บทที่ 7 ยิงธนู

จูหยวนจางยังคงนั่งเป็นหุ่นไม้ด้วยมาดเคร่งขรึมแบบฉบับชายชาติทหารอยู่ตรงที่นั่งประจำตำแหน่งของรองแม่ทัพ

เขาได้รับหน้าที่ให้ดูแลทหารทุกคนในค่ายแห่งนี้

ถึงแม้ว่ายามนี้ที่ศึกสงครามยังไม่ปะทุดุเดือดแต่อย่างใด แต่เหล่าทหารทั้งหลายก็ยังคงต้องหมั่นฝึกฝนอยู่อย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งทหารใหม่ย่อมต้องมีเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย

เนื่องจากว่าแต่ละแคว้นนั้นยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราชสำนัก ราชวงศ์ ทั้งยังอาคันตุกะแต่ละแคว้นที่มักจะไม่มีมิตรแท้แต่อย่างใด และที่สำคัญนั้น ค่ายทหารแห่งนี้ยังเป็นตำแหน่งหน้าด่านซึ่งใกล้เคียงกับชายแดน ฉะนั้นแล้วการเตรียมพร้อมทั้งกำลังคนและการฝึกฝนย่อมต้องมีมาอย่างสม่ำเสมอ

จูหยวนจางชอบชีวิตแบบนี้  เขาชอบที่จะอยู่กับเหล่าทหารพวกนี้มากกว่าอิสตรีที่ไหน การต่อสู้  การเข่นฆ่า เป็นอะไรที่ท้าทาย ทำให้ชีวิตของเขามีความหมายอีกทั้งเขายังไม่เคยรู้สึกขาดแคลนในสิ่งใด

เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง นายทหารหัวหน้าหน่วยเข้ามารายงานถึงความพร้อมที่จะให้เหล่าทหารใหม่ได้แสดงฝีมือที่ติดตัวมาตามกลยุทธ์ต่างๆ เริ่มตั้งแต่ การยิงธนู การขี่ม้า การต่อสู้มือเปล่า การต่อสู้ด้วยอาวุธรูปแบบต่างๆ

และหลังจากหัวหน้าหน่วยเรียกรวมพลทหารใหม่จนพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง ทุกอย่างจึงเริ่มขึ้น

การทดสอบแบบแรกเป็นการยิงธนู ซึ่งเป็นอะไรที่ค่อนข้างง่ายดายสำหรับหลิวหลี หญิงสาวมั่นใจว่าสามารถทำมันออกมาได้ดีอย่างแน่นอน

เพียงแต่...

เพียงแต่...

ถ้าจูหยวนจางจะไม่เดินมาดูการยิงธนูของแต่ละคนเสียใกล้ขนาดนี้

เดินมาใกล้ถึงเพียงนี้

เขาเดินดูแต่ละคนก่อนที่จะให้หัวหน้าส่งสัญญาณยิงธนูไปยังเป้าหมาย  และแต่ละคนก็ทำได้ดี

"กลุ่มต่อไป!" เสียงตะเบ็งของหัวหน้าหน่วยเรียกกลุ่มคนที่มีหลิวหลีรวมอยู่ด้วย ให้มาประจำตำแหน่งคันธนู

เมื่อทุกคนพร้อมแล้วรวมทั้งหลิวหลี จูหยวนจางก็ทำแบบเดิม คือเดินมองแต่ละคนอย่างใกล้ชิด  ก่อนจะส่งสัญญาณให้หัวหน้าหน่วย

เขาเดินมาทางนี้แล้ว...

เขาเดินใกล้มาทางนางแล้ว...

ใจหนึ่งของหญิงสาวเกรงว่าเขาจะจำนางได้  แต่อีกใจหนึ่ง ก็มั่นใจในการปลอมตัวของตนเอง

อืม...

ใจเย็นเข้าไว้ หลิวหลี

ใจเย็น...

เมื่อปลอบขวัญตนเองได้แล้ว จึงปล่อยคันธนูตามสัญญาณของหัวหน้าหน่วยในทันที และผลที่ได้ก็เป็นที่น่าพอใจ ธนูเข้าเป้าอย่างสวยงาม

อา...

สำเร็จ!

หลิวหลีดีใจจนยิ้มออกมา

นางยิ้มอย่างกว้างขวาง

นางยิ้มกับตนเองอยู่อย่างนั้น

แต่หญิงสาวต้องหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อสายตาของนางเกิดปะทะกันกับสายตาคมของใครคนหนึ่ง

จูหยวนจาง!

เขามองนางอยู่

เขายืนอยู่ไม่ไกลจากตัวของนาง

เขามองนางอยู่

ไม่หรอกกระมัง  หลิวหลีคิดในใจ

เขาคงมองคนอื่น คงมีใครยืนอยู่ทางด้านหลังของนางในยามนี้

คิดได้แล้วก็หันไปมองทางด้านหลังทันที

แต่...ไม่มีใคร

ไม่มีใครอยู่ที่ด้านหลังของนาง

ตายล่ะ!

หญิงสาวอุทานอยู่ในใจขณะยืนหันหลังให้จูหยวนจาง

ตาย ตาย

ทำอย่างไรดี

ไม่หรอก

เขาจำนางไม่ได้หรอก

จำไม่ได้

รีบออกจากระยะสายตาดีกว่า

คิดได้แล้วก็รีบเดินออกจากตำแหน่งตรงนั้นอย่างเร็ว  ทิ้งใครบางคนให้ยืนนิ่งจ้องมองตามอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

จูหยวนจางยังคงจ้องมองไปที่ร่างของบุรุษคนหนึ่ง

เขาจำได้

เขาจำสายตานั่นได้

เขาจำริมฝีปากนั่นได้

เขาจำได้กระทั่งกลิ่นกายบนเนื้อนวลนาง

เขายังตกตะลึงกับตนเอง  ว่าทำไม

ทำไม

ใยเขาถึงจำนางได้ทุกอย่างถึงเพียงนี้

นางปลอมตัวได้แนบเนียนจนเขาเองยังแปลกใจ

ถ้ามิได้เดินเข้าไปใกล้  ถ้ามิได้จ้องมองอย่างถ้วนถี่

เขาคงโดนนางหลอกได้สำเร็จ

ฮึ่ม!

นาง

นางเป็นอะไร

เป็นอะไรมากหรือไม่

นางตามเขามาถึงที่นี่

แทนที่นางจะเฝ้ารอเขาอย่างทรมานอยู่ที่บ้าน แต่นางกลับทำในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง

นางตามเขามา...


เวลาผ่านไปอีกครู่หนึ่งทหารทุกนายก็ถูกหัวหน้าหน่วยเรียกให้มารวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมถัดมาคือการขี่ม้า  แต่ละคนจะได้ผลัดเปลี่ยนกันขี่ม้าตามกติกาของหัวหน้าหน่วย และหลิวหลีก็ยังคงสามารถทำได้ดีอีกเช่นเดียวกัน เพียงแต่...

ถ้าไม่บังเอิญหันไปสบตากับใครบางคนเข้า นางก็คงไม่โดนม้าดีดจนร่างกระเด็นตกลงจากหลังม้า  โชคยังดีที่นางเคยถูกม้าดีดจนตกจากหลังม้าอยู่บ่อยครั้งในกาลก่อนเมื่อยามที่เคยฝึกที่จวนของตระกูล ทำให้รู้จังหวะของการตกลงมาได้เป็นอย่างดีจึงมิได้บาดเจ็บแต่อย่างใด แต่ผลที่ได้ คือ ถูกทำโทษ

หลิวหลีถูกทำโทษโดยการให้ไปยืนกางแขนยกขาขึ้นหนึ่งข้างอยู่ตรงกลางของลานกว้างอย่างโดดเดี่ยวไกลออกไป

อา...

ช่างดียิ่ง

ถูกทำโทษเยี่ยงนี้

ช่างดียิ่ง

นางจะได้ออกมาจากสายตาคล้ายจับผิดนั่น

จูหยวนจางกำลังจับผิดนางหรือไม่

เขาจำนางได้หรือไม่

นางกำลังกังวล

หากเขาจำนางได้

เขาต้องไล่นางกลับไปอย่างแน่นอน

ไม่!

นางไม่อยากกลับไป

อุตส่าห์ทำมาถึงขนาดนี้

นางไม่ยอม!

หลิวหลียืนกางแขนยกขาหนึ่งข้างร่ำร้องอยู่ในใจตลอดเวลา

บทก่อนหน้า
บทถัดไป