บทที่ 3 จูหยวนจาง

หญิงสาวนึกเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ

ภายในห้องอาบน้ำที่ตลบอบอวลไปด้วยกลุ่มควันพวยพุ่งเพราะน้ำอุ่นได้รับการเติมเต็มอยู่ตลอดเวลาก่อนที่จูหยวนจางจะเข้ามาภายในห้องแห่งนี้นั้น

ชายหนุ่มยังคงนั่งแช่น้ำอุ่นอยู่อย่างใจเย็น

เขายังไม่ชินจริงๆ กับการอยู่ร่วมห้องกับสตรี

เขาไม่เคยต้องอยู่ร่วมชายคากับสตรีนางใด

ทั้งยังเป็นสตรีแปลกหน้า

นางเป็นใครมาจากไหน

เขาไม่อยากจะรู้

เขาไม่เคยคิดอยากจะแต่งงาน

เขาไม่เคยต้องการที่จะมีเมียมาเป็นห่วงผูกคอ

เขาชอบชีวิตอิสระ

ชอบทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ เยี่ยงชายชาติทหาร

เขาเข้ารับการฝึกทหารและเป็นทหารมาตั้งแต่ยังเด็ก

ตำแหน่งรองแม่ทัพภาคที่เขาได้มานั้น ล้วนได้มาด้วยความสามารถของเขาเอง

แต่กับสมรสพระราชทานที่ไม่อาจปฏิเสธนี้

ทำให้หลายคนเคลือบแคลง

และคิดว่าเขาได้ตำแหน่งมาด้วยเพราะอำนาจของตระกูลใหญ่ฝ่ายหญิง

ช่างเหลวไหลสิ้นดี!

เมื่อคิดถึงตรงนี้

ช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!

นางเป็นอะไรมากหรือไม่

ใยถึงอยากแต่งงานกับเขานัก

เขารู้มาว่าสมรสพระราชทานนี้

เป็นความต้องการของนาง

นางคงชมชอบเขา

นางคงเป็นหนึ่งในสตรีหลายๆคนที่ชมชอบเขา

แต่เขามิได้ชมชอบสตรีนางใด

เขามิได้ชมชอบนาง...

เวลาผ่านไปเกือบสองเค่อ(ครึ่งชั่วโมง)

"อาบน้ำเสร็จแล้วหรือเจ้าคะ" หลิวหลีรีบกล่าวขึ้นเมื่อเห็นจูหยวนจางเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ "ดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายหน่อยนะเจ้าคะ" นางยังคงออดอ้อนเอาใจเขา

"ข้าไม่หิว" ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงห้วนขณะหมุนตัวเดินไปนั่งอ่านหนังสือที่มุมหนังสือตรงโต๊ะตัวหนึ่ง

หญิงสาวถึงกับเงียบงัน กระพริบตาปริบๆ

อืม...

เอาใจยากจริง หลิวหลีคิดในใจ

แต่ไม่เป็นไร

เพราะว่าอย่างน้อยนางกับเขาก็ได้อยู่ร่วมห้องเดียวกัน

ไม่เหมือนที่บ้านเก่าของนาง ที่จวนตระกูลของนาง บิดาและมารดาของนาง

ที่นั่น บุรุษมีเรือนที่แยกออกไป บรรดาสตรีที่เป็นภรรยาต่างแยกออกไปอยู่คนละเรือน

ทุกค่ำคืน สตรีพวกนั้นจะต้องชะเง้อคอรอคอยว่าเมื่อไหร่จะได้รับใช้ปรนนิบัติชายผู้เป็นสามี

และก็ต้องคอตกหรือไม่ก็อิจฉาริษยาจนนอนไม่หลับ เมื่อผู้เป็นสามีเลือกเข้าเรือนของสตรีอื่นที่มิใช่เรือนนอนของตน

อืม...

เอาล่ะ

หลิวหลีเสียอย่าง

ไม่มีอะไรที่นางทำไม่ได้

นางอยากได้อะไร นางย่อมต้องได้

แม้แต่บุรุษที่เข้าถึงยากผู้นี้

นางไม่ยอมแพ้หรอก

ถึงแม้ว่าจะมีหญิงอื่นอีกมากที่ชมชอบเขา

แล้วอย่างไร

ใครสน!

ในเมื่อเขามิได้ชมชอบใครตอบกลับไป นางย่อมทำได้ทุกอย่างที่นางอยากทำ

ยามนี้ นางได้ตัวเขาแล้ว ได้แต่งงานกับเขาแล้ว

ต่อไป

สิ่งที่นางจะต้องได้

ก็คือ รอยยิ้ม

รอยยิ้มของเขา

นางอยากได้...

หลิวหลีกระตุกยิ้มที่มุมปากเพียงนิดด้วยสายตามุ่งมั่นหมายมาด

กิริยานั้นหาได้รอดพ้นสายตาคมของใครบางคนตรงมุมหนังสือไม่

จูหยวนจางนั่งพิศมองนางผู้เป็นภรรยาหมาดๆ ตาปริบๆ ก่อนหรี่ตาคิดในใจ

อา...สตรีนางนี้

ไม่น่าไว้ใจ

เขาต้องระวังตัวเอาไว้เสียแล้ว...

ตามทางเดินในตลาดทอดยาวรายล้อมไปด้วยร้านรวงมากมาย ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างพากันจับจ่ายใช้สอยกันอย่างวุ่นวาย หลิวหลีก็เช่นกัน วันนี้หญิงสาวออกมาเดินตลาดเพื่อเลือกซื้อของอย่างตั้งใจ โดยไร้ซึ่งสาวใช้ติดตาม นางมักจะชอบเดินตลาดคนเดียวมาแต่ไหนแต่ไร

อืม...

นางอยากเอาใจจูหยวนจางให้มากเข้าไว้

ยิ่งเห็นท่าทางหยิ่งยโสของเขาอย่างนั้นแล้ว

นางยิ่งคึก!

เอ....

นางเป็นอะไรมากหรือไม่กันนี่?

เวลาผ่านไปครู่ใหญ่...

หลิวหลียังคงเลือกเดินเข้าไปยังร้านขายผ้าเพื่อเลือกซื้อผ้าเอาไปตัดเย็บให้จูหยวนจาง

นางมีฝีมือตัดเย็บไม่ด้อยไปกว่าผู้คนที่ทำอาชีพนี้เสียด้วยซ้ำ

นางอยากตัดเย็บเสื้อผ้าให้เขาเอาไว้ใส่ในทุกโอกาส  ทุกเทศกาล ทุกฤดูกาล

อืม...

นางกำลังทำให้ตนเองเหนื่อยเกินไปหรือไม่?

ช่างเถอะ!

ซื้อไปเก็บไว้ก่อน เดี๋ยวดูอารมณ์อีกทีหนึ่ง

หลิวหลีคุยกับตนเอง เถียงกับตนเองอยู่อย่างนั้น

นางมั่นใจว่านางรักจูหยวนจาง

แต่ทว่า!

จูหยวนจางมิได้รักนาง

นางอาจจะดูเป็นสตรีโง่งมอยู่บ้าง

แต่นิสัยของนาง

ถ้ายึดมั่นถือมั่นแล้ว

นางไม่มีคำว่าถอย

นางสะกดไม่เป็น!


เวลาผ่านไปซักพัก...

หลิวหลีเดินทอดน่องมาระยะหนึ่งจึงมาถึงร้านขายหนังสือ หญิงสาวรีบก้าวเท้าเข้าไปในร้ายขายหนังสือในทันทีอย่างไม่รีรอ

นางเป็นพวกหนอนหนังสือ

นางชอบอ่านหนังสือ  ทุกแนว ทุกแบบ

ในหนังสือมีทุกเรื่องที่นางอยากรู้

อา...

เจอแล้ว!

วิธีการห้ามครรภ์!

แม้หลิวหลีจะได้แต่งงานออกเรือนกับบุรุษที่นางปักใจ

แต่...

นางยังไม่อยากมีบุตร

เนื่องจากนางไม่อยากเอาเด็กน้อยมาเป็นข้ออ้างข้อผูกมัดใดๆ

ถ้าจูหยวนจางจะรักนาง

ย่อมต้องเป็นเพราะตัวนาง

เขาควรรักนางเพราะตัวนาง

มิใช่เอาลูกน้อยมาเป็นเครื่องมือ

ถึงแม้ว่าการมีบุตร

จะทำให้ครอบครัวได้รับการเติมเต็ม เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์

แต่...

จะมีความหมายอะไร

บทก่อนหน้า
บทถัดไป