บทที่ 6 อาหลิ่ว

พรุ่งนี้...

นางพร้อมแล้ว

นางจะเดินทางเข้าไปประจำการเป็นทหารใหม่อยู่ในค่ายทหารเดียวกันกับจูหยวนจาง

ก่อนหน้านี้นางก็ยังไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างนี้หรือไม่

แต่...

จูหยวนจาง...

ยิ้มของเขา

ทำนาง

ลืมไม่ลง

นางทนไม่ได้

ถ้าจะต้องห่างกัน

นางทนไม่ได้

ถ้าจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มนั่น

นางทรมาน...

ไม่ว่ายิ้มนั้นเขาจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ

ไม่ว่าเขาจะมีวัตถุประสงค์ใดในรอยยิ้มนั้น

แต่

เขาก็ได้ทำสำเร็จแล้ว

เขาทำนางลืมไม่ลง...

บรรยากาศภายในค่ายทหารหน้าด่านแห่งนี้คลาคล่ำไปด้วยเหล่าทหารทั้งคนใหม่และคนเก่าปะปนกันไป

หลิวหลีอยู่ในชุดที่แต่งกายได้แนบเนียนมีหนวดเคราติดอยู่บนใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ

หญิงสาวลงแป้งให้ตนเองมีสีผิวที่คล้ำลงกว่าสีผิวจริงถึงสามส่วน ภายใต้เสื้อผ้าที่ได้รับการแจกจ่ายจากค่ายทหารแห่งนี้ที่กลมกลืนกับเหล่าทหารคนอื่นๆ หญิงสาวได้รัดผ้าเอาไว้ตรงหน้าอกอย่างแน่นหนา มีเสื้อผ้าที่ตัดเย็บเสริมช่วงไหล่ใส่ไว้ด้านในอีกชั้นหนึ่ง พร้อมด้วยสนับศอกและสนับเข่าใส่เอาไว้กันกระแทกยามที่ต้องฝึกฝน สวมทับด้วยชุดประจำการของทหารประจำค่ายหน้าด่านแห่งนี้ได้อย่างแนบเนียน

หลิวหลีเตรียมการมาอย่างดีเยี่ยม

นางใช้อำนาจและเงินที่มีปลอมแปลงเอกสารได้ไม่ยาก  ยามนี้หญิงสาวเปลี่ยนชื่อของตนเป็น อาหลิ่ว และจะพูดให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากมีสิ่งเดียวที่ไม่สามารถปลอมแปลงได้ นั่นก็คือ เสียงอ่อนหวานของสตรีเพศ โดยเฉพาะเสียงของนางมักจะหวานใสกว่าสตรีอื่นอยู่ไม่น้อย

นางหวังอยู่ในใจว่าจูหยวนจางจะไม่สามารถจำนางและไม่สามารถจับนางได้

เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้น นางย่อมถูกเขาลากออกไปจากค่ายทหารอย่างแน่นอน

นางอยากเห็นเขาในทุกอิริยาบถ ในทุกกิจกรรมที่เขากระทำ แม้จะมิได้ใกล้ชิดก็ไม่เป็นไร นางต้องการเพียงเท่านั้น

เท่านั้นจริงๆ

เฮ้อ!

หญิงสาวถอนหายใจให้กับความโง่งมของตนเองอีกครั้ง

ครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่มิทราบได้

แต่! ช่างเถอะ

ขอทำตามใจหน่อยแล้วกัน

หลิวหลีเสียอย่าง

"ทหารพร้อม!" เสียงทรงพลังของทหารนายหนึ่งพลันเอ่ยขึ้นดึงหลิวหลีให้หลุดจากภวังค์ความคิดของตน

เขาน่าจะเป็นหัวหน้าหน่วยกระมัง หลิวหลีคิดในใจขณะเคลื่อนกายทำตามบรรดาทหารคนอื่นๆ

เสียงหัวหน้าหน่วยคนเดิมยังคงตะแบง "ประจำตำแหน่ง!"

พรึ่บ!

