บทที่ 2 chapter 2

“ถึงพี่จะเปรยๆ แบบฝากฝังไว้แล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะได้เต็มร้อยนะ” ไม่ได้อยากใช้เส้นสาย ทว่าเมื่อโอกาสมาแล้วรู้ข่าวก่อนใคร ก็อยากนำเสนอคนใกล้ที่งานดี ขยันขันแข็งแถมยังไม่เกี่ยงด้วย หนักก็เอาเบาลุยไม่ถอย

“เป็นตัวเอมเองนั่นแหละ ที่ต้องทำให้เขาสนใจตั้งแต่แรกเห็น ด้วยความมั่นใจในตัวเอง เรามีประสิทธิภาพพอ เมื่อเขารับเข้าไปทำงานแล้ว จะได้เป็นบุคลากรอันทรงคุณค่า ทำงานได้ดีและไม่ทำให้โรงแรมของเขาเสียหาย”

“แต่...” ก้มลงมองเสื้อผ้าที่สวมใส่ คิดว่าชุดนักศึกษาดูดีและเรียบร้อยเหมาะกับการไปยื่นไปเอกสารและกรอกใบสมัครงานอยู่นะ

“ไม่ใช่ว่าไม่ดีหรอกเอม แต่หน้าตาเรานะ ใส่ชุดนักศึกษาไป เขาก็ต้องคิดว่าเด็กที่ยังเรียนไม่จบไปขอทำเรื่องฝึกงานหรือไปวิ่งเล่นน่ะสิ” เอ่ยบอกเมื่อเห็นสายตาสงสัยของเธอเอม

“เพราะอย่างนี้ไง พี่ถึงต้องเป็นคนพามาเอง” ไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดใดจนทำให้เฌอเอมพลาดงานที่แม้จะหนักไปนิด แต่เงินเดือนและสวัสดิการอย่างอื่นดีมากๆ สำหรับนักศึกษาจบใหม่ไม่มีประสบการณ์ทำงานจริง

“พี่น้ำผึ้งดีกับเอมมาก จนเอมไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงแล้ว ขอบคุณนะคะ” ยกมือไหว้สายน้ำผึ้งอย่างซาบซึ้งใจจนน้ำตาคลอเบ้า

“คิดอะไรมากล่ะเอม ก็เราคนบ้านเดียวกัน มีอะไรช่วยได้ก็ช่วยกันไป” สายน้ำผึ้งละสายตาจากท้องถนน ดวงหน้าแย้มยิ้มละไมมอบให้สาวน้อยใกล้บ้าน ละมือจากพวงมาลัยมาตบมือแขนกลมกลึงเบาๆ ก่อนหันไปประคองรถพร้อมสอดส่ายสายตามองไปยังร้านรวงริมถนนที่หมายตาไว้จะซื้อให้เฌอเอมเป็นของขวัญ

‘อยู่ไหนนะ’ ชะเง้อจนคอยาว สอดส่ายสายตามองไปยังร้านรวงริมถนนหาร้านที่หมายตาไว้ ด้วยจำได้คราวที่มาส่งเฌอเอมไปทัศนศึกษา มีร้านขายเสื้อผ้าอยู่ร้านหนึ่ง มีป้ายบอกราคาไว้ด้านหน้าเห็นแล้วว่าราคาย่อมเยา ตัวผ้าเห็นผ่านตาก็คิดว่าน่าจะใช้ได้อยู่ ด้วยเห็นมีลูกค้าแวะเวียนเข้าไปใช้บริการเยอะพอสมควร

คิ้วโก่งได้รูปขมวดมุ่นเข้าหากัน ‘หรือเลิกกิจการไปแล้ว อืม...คงไม่หรอกน่า เห็นลูกค้าเข้าร้านออกตั้งเยอะนี่น่า’

คล้ายๆ ใช่ร้านที่หาอยู่นั้น เธอขับรถผ่านมาแล้ว เพื่อให้มั่นใจสายน้ำผึ้งเหลียวกลับไปมองอีกครั้งอย่างลืมตัวว่าขับรถอยู่ ส่วนหนึ่งเพราะเคลื่อนไหวร่างกายเร็วเกินไป อีกส่วนเพราะแสงแดดส่องกระทบจากข้างทางสาดเข้ามาในดวงตาจนพร่ามัว บวกกับเสียงแตรจากรถคันหลัง อารามตกใจทำให้เผลอพารถเหวี่ยงออกไปนอกเส้นทาง เท้าก็ไพล่ไปเหยียบบนคันเร่งจนรถพุ่งไปด้านหน้าอย่างเร็วไว

“ว้าย!! พี่น้ำผึ้ง ระวังค่ะ!” เฌอเอมหวีดร้องเสียงหลง ยกสองมือดันคอลโซลหน้ารถ เพื่อไม่ให้ตัวเองถลาเอาหน้าไปชนกับกระจกรถ ตั้งสติได้ก็รีบหันหน้าไปมองสายน้ำผึ้งอย่างเป็นห่วง

แม้ตกใจทว่าสายน้ำผึ้งก็ยังควบคุมสติตัวเองไว้ได้ รีบเคลื่อนเท้าไปเหยียบเบรกเต็มรักจนล้อรถหมุนติ้วๆ พร้อมควันสีขาวพวยพุ่งออกมา รถคันเล็กส่ายไปมาเหมือนงู พุ่งลิ่วไปด้านหน้าและหยุดตรงหน้าชายคนหนึ่งอย่างเฉียดฉิว!

ร่างเพรียวแข็งทื่อราวกับถูกบล็อก สองมือนุ่มนิ่มเย็นจัดจิกเกร็งจับพวงมาลัยรถแน่นจนเส้นเอ็นผุดตามเรียวแขนซึ่งสั่นระริก พอๆ กับวงหน้าเผือดราวกับกระดาษ เหงื่อผุดตามร่องรูขุมขน กลีบปากอิ่มนุ่มสั่นระริกจนต้องรีบขบกัดเอาไว้

ถ้าเหยียบเบรกไม่ทัน นิดเดียว! นิดเดียวเท่านั้นเธอก็จะกลายเป็นฆาตกรโดยไม่ตั้งใจ!

ตั้งแต่ขับรถเป็นและขับรถมาเกือบครบสิบปีในไม่กี่วันนี้แล้ว ไม่เคยเกิดเหตุการณ์อย่างครั้งนี้เลย สายน้ำผึ้งได้แต่กำพวงมาลัยรถแน่น ตื่นตระหนกจนหัวใจคล้ายจะหยุดเต้น ก่อนร่วงหล่นลงไปกองที่ปลายเท้าซึ่งเย็นยะเยือกราวกับมีน้ำแข็งเกาะอยู่ เมื่อรับรู้ถึงพลังแห่งความโกรธที่แผ่ซ่านมาจากเบื้องหน้า

“พี่น้ำผึ้ง...พี่น้ำผึ้งค่ะ!” เฌอเอมร้องเรียกคนกำลังช็อก แต่สายน้ำผึ้งก็ยังไม่มีทีท่าได้สติ จนเธอต้องรีบทาบมือบนลำแขนเสลาและเขย่าพร้อมเรียก “พี่น้ำผึ้ง”

“หะ...หืม...มีอะไรเอม” หันหน้าไปถามเฌอเอมอย่างคนเอ๋อและงุนงง คล้ายอาการนี้สมองสั่งการให้เป็นไปอย่างอัตโนมัติมากกว่า

“อ๋อ...พี่ไม่เป็นอะไร เอมล่ะเป็นอะไรหรือเปล่า” เอ่ยถามเสียงเบาหวิว กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ปากบอกว่าไม่เป็นไร แต่หัวใจและร่างกายกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยสักนิด แข้งขาอ่อนแรงจนไม่แน่ใจถ้าหากก้าวลงไปบนพื้นแล้วจะยืนทรงตัวได้หรือเปล่า

“ไม่ค่ะ เอมไม่เป็นอะไร” ตอบกลับเสียงสั่น เย็นเฉียบไปทั้งร่าง ด้วยตกใจจนหัวใจหล่นกองไปอยู่ที่ตาตุ่ม ร้องเรียกหาพ่อแก้วแม่แก้วให้มาช่วย

“ถึงมหา’ ลัยเอมพอดีเลย เอมไปเอาเอกสารนะ เดี๋ยวพี่เคลียร์ทางนี้เสร็จแล้วจะรีบตามไป แต่ถ้าเอมเรียบร้อยก่อนก็มาหาพี่ตรงนี้นะ” เอ่ยสั่งความเสี่ยงยังสั่นเทา

ความจริงอยากมีเพื่อนสักคน อยู่เป็นกำลังใจให้กันตอนมีปัญหา ทว่ารัศมีแห่งอำนาจและเพลิงโทสะที่มาจากโจทก์หนุ่มร่างหนาใหญ่ ถ้าตาเธอไม่ฝาดไปละก็ ดวงหน้านั้นแดงปลั่งถมึงทึงคล้าย ย.ยักษ์เขี้ยวใหญ่ในหนังสือเรียน ก.ไก่ นัยน์ตาเข้มดุเปล่งประกายกร้าวแข็งที่กระแทกใจเธออย่างจัง ทำให้คิดว่าสู้คนเดียวดีกว่าพาเอาแม่ขี้กลัวมาอยู่ด้วย ที่จะกลายเป็นตัวถ่วงทำให้ละล้าละลังเสียมากกว่า

“แต่ว่า...” เฌอเอมอิดออด ด้วยเป็นห่วงคนที่อาการไม่สู้ดี มิหนำซ้ำยังมาเกิดเรื่องอีก เธอคงใจดำถ้าหากทิ้งสายน้ำผึ้งไว้คนเดียว

“ไม่ต้องห่วง ปวดหัวแค่นี้ จิ๊บๆ พี่ยังไหวน่า” ไม่อยากให้เฌอเอมเป็นห่วงจนกลายเป็นคนผิดคำพูด เพียงแค่การไปเขียนใบสมัครและยื่นเอกสารแล้วยังไปสาย ผิดเวลา หรือไม่ได้ไป จะทำให้หญิงสาวถูกมองว่าเป็นคนไม่รับผิดชอบได้ อีกอย่างอุบัติเหตุแค่นี้เธอยอมรับผิด ให้ฝ่ายนั้นเรียกร้องค่าเสียหายมา ถ้าเงินไม่มากมายเกินไป เธอสู้ไหวก็จัดการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว แต่ถ้ามากเกินไปก็คงต้องหวังพึ่งประกัน

“ก็ได้ค่ะ” เฌอเอมรับปากเสียงอ่อยอย่างเสียมิได้ เมื่อเจอเข้ากับสายตาดุๆ ของสายน้ำผึ้ง “ถ้ามีอะไรหนักหนาพี่น้ำผึ้งโทรหาเอมนะคะ เอมจะรีบมา” บอกก่อนเปิดประตูก้าวลงจากรถอย่างเชื่องช้า

“อือ” สายน้ำผึ้งรับคำ ก่อนอัดสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มรัก เรียกความมั่นใจก่อนเปิดประตูก้าวลงไปเจอกับคู่กรณีที่สาดสายตาเข้มดุและเกรี้ยวกราดมองมา

บทก่อนหน้า
บทถัดไป