว้กลางศีรษะบางส่วนหลุดรุ่ยร่ายลงมา แต่เจ้าตัวไม่ได้ให้ความสนใจมันนักเพราะคำพูดที่เต็มไปด้วยความสงสัยของผักหวานมันน่าสนใจกว่า
“แกส่ายหัวทำไมอะพุด”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่...มึนๆ หัวนิดหน่อย ว่าแต่แกเถอะเมื่อไรจะหางานทำได้สักที ฉันเห็นแกหางานทำมาปีกว่าแล้วนะ” พุดซ้อนปฏิเสธแล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุยได้อย่างมืออาชีพ
ผักหวานถอนใจออกมาเมื่อคำสนทนาวกกลับเข้ามาที่เรื่องของตัวเอง ดวงตาหวานฉ่ำอัดแน่นไปด้วยความทดท้อใจ
“ฉันก็พยายามอยู่ แกก็รู้นี่พุด แต่ฉันจบแค่ ม.6 เอง จะไปสู้พวกคนที่จบสูงๆ ได้ยังไงล่ะ”
“แต่แกเกรดดีจะตายไปหวาน”
“ต่อให้เกรดดีแค่ไหน แต่ฉันจบจากโรงเรียนวัดนะพุด และเดี๋ยวนี้แทบจะทุกบริษัทเลยที่เลือกจากสถาบัน” ความท้อแท้ในกระแสเสียงของเพื่อนรักมีมากจนพุดซ้อนต้องรีบกล่าวปลอบใจออกมา
“อย่าเครียดไปเลยน่าหวาน หาไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ได้เองนั่นแหละ แกไม่มีภาระสักหน่อย ตัวคนเดียวสบายอยู่แล้ว ดีกว่าฉันเสียอีกที่ไม่ได้จบอะไรเลยแม้แต่ ม.3”
“แต่ถึงแกจะไม่จบ ม.3 แต่แกก็พูดภาษาอังกฤษไฟแลบเลยไม่ใช่เหรอ อย่ามาถ่อมตัวดีกว่าน่า” ผักหวานแย้งอย่างหมั่นไส้ แล้วก็อดพูดต่อไม่ได้
“ถ้าฉันพูดภาษาอังกฤษเก่งเท่าแกนะ ฉันคงหางานทำได้ตั้งนานแล้วล่ะ”
“อย่าทำมาบ่นน่าหวาน หากแกอยากพูดภาษาอังกฤษได้ก็ไปเป็นคนรับใช้นายฝรั่งสิ ปีครึ่งปีก็คล่องปร๋อแล้ว” พุดซ้อนชี้ทางเลือกให้กับเพื่อนรัก เพราะที่หล่อนพูดภาษาอังกฤษได้คล่องปากแบบนี้ก็เพราะไปรับจ๊อบเป็นสาวใช้ชั่วคราวให้กับฝรั่งผัวเมียคู่หนึ่งมาเกือบครึ่งปีนั่นเอง
“มันก็จริงอย่างที่แกพูด แต่ฉันขอลองหางานอื่นทำก่อนแล้วกัน ถ้าไม่ได้จริงๆ ค่อยไปทำแบบที่แกแนะนำ” ผักหวานพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะยกมือแตะต้นแขนของเพื่อนรักเบาๆ “แต่แกไม่ต้องกังวลนะ ถ้าฉันได้ดี ไม่มีทางที่ฉันจะทิ้งแก จำเอาไว้นะพุด”
พุดซ้อนยิ้มกว้าง ซาบซึ้งในความจริงใจของผักหวานยิ่งนัก
“เช่นกันเพื่อนรัก เราจะไม่ทิ้งกัน มิตรภาพของเราจะยังคงอยู่จนชั่วฟ้าดินสลาย”
สองสาวกำลังจะโผเข้ากอดกันอยู่แล้ว หากไม่มีเสียงแหลมๆ ของเจ้าของปั๊มน้ำมันดังขึ้นซะก่อน
“เวลานี้ไม่ใช่เวลามาเล่นมิวสิกหรอกนะ ไปทำงานเร็วเข้า เห็นไหมว่ารถเยอะแค่ไหน”
“ค่ะเจ๊”
พุดซ้อนรีบหันไปยิ้มแหยๆ ให้กับเจ้าของปั๊ม จากนั้นหล่อนกับผักหวานก็รีบแยกย้ายไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเองอย่างรวดเร็ว
“นายท่านจะทำยังไงต่อไปครับ”
ตาแม้นที่วันนี้ทำหน้าที่คนขับรถให้กับท่านเนาว์เอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าของเจ้านายเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานใจ
“ฉันอยากจะพาหลานสาวของฉันกลับบ้าน...อยากจะพาแกกลับบ้าน...”
กระแสเสียงแหบแห้งของท่านเนาว์สั่นเทา ความรู้สึกผิดโจมตีเข้าสู่เนื้อหัวใจอย่างรุนแรง แล้วยิ่งได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของหลานสาวที่แร้นแค้นยิ่งกว่ายาจก เขาก็ยิ่งทรมานใจ
“แต่แกคงไม่ยอมกลับอย่างแน่นอน พุดซ้อนจะต้องเกลียดปู่อย่างฉัน”
“อย่าคิดแบบนั้นสิครับนายท่าน บางทีคุณหนูใหญ่อาจจะไม่ได้คิด...”
ตาแม้นกำลังจะบอกว่าบางทีพุดซ้อนอาจจะไม่ได้เกลียดท่านเนาว์ก็ได้ แต่ก็ถูกเจ้านายแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเสียก่อน
“สายตาของแกบอกฉันแบบนั้น แกหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีไม่ต่างจากตานัยเลย”
เอ่ยถึงบุตรชายที่เสียไปแล้ว น้ำตาไหลก็ออกมา มือเหี่ยวๆ ยกขึ้นป้ายทิ้งช้าๆ ตาแม้นเห็นแล้วก็อดสงสารเจ้านายวัยชราไม่ได้
“คุณหนูใหญ่จะต้องเข้าใจ เธอจะต้องให้อภัยนายท่านแน่นอนครับ ผมเชื่ออย่างนั้น”
ท่านเนาว์หลับตาลงอีกครั้ง ไม่คิดจะโต้ตอบอะไรกับคนขับรถอีก ในสมองอัดแน่นไปด้วยความสำนึกผิดที่กัดกินหัวใจมานานหลายปี เขาจะทำยังไงดีนะเพื่อชดเชยสิ่งที่พุดซ้อนเสียไปตั้งแต่เล็ก แล้วเขาจะทำยังไงดีเพื่อให้พุดซ้อนยอมแต่งงานกับวูลฟ์ด้วยความสมัครใจ