ทุกคนยืนตัวตรงเรียงเป็นแถว หลิวหลีก็เช่นเดียวกัน นางทำตามคนด้านข้างได้อย่างดีเยี่ยม

หญิงสาวสามารถทำได้อย่างแนบเนียนเพราะลองฝึกมาบ้างแล้วก่อนหน้าที่จะเข้ามายังค่ายทหารแห่งนี้ ทั้งยังเคยฝึกการต่อสู้ การยิงธนู การขี่ม้า มาบ้างแล้วเมื่อครั้งที่อยู่ตระกูลของนาง

มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณหนูตระกูลใหญ่อย่างนางจะทำการว่าจ้างครูอาจารย์แต่ละแขนงมาประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้ตั้งแต่ยังเยาว์วัย

"นั่ง!" หัวหน้าคนเดิมสั่ง หลิวหลีจึงนั่งลงอย่างพร้อมเพรียงกับคนด้านข้างเช่นเดิม

"ยืน!" หัวหน้าคนนั้นสั่งอีก หญิงสาวก็ยังคงทำตามได้เป็นอย่างดี

"หันซ้าย!"

"หันขวา!"

หัวหน้าคนเดิมยังคงสั่งการอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการอบอุ่นร่างกายสร้างความคุ้นชินสำหรับการฝึกฝนในลำดับต่อไป หลิวหลียังคงทำตามอย่างนึกสนุก

"ทุกคน...หยุด!" สิ้นเสียงหัวหน้าหน่วย  ทุกคนในที่นี้จึงหยุดนิ่งอยู่กับที่อย่างพร้อมเพรียงเงียบงัน

"ทำความเคารพ!" หัวหน้าหน่วยนายนั้นกล่าวขึ้นหลังจากตนเองได้ทำความเคารพบุรุษผู้มาใหม่ไปก่อนหน้าแล้ว บรรดาทหารชั้นผู้น้อยทุกคนจึงทำตามอย่างพร้อมเพรียงเช่นเดิม หลิวหลีก็เช่นเดียวกัน นางทำตามอย่างไม่มีการขาดตกบกพร่อง

"ยินดีต้อนรับเหล่าทหารกล้าทุกคน" เสียงทรงอำนาจมากกว่าหัวหน้าหน่วยดังขึ้น

เสียงนั้น  เสียงนั้น...

หลิวหลีที่ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ไกลออกไปจากหัวแถวถึงกับตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียงนั่น

เสียงของจูหยวนจาง!

"ข้าจะให้พวกเจ้าได้พักเพียงครู่ก่อนจะขอชมฝีมือที่ติดตัวมาของแต่ละคน ได้หรือไม่!" จูหยวนจางจบประโยคด้วยคำถามที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ

เสียงเหล่าทหารตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียงก่อนแยกย้ายกันออกไปเพื่อพักตามจุดต่างๆของลานกว้างแห่งนี้

เหลือเพียงหลิวหลีที่ยังคงยืนทำตาปริบๆ

วันนี้จูหยวนจางแต่งกายด้วยชุดทหารประจำตำแหน่งรองแม่ทัพ  แม้จะมิได้สวมชุดเกราะเต็มยศแต่อย่างใด

แต่เขา...

เขาช่างดูองอาจสมชายชาตรีเป็นอย่างมาก  มากจริงๆ

มาดเคร่งขรึมนั่นอีก

แล้วก็กิริยาของเขาขณะก้าวเดิน

อืม...

แล้วก็

เขาทำหน้าเข้มได้ตลอดเวลาจริงๆ

มีมาดทรงพลังอย่างยิ่ง

หลิวหลีคิดในใจขณะเหม่อมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไกลออกไปตรงตำแหน่งประจำที่ของรองแม่ทัพ

"อาหลิ่ว  ทางนี้" เสียงของนายทหารคนหนึ่งตะโกนเรียกหลิวหลีอย่างดังจนทหารคนอื่นๆต่างหันมามองตามเสียง

เขาชื่ออาต้วน

อาต้วนเป็นคนที่ยืนอยู่ด้านข้างของหลิวหลีตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มต้นจนได้รับคำสั่งให้พัก  เขาและนางได้แนะนำตัวเองคร่าวๆแล้วก่อนหน้านี้

อาต้วนนับได้ว่าเป็นสหายคนแรกของหลิวหลี  เพราะเขามิได้ถือสากับอาการทำตัวคล้ายกับเป็นใบ้ของหลิวหลีมากนัก ทั้งยังเป็นฝ่ายชวนคุยโดยไม่รู้เหน็ดเหนื่อยแนะนำนู่นนี่จนหลิวหลีไม่ต้องเสียเวลาสอบถามแต่อย่างใด

"ยัง ยังจะเหม่อมองท่านรองแม่ทัพอยู่ มานี่" ประโยคส่งท้ายของอาต้วนทำหลิวหลีถึงกับชะงักกึกก่อนจะรีบม้วนตัวกระโจนไปหมายจะปิดปากนั่น

ฮึ่ม!

อาต้วนนะ  อาต้วน!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป