บทที่ 7 แขกผู้ลึกลับ
ญาดาวีนั่งอยู่บนเบาะด้านหน้าของเขมจิรา แขกรับเชิญที่ทีมงานประกาศผ่านโซเชียลมีเดียมากันครบแล้ว รถค่อยๆ เคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังบ้านพักบนภูเขา
ระหว่างทาง แขกรับเชิญหลายคนพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน มีเพียงเขมจิราที่นั่งฟังเงียบๆ ตอบกลับเป็นครั้งคราวเพียงประโยคสองประโยค เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แล้ว ถือว่าเธอค่อนข้างเงียบ
ญาดาวีผู้มีพรสวรรค์ด้านการเข้าสังคมโดยกำเนิด กลายเป็นศูนย์กลางของกลุ่มไปโดยปริยาย เธอสนุกกับความรู้สึกที่ถูกรายล้อมและชื่นชมแบบนี้มาก บางครั้งก็หันกลับมามองเขมจิราอย่างได้ใจสองสามครั้ง แต่เธอก็ทำเป็นไม่เห็น
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่สอง ตั้งแต่เธอกลับมาที่ตระกูลทับทอง ญาดาวีก็คอยจะเปรียบเทียบกับเธอทุกเรื่อง เขมจิรารู้ดีแก่ใจว่าที่ญาดาวีมาเข้าร่วมรายการวาไรตี้นี้ ก็เพื่อที่จะมากดดันเธอโดยเฉพาะ
เธอไม่มีทางที่จะวิ่งเข้าไปหาเรื่องใส่ตัวอยู่แล้ว เธอยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ
กวินท์นั่งอยู่ข้างๆ ญาดาวี ตั้งแต่ขึ้นรถมา เขาก็สังเกตเห็นเขมจิราแล้ว เดิมทีอยากจะทักทายเธอ แต่พอเห็นท่าทีเย็นชาของเธอก็ได้แต่ระงับใจไว้
ในใจเขายังคงรู้สึกผิดต่อเขมจิราอยู่บ้าง ดังนั้นระหว่างทางจึงพยายามหาเรื่องคุยกับเธอถึงสองครั้ง แต่ทุกครั้งที่สายตาของเธอสบกับเขา ไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยปาก เธอก็เบือนหน้าหนีไปเสียก่อน
ท่าทีเย็นชาแบบนี้ ทำให้กวินท์รู้สึกอึดอัดคับข้องใจอยู่ไม่น้อย ไม่ค่อยชินเท่าไหร่
นับตั้งแต่เขมจิรากลับตระกูลทับทองมาเป็นเวลากว่าหนึ่งปี เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ในตระกูลทับทองแล้ว เธอกับเขาสนิทกันที่สุด ตอนนี้เรื่องราวมันกลายเป็นแบบนี้ เขาย่อมโกรธที่เขมจิราทำตัวไม่รู้ความ ถึงกับรู้สึกว่าเธอกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา
เขมจิราไม่รู้ว่ากวินท์คิดอะไรอยู่ เพียงแต่มีปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณที่อยากจะอยู่ให้ห่างจากเขา ท้ายที่สุดแล้ว การที่เธอถูกทุกคนทอดทิ้งในตอนนี้ ต้นตอทั้งหมดก็มาจากกวินท์นั่นเอง
ผู้ชมในห้องไลฟ์สดเห็นท่าทีที่ดูอึดอัดระหว่างกวินท์และเขมจิรา ก็เริ่มคาดเดากันไปต่างๆ นานา
【ทำไมฉันรู้สึกว่าพี่เจ็ดเจ็ดดูเหมือนจะพยายามเอาใจเขมจิราเลยนะ จ้องเธอตลอดเลย】
【อย่านะ พี่เจ็ดเจ็ดอย่าโดนเขมจิราหลอกนะ รีบถอยห่างจากเธอเลย ถอย! ถอย! ถอย!】
【ฉันเดาว่าในใจเขมจิราคงจะดีใจจนยิ้มไม่หุบแล้วล่ะมั้ง ก็พี่เจ็ดเจ็ดเป็นตัวท็อปนี่นา ถ้าเกาะเขาได้ ยังจะกลัวไม่มีทรัพยากรอีกเหรอ?】
【ฉันว่าไม่น่าใช่นะ รู้สึกว่าเขมจิราไม่น่าจะแสดง เหมือนเกลียดพี่เจ็ดเจ็ดจริงๆ ความเห็นส่วนตัวนะ อย่าด่า】
…
หลังจากเดินทางมากว่าสองชั่วโมง ในที่สุดรถก็จอดลงที่ตีนเขา พร้อมๆ กันนั้นก็มีรถตู้ธุรกิจอีกคันมาถึงแทบจะในเวลาไล่เลี่ยกัน
แขกรับเชิญหลายคนยืนอยู่นอกหมู่บ้าน ประตูรถอีกคันเปิดออก ทีปกรในชุดลำลองสีขาวก้าวลงมาจากรถ ทั่วทั้งร่างแผ่กลิ่นอายของความสงบนิ่ง
แขกรับเชิญหลายคน ยกเว้นเขมจิราและญาดาวี ต่างก็ค่อนข้างประหลาดใจ พวกเขายิ้มและทักทายทีปกร ทีปกรก็พยักหน้าตอบกลับอย่างสุภาพทีละคน
เขมจิราไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย ดูจากท่าทางของญาดาวีแล้ว ก็น่าจะรู้ล่วงหน้าว่าทีปกรเป็นแขกรับเชิญปริศนาของรายการนี้
ญาดาวีเป็นคนสุดท้ายที่ทักทายทีปกร เธอแสร้งทำท่าทีเขินอาย เรียกคะแนนความชอบจากผู้ชมไปได้อีกระลอก
【ว้าว ญาดาวีหน้าแดงด้วยอ่ะ ใสซื่อขนาดนี้เลยเหรอ】
【อย่าพูดมั่วๆ ญาดาวีแค่ไม่สนิทกับทีปกรต่างหาก ระดับมันต่างกัน นี่เรียกว่าความอ่อนน้อมถ่อมตน อย่าคิดไปไกล】
【แต่สองคนนี้เคมีเข้ากันมากเลยนะ สายตาที่ทีปกรมองญาดาวีมันซ่อนไม่มิดเลยจริงๆ นี่มันรักแรกพบชัดๆ】
【ภาพตอนที่สองคนอยู่ในเฟรมเดียวกันมันหวานมาก ฉันขอชิปคู่ "ญากร"】
【เดี๋ยวนะ ไม่มีใครสังเกตเหรอว่าความรู้สึกระหว่างเขมจิรากับทีปกรก็ดูแปลกๆ เหมือนกัน】
【สงสัยจะจีบไม่ติด เลยเปลี่ยนจากรักเป็นแค้นล่ะมั้ง 55555】
…
ทีปกรทักทายทุกคนทีละคน พอถึงตาเขมจิรา เธอก็หันหน้าไปอีกทางทันที ทำหน้าเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด เป็นท่าทีที่บอกว่าอย่าเข้ามาใกล้ฉันเด็ดขาด
ไลฟ์สดครั้งนี้ไม่มีการซ้อมบทใดๆ เป็นเรียลลิตี้โชว์ล้วนๆ เธอจึงไม่จำเป็นต้องเสแสร้งทำเป็นดีต่อกัน
พวกเขาต้องอยู่ในป่าเป็นเวลาหลายวัน ยังไงก็ต้องมีช่วงเวลาที่แสร้งทำต่อไปไม่ไหว ถึงตอนนั้นถ้าผู้ชมจับได้ก็จะหาว่าเธอเสแสร้ง สู้เป็นตัวของตัวเองตั้งแต่แรกเลยดีกว่า
สำหรับการแสดงความรังเกียจอย่างเปิดเผยของเขมจิรานั้น ทีปกรคาดไม่ถึง ท่าทีสงบนิ่งบนใบหน้าแทบจะเก็บไว้ไม่อยู่ ในใจก็เริ่มมีโทสะขึ้นมาเล็กน้อย
สองวันที่ผ่านมาเขาพยายามติดต่อเธอ แต่ทุกครั้งที่โทรติด เขายังไม่ทันได้พูดถึงสองประโยค เขมจิราก็ตัดสายทิ้งทันที ไม่ให้โอกาสเขาเลยแม้แต่น้อย
เดิมทีในใจก็มีความคิดเห็นที่ไม่ดีต่อเขมจิราอยู่แล้ว พอมาเห็นเธอทำแบบนี้ ทีปกรย่อมรู้สึกไม่พอใจเป็นธรรมดา
มิ้นท์ไม่ชอบหน้าเขมจิรามาตลอดอยู่แล้ว พอเห็นเธอหักหน้าทีปกรต่อหน้าสาธารณชน ก็รีบฉวยโอกาสกดดันเธอทันที:
“เขมจิรา ทีปกรเป็นรุ่นพี่นะ เธอจะมาทำหน้าบึ้งใส่เขาได้ยังไง? ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนเธอเคยบอกว่าพวกเธอสองคนโตมาด้วยกันไม่ใช่เหรอ?”
ก่อนหน้านี้หลังจากภาพที่เขมจิราและทีปกรออกมาจากสนามบินด้วยกันถูกปล่อยออกไป ทีปกรไม่ได้ทำอะไร เธอจึงต้องออกมาชี้แจงด้วยตัวเองว่าทั้งสองคนโตมาด้วยกัน ซึ่งทีปกรก็ยังคงไม่ปฏิเสธและไม่ยอมรับ
แฟนคลับไม่เชื่อ จนกระทั่งภายหลังเขมจิราต้องนำรูปถ่ายมายืนยัน กระแสวิจารณ์ถึงได้สงบลง
“แล้วยังไง?”
เขมจิราเลิกคิ้วมองมิ้นท์ เธอทนกับการถูกครอบงำทางความคิดจากตระกูลทับทองมามากพอแล้ว แค่มิ้นท์อ้าปาก เธอก็รู้แล้วว่าหมายความว่าอะไร
“เพื่อนสมัยเด็กกัน จะมีความแค้นอะไรลึกซึ้งขนาดนั้น เธอก็ไม่เห็นต้องจริงจังขนาดนี้เลยนี่?”
คำพูดของมิ้นท์มีความหมายแอบแฝง แต่เขมจิราไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เธอเหลือบมองทีปกรแวบหนึ่งอย่างเฉยเมย: “ฉันกับเขาขอตัดขาดกันแค่นี้ ไม่ได้เหรอ?”
“หา? ทำไมล่ะ?”
มิ้นท์ถามออกไปโดยไม่ทันคิด เขมจิราขมวดคิ้วอย่างรำคาญใจ กำลังจะอ้าปากพูดก็ถูกทีปกรขัดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“บ้านเธออยู่ติดทะเลเหรอ? ถึงได้ยุ่งเรื่องชาวบ้านขนาดนี้”
คำพูดของทีปกรทำเอามิ้นท์หน้าชาไปทันที เธอชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะแห้งๆ อย่างเก้อเขิน: "เปล่า ฉันก็แค่ถามไปงั้นๆ ถือซะว่าฉันไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน"
คอมเมนต์ในไลฟ์สดเริ่มไหลขึ้นมาอีกครั้ง แฟนคลับของทีปกรกระหน่ำคอมเมนต์กันอย่างบ้าคลั่ง
【เห็นมั้ยล่ะ ฉันว่าแล้วไง ทีปกรไม่มีทางชอบคนอย่างเขมจิราหรอก】
【อยากรู้จังว่าเกิดอะไรขึ้น อยากกินเผือก อยากกินเผือก】
ฉันเดาว่าเขมจิราอยากจะเกาะกระแส แต่โดนทีปกรปฏิเสธ เลยงอน เล่นเกมยุให้จับแล้วปล่อย (หยอกให้รักแล้วผลักไส)
【ทีปกรน่าสงสารจัง มีเพื่อนสมัยเด็กแบบนี้ เห็นใจเขาสามนาที】
【ไม่ใช่นะ ทำไมฉันมองว่าเขมจิราไม่อยากยุ่งกับทีปกรมากกว่า รู้สึกเหมือนคนที่ทำผิดคือทีปกรนะ】
【จะเป็นไปได้ยังไง? ระดับอย่างทีปกร จำเป็นต้องไปทำอะไรกับดาราปลายแถวอย่างเขมจิราด้วยเหรอ?】
【นั่นสิ นั่นสิ ทีปกรเบื่อเขมจิราจะตายอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเกรงใจว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็ก คงไม่สนใจไปนานแล้ว】
…
คอมเมนต์ในห้องไลฟ์สดยังคงไหลไม่หยุด ในขณะนั้นเอง ก็มีผู้ชายอีกคนก้าวลงมาจากรถตู้คันเดียวกับที่ทีปกรนั่งมา
เขาสวมชุดนักบิด สวมแว่นกันแดด สูงกว่าทีปกรเล็กน้อย ไหล่กว้างเอวแคบ ทั่วทั้งร่างให้ความรู้สึกเหมือนคนรักอิสระและไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์
ในชาติที่แล้ว เขมจิราเคยดูรายการนี้ออกอากาศมาก่อน จึงรู้ดีว่าชายคนนี้คือใคร
ทาวัต ลูกชายคนรวยในแวดวงเมืองหยุนเฉิง ในอดีตเคยมีชื่อเสียงจากการเข้าร่วมการแข่งขันเขียนโปรแกรมระดับประเทศ ต่อมาเพราะชื่นชอบอีสปอร์ต จึงได้ก่อตั้งทีมของตัวเองขึ้นมา
ทีมของเขาคว้าแชมป์ระดับประเทศติดต่อกันสามปี และยังเคยคว้าแชมป์โลกมาแล้วหนึ่งครั้ง แต่น่าเสียดายที่ต่อมาเนื่องจากอาการบาดเจ็บ ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ ทีมจึงได้ยุบไป และเขาก็ได้เข้าสู่วงการบันเทิง
ทาวัตก็เหมือนกับทีปกรและกวินท์ คือมีฐานแฟนคลับเป็นของตัวเอง หรืออาจจะแน่นกว่าด้วยซ้ำ เพราะฐานแฟนคลับของเขาส่วนใหญ่มาจากวงการอีสปอร์ต
