บทที่ 7 6

ยิ่งเวลานั้นใกล้เข้ามาองศาก็ยิ่งใจหาย รู้ดีว่าตอนนี้เป้าหมายของท่านรองฯ คือหมอไอซ์ แต่ถ้าอีกฝ่ายรู้มากกว่านั้นเซลีนอาจจะแย่เอาได้ ถึงรู้ว่าเซลีนไม่ใช่คนเลินเล่อแต่อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ

วันนี้องศามาที่บ้านแล้วไม่พบเธอ เขาจูบแก้มน้องนาทีที่หลับปุ๋ยอยู่ในเปลแล้วไปตามพิกัดที่พี่ไก่บอกมาว่าทุกครั้งที่เธอเครียด เธอจะไปที่นั่น

สะพานท้ายหมู่บ้าน...

สถานที่ที่เขาเองก็เพิ่งรู้จากพี่ไก่ซึ่งอยู่กับเจ้าหล่อนเพียงปีเดียวแต่รู้ว่าเธอสูญเสียแม่ที่นั่น จากการวิ่งราวอย่างอุกอาจซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในหมู่บ้านมาก่อน

องศาเห็นเซลีนนั่งคีบบุหรี่บนราวสะพานแล้วเหม่อมองไปตามลำน้ำ หญิงสาวถอนหายใจยาว ๆ เพื่อระบายความอึดอัดในใจ

“ไอ้นั่นน่ะ คีบเอาเท่เหรอ” เขาพยักพเยิดไปที่บุหรี่ในมือเธอซึ่งเธอไม่ได้จุดมันด้วยซ้ำ

“คนอย่างนายจะไปรู้อะไรเกี่ยวกับฉัน”

เมื่อก่อนเธอเคยสูบ แต่ก็เลิกไปแล้ว ทว่าเวลาวิตกกังวลมาก ๆ เธอก็แค่จินตนาการว่าได้ทำลายปอดตัวเองด้วยควันสีขาวจากแท่งเล็ก ๆ นี่มันก็พอจะช่วยบรรเทาได้

องศาหลุบสายตาลงต่ำ ตลอดเวลาที่คบและแต่งงานกันเขารู้จักเธอเพียงผิวเผิน และสามเดือนที่ตกหลุมรักเธอมันก็ดูจะไม่เพียงพอให้เข้าใจเธอจริง ๆ

“เธอจะบอกว่าเคยสูบ แต่ก็เลิกสูบแล้วเหรอ”

“ใช่ เลิกไปตั้งแต่คบกับนาย” เธอหันมายักไหล่ “ถือเป็นเรื่องดีท่ามกลางเรื่องเหี้ย ๆ ได้อยู่มั้ง”

องศาเงียบไป หัวใจยังคงเศร้า เพราะเขาทำร้ายจิตใจคนที่รักเขาจนเปลี่ยนตัวเองได้เพื่อเขาอย่างไม่น่าให้อภัย จะให้เขาคุกเข่าขอโทษเธออีกสักกี่ครั้งก็ได้ถ้ามันจะทำให้เซลีนยกโทษให้กับสิ่งแย่ ๆ ที่เขาเคยทำ แต่ถ้ามันง่ายขนาดนั้น ผู้หญิงคนนี้ก็คงไม่ใช่เซลีนที่เขารู้จัก

“ฉันสูบเป็นเพื่อน”

องศาดึงบุหรี่จากซองมาคีบไว้ที่ปากแต่ไม่ได้จุดสูบแต่อย่างใด แววตาของเซลีนที่มองเขานั้นอ่อนลง ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมาสูบบุหรี่กับเธอมาก่อน ควรดีใจหรือเปล่านะที่เป็นองศา

ทั้งสองไม่มีใครพูดอะไร ปล่อยให้ความเงียบและเสียงน้ำไหลบรรเทาความตึงเครียด แล้วก็เป็นองศาที่พูดขึ้นมาก่อนว่า

“ขอโทษนะที่หลายวันมานี้ฉันทำให้เธอเครียด แต่ไม่ต้องกลัวนะว่าฉันจะสร้างปัญหาให้เธอกับลูก ฉันแค่ขอได้เห็นหน้าลูกบ้างก็พอ”

“นายมีธุระอะไรกับฉันเหรอ”

วันนี้เธอเหนื่อยเกินกว่าจะคุยเรื่องนี้เลยเปลี่ยนเรื่องคุยเสีย องศาเข้าใจความรู้สึกของเธอและไม่อยากเซ้าซี้

“เธอลางานสักสองสามวันได้ไหม”

“มีความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนั้น ที่ฉันยังไม่รู้ด้วยเหรอ”

“ฉันไม่อยากให้เธอเสี่ยง”

“ไม่ต้องห่วง นายจะทำอะไรก็ทำ ฉันรู้ดีว่าตัวเองเสี่ยงได้แค่ไหน”

บอกแค่นั้นเซลีนก็ลงจากราวสะพาน แล้วเดินกลับบ้านโดยไม่สนใจองศา วันรุ่งขึ้นหญิงสาวไปทำงานปกติแต่ไม่เห็นเขาในแผนก ทั้งตอนเช้าก็ยังไม่แวะไปหาลูกด้วย

เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่านะ...

ถึงจะไม่อยากเกี่ยวข