บทที่ 9 กลั่นแกล้ง

หลิวหลีทำได้เพียงก้มหน้ามองพื้นตัวเกร็ง

"หน่วยก้านดี" เสียงทุ้มต่ำคุ้นหูของจูหยวนจางเอ่ยขึ้นพลางตบไหล่ข้างหนึ่งของหลิวหลีเป็นการกระทำของหัวหน้าที่พึงกระทำกับลูกน้อง "เรื่องการพูดมิใช่ปัญหา  เจ้าว่าจริงหรือไม่ อาหลิ่ว" ประโยคท้ายเขาถามเสียงเข้มมาทางหลิวหลี  นางฉลาดไม่เบา คงกลัวเขาจำเสียงได้เป็นแน่ จูหยวนจางคิดในใจ

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองสบตาของเขาที่ก้มมองลงมาที่นางนิ่งๆ สายตาของเขาไม่แสดงอารมณ์หรือความหมายใดๆ

เขาจำนางไม่ได้

เขาจำไม่ได้...

ดียิ่ง!

ดียิ่ง!

หญิงสาวคิดในใจขณะส่งยิ้มแห้งๆพร้อมพยักหน้าหงึกๆตอบกลับไป

"ไม่เป็นไร  ไม่เป็นไร  เจ้าไม่ต้องคิดมาก"  เสียงของอาต้วน ยังคงกล่าวอย่างเอาใจใส่ในตัวสหายของตนเมื่อเหล่าทหารทุกคนได้รับคำสั่งให้พักอีกครั้งหลังจากทดสอบฝีมือด้วยมือเปล่า "ฝึกฝนให้มากเข้าไว้  นะอาหลิ่ว" เขาจบประโยคด้วยการตบไหล่หลิวหลีเป็นเชิงให้กำลังใจ  หญิงสาวเพียงพยักหน้าหงึกๆเหมือนเคย

"ข้าจะช่วยฝึกฝนให้เจ้าด้วยคนนะอาหลิ่ว ข้าเป็นทหารเก่าของที่นี่" ทหารอีกคนที่นั่งอยู่ในกลุ่มเอ่ยขึ้นกับหลิวหลี

"ข้าด้วยนะ เจ้าไปต้องกังวลไป อาหลิ่ว" ทหารอีกคนเอ่ยเสริม

ทหารอีกสองสามคนเข้ามารุมล้อมตบไหล่ ขยี้หัว เป็นการให้กำลังใจกับหลิวหลีในคราบของอาหลิ่วกันเป็นการใหญ่  การกระทำแบบนั้นของเหล่าทหารทำให้หลิวหลีรู้สึกอุ่นซ่านขึ้นมา

นางรับรู้ได้ถึงมิตรภาพที่เริ่มก่อตัว  การที่หญิงสาวตัดสินใจตามจูหยวนจางเข้ามาในค่ายทหารครานี้อาจจะไม่เป็นเรื่องที่โง่งมจนเกินไป เพราะอย่างน้อย นางก็เริ่มเข้าใจในตัวของจูหยวนจางขึ้นมารำไร ว่าเพราะเหตุใดเขาจึงชมชอบการเป็นทหารนักหนา

เมื่อบรรดาทหารพากันให้กำลังใจหลิวหลีกันครบถ้วนทุกคนแล้ว หญิงสาวเพียงยิ้มจริงใจส่งกลับไปเป็นการตอบแทนแค่นั้น นางไม่สะดวกพูดคุยกับใครจริงๆ  เหล่าทหารก็มิได้ถือสานางแต่อย่างใดเพราะเข้าใจตรงกันว่าอาหลิ่วผู้นี้มีปัญหาเกี่ยวการสื่อสารด้วยคำพูด

กลุ่มทหารกลุ่มนั้นยังคงนั่งคุยกันอย่างเป็นกันเอง จูหยวนจางยังคงจ้องมองหลิวหลีที่บัดนี้ชื่อว่าอาหลิ่วอยู่อย่างนั้น เขาเข้าใจดีถึงบรรยากาศของกลุ่มทหารกลุ่มนั้น เขามิได้นึกขัดเคืองหรือหึงหวงแต่อย่างใด เพราะภรรยาของเขานั้นช่างปลอมตัวได้อย่างแนบเนียนจนใครๆคงคาดคิดไม่ถึงเป็นแน่ ว่านางจะเป็นสตรีที่ปลอมตัวเข้ามา  เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงสงสัยจริงๆ ว่าเขาได้สตรีชนิดใดเป็นภรรยา  ทำไมนางถึงได้โง่งมถึงเพียงนี้

ก่อนหน้านี้นางได้เพียรพยายามเพื่อจะได้สมรสพระราชทานให้แต่งงานกับเขา

แล้วครานี้ นางยังมีความกล้าหาญมากมายถึงขั้นปลอมตัวเข้ามาเพื่อจะได้มาอยู่ใกล้ชิดกับเขา

เขาควรจะเปิดโปงนาง

เขาควรจะไล่นางให้กลับบ้านไป

แต่ทำไม...

ทำไมเขาถึงไม่ทำ...

"เรียนท่านรองแม่ทัพจู  มีเสบียงมาส่งขอรับ" เสียงของนายทหารนายหนึ่งกล่าวขึ้นกับจูหยวนจางทำให้ชายหนุ่มต้องดึงสายตาออกจากหลิวหลีออกมา

เขาถามกลับเสียงเรียบ  "ข้าต้องรู้ด้วยหรือ?"

"เอ่อ... หามิได้ท่าน  เพียงแต่..." ทหารนายนั้นทำท่าอึกอัก

จู่ๆเสียงหนึ่งพลันดังแทรกขึ้นมาจากทางด้านหลังของทหารผู้นี้

"เพียงแต่คนส่งเสบียงครานี้ เป็นข้าเอง เจ้าค่ะ ท่านรองแม่ทัพจู" เสียงใสๆของสตรีผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริงมาทางจูหยวนจางพร้อมๆกับย่างกรายเดินมาอย่างสวยงาม

นางเป็นบุตรสาวของหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเสบียง

นางมีนามว่าอวี้เจิน เมื่อนางรู้ว่าจูหยวนจางมาประจำการที่นี่ นางจึงขันอาสาติดตามบิดาและคณะส่งเสบียงเข้ามายังค่ายทหารแห่งนี้ เพื่อหวังจะสานสัมพันธ์กับจูหยวนจาง แม้นางจะรับรู้แล้วว่าเขาได้แต่งงานกับสตรีนางหนึ่ง แต่... การที่บุรุษจะมีอนุย่อมเป็นเรื่องธรรมดา และนางก็ไม่ถือสาหากนางจะได้เป็นเพียงอนุของเขา  ยิ่งมาอยู่ที่ค่ายทหารด้วยแล้วยิ่งเป็นเรื่องง่าย  เพราะห่างไกลจากสายตาภรรยาเอกที่อยู่ทางบ้าน หญิงสาวคิดในใจพลางส่งเสียงใสๆมาทางจูหยวนจางอย่างต่อเนื่อง

"จำข้าน้อยได้หรือไม่เจ้าคะ  ข้า อวี้เจิน เราเคยเจอกันบ่อยครั้งเมื่อยามเสบียงเดินทางมา"  อวี้เจินเอ่ยคำพร้อมกับรอยยิ้มประจบท่าทางสดใสและตีสนิทตลอดเวลา

"อืม... ข้าย่อมจำได้ เจ้าเป็นส่วนสำคัญของกองทัพทหาร" จูหยวนจางกล่าวออกไปเพื่อเปิดโอกาสให้หญิงสาวตรงหน้าแสดงออกถึงการตีสนิทกับเขาให้มากขึ้น ด้วยอยากรู้ถึงปฏิกิริยาของใครบางคนที่นั่งอยู่ในกลุ่มทหารไม่ไกล

"จริงหรือ  ท่านจำข้าได้แล้วหรือ" อวี้เจินกล่าวอย่างตื่นเต้น

"แน่นอน" เขาตอบคำด้วยใบหน้านิ่งๆกระตุกยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อย

"เช่นนั้น มาส่งเสบียงครานี้ ข้าคงต้องอยู่นานแน่แล้ว" อวี้เจินยังคงส่งเสียงสดใสอย่างต่อเนื่อง "นะเจ้าคะ นะนะ"

จูหยวนจางเพียงพยักหน้าเล็กน้อยพลางสังเกตไปที่หลิวหลี

เขาเห็นหญิงสาวมองมาทางเขาเช่นกัน

สีหน้าของนางยามนี้นั้น

ทำเขานึกขัน

"อาหลิ่ว  เจ้าเป็นอะไรไป ปวดท้องรึ" อาต้วนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าคล้ายดำคล้ำของสหาย

หลิวหลีมิได้สนใจฟังอาต้วนแต่อย่างใด

นางยังคงจ้องมองไปทางจูหยวนจางและสตรีนางหนึ่งที่กำลังทำท่าทางสนิทสนมกับจูหยวนจางอยู่ในขณะนี้

นางพอจะดูออกถึงลักษณะกิริยาของสตรีนางนั้นด้วยเพราะเป็นสตรีเพศด้วยกัน

สตรีนางนั้นแสดงออกว่าชมชอบจูหยวนจางอย่างเห็นได้ชัดอย่างเปิดเผย

บทก่อนหน้า
บทถัดไป