บทที่ 9 9

“อย่าทำอะไรฉันนะ” จิรัชยาพยายามต่อต้านอย่างสุดฤทธิ์ ใช้มือดันแผงอกกว้างแต่ก็ไม่เป็นผล

ซอกคอสองข้างของเธอกำลังถูกซุกไซ้จนเธอต้องเบี่ยงหลบไปมา กลิ่นกายสาวทำให้เทวาขาดสติ เขาทั้งสูดดมเอาความหอมเข้าเต็มปอด ทั้งขบ ทั้งเม้ม ตั้งใจกำราบคนชอบพยศชอบต่อต้านให้อยู่หมัด หลังจากที่ได้ลิ้มรสสาวน้อยที่เขาเฝ้าฝันหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันความปรารถนาเร่าร้อนในกายก็พวยพุ่ง ทั้งโหยหาทั้งอยากครอบครอบเด็กสาวไม่รู้จักจบจักสิ้น รสราคะความเสน่หาทำให้ดิ่งลึกหลงใหลมัวเมาจนยากถอนตัว เขาต้องทนอดอยากปากแห้งมาถึงสามวัน และวันนี้เขาจะไม่ทนอีกแล้ว

“อย่าทำฉันคุณเทวาได้โปรด...” จิรัชยาทั้งผลักไสทั้งขอร้องแต่คนใจร้ายก็ไม่ยอมฟัง

การดิ้นรนของเธอกลับยิ่งเป็นการกระตุ้นสัญชาตญาณนักล่าในตัวเขาให้ตื่นขึ้น ดูเหมือนว่าแม้แต่กระดุมเสื้อของเธอยังเป็นปัญหาสำหรับเขา เขาไม่ยอมเสียเวลาแม้สักเสี้ยววินาทีเดียวที่จะปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด แต่เขากลับกระชากเสื้อตัวสวยออกจากกันจนกระดุมกระเด็นหลุดร่วง ผ้าเนื้อดีถูกฉีกขาดติดมือเป็นสองชิ้น เขาโยนมันทิ้งอย่างกับเศษผ้าไร้ราคาแล้วหันมาสนใจกับความสวยงามตรงหน้า แต่เขากลับยังรู้สึกขัดใจเหลือเกินเพราะยังเหลืออีกหนึ่งสิ่งที่บดบังความอวบอิ่มล้นทะลักไว้ บราลูกไม้สีหวานถูกกระชากออกไปเช่นกัน คราวนี้เขาสามารถเพ่งพิศความงดงามตรงหน้าได้อย่างเต็มตา รอยความพอใจปรากฏในตาคมชั่วแวบหนึ่งแล้วคิ้วเข้มต้องขมวดมุ่น เพราะเด็กน้อยกลับยกมือขึ้นมาปิดบังหน้าอกของตนเอาไว้

“เอามือออกจี๊ด” เสียงทุ้มพร่าเอ่ยสั่ง

จิรัชยาไม่ยอมทำตาม เทวาจึงหยุดนิ่งมองท่าทางลนลานของเหยื่อตัวน้อยอย่างใจเย็น จากนั้นเขาจึงดึงกระโปรงเอวยืดผ้าชีฟองพลิ้วไหวของแม่ลูกกวางน้อยออกพร้อมกับรูดกางเกงในลูกไม้ตัวจิ๋วลงมาตามเรียวขางามเช่นกัน หญิงสาวเองก็พยายามขัดขืนเต็มที่แต่ก็มิอาจสู้แรงของเขาได้ เมื่อเนื้อตัวเปลือยเปล่า เธอจึงลนลานรีบคว้าผ้าห่มมาปกคลุมกายของตนไว้ ท่าทางของเธอดูแล้วช่างน่าขันแต่ก็น่าเอ็นดูอยู่ในที เห็นแล้วอยากจะแกล้งเธอด้วยการขย้ำและขยี้แรง ๆ

“หึ ๆ ขัดขืนไปก็เปล่าประโยชน์นะจี๊ด ยอมฉันดี ๆ ดีกว่า” น้ำเสียงเขาฟังสบาย ๆ ดูใจเย็นผิดกับความปรารถนาอันร้อนแรงเปี่ยมล้นอย่างเหลือเชื่อ

“คุณทำอย่างนี้กับฉันทำไมคะ” เธอข้องใจเหลือเกินที่อยู่ ๆ เขาก็มาทำร้ายกัน

“เป็นเธอต่างหากที่รนหาเรื่องเอง” ถ้าเธอไม่ร่านออกไปแรดเที่ยวกลางคืนยั่วยวนฝูงเสือฝูงตะเข้ แม้เธอจะแต่งกายนุ่งน้อยห่มน้อยอย่างไรเขาก็ยังพอทน เขายังอาจจะรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมกว่านี้

“ฉันไปทำอะไรให้คุณ” ถามด้วยสายตาที่ตัดพ้ออย่างไม่ปิดบัง

“หึ ๆ” คนใจร้ายเพียงหัวเราะในลำคอโดยที่ไม่ยอมตอบคำถามของเธอ

เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แค่อยู่เฉย ๆ เขาก็พร้อมที่จะกระโจนใส่เธออยู่แล้วทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้สวยเย้ายวนเหมือนกับคู่ขาคนอื่น ๆ ของเขาด้วยซ้ำ แต่อย่างว่า... สายตาของเขาจับจ้องเธอมาเนิ่นนาน นานเหลือเกิน คอยเตือนสติคอยห้ามตัวเองตั้งหลายครั้ง คำนึงถึงความไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงก็แล้ว แต่ก็มิอาจฉุดรั้งหัวใจแข็งกระด้างของตัวเองไม่ให้เผลอใจไปกับความสวยใสไร้เดียงสาของเธอไว้ได้ มารู้ตัวอีกทีจากความเอ็นดูได้แปลเปลี่ยนมาเป็นความใคร่และหลงรักเธอโดยไม่รู้ตัว

จิรัชยาหนีบขาแน่นเมื่อเห็นว่าสายตาของคนร้ายกาจหยุดลงอยู่ตรงจุดไหน เธอรู้สึกอับอายแต่กลับร้อนผะผ่าวไปทั่วทั้งร่าง ลมหายใจของเธอหอบกระชั้นปะปนไปด้วยความหวาดกลัวพร้อมความรู้สึกบางอย่างที่กำลังค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาในใจ

เทวาจับขาเรียวแยกออกให้ความเป็นหญิงเปิดเปลือยสู่สายตา เขาใช้สายตาสำรวจตรวจดูร่องรอยที่ถูกเขาทำลายอย่างที่เขาทำทุกวันยามที่เธอยังพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล พร้อมกันนั้นนิ้วใหญ่ก็กรีดไปตามรอยแยก พลิกปริปลิ้นดอกไม้กลีบงามดูจนพอใจ

“หายดีแล้วนี่ ถ้าอย่างนั้นก็พร้อมให้ฉันเอาได้แล้วสิ”

“ไม่นะคะคุณเทวา”

ยิ่งเธอปฏิเสธเขายิ่งอยากสั่งสอนเธอ นิ้วมือใหญ่แยงแหย่เข้าไปในช่องทางรักที่ปิดสนิททันที

“ฉันเจ็บ คุณเทวาอย่านะคะ” แม้ว่าส่วนนั้นที่ฉีกขาดจะสมานตัวแล้วแต่เธอยังคงรู้สึกเจ็บแสบอยู่ถ้าถูกกระทบกระเทือนแรง ๆ และถ้าเขาทำเช่นนั้นกับเธอ รับรองได้ว่ามันต้องไม่เบาแน่ ๆ ประสบการณ์แสนเลวร้ายมิใช่จะลบเลือนไปง่าย ๆ นึกขึ้นมาก็เจ็บปวดทุกครั้งที่คนที่เรามีใจกระทำหยามเหยียดเราราวกับสัตว์ป่าคลุ้มคลั่ง

“ถ้าฉันจะเอา เธอจะทำอะไรฉันได้” และตอนนี้เขาก็อยากได้เธอมาก หลังจากได้ลิ้มลองรสสาวครั้งหนึ่งก็มิอาจระงับความอยากได้อยากครอบครองได้อีกต่อไป เขามันเป็นไอ้เฒ่าหัวงูที่หลงใหลเด็กในปกครองของตน

“ฉันขอละค่ะคุณเทวา ได้โปรด...” เสียงเล็กขอร้องอย่างอับจนหนทาง มิสามารถปฏิเสธความจริงได้ว่าเธอทำอะไรเขาไม่ได้เลย

บทก่อนหน้า
บทถัดไป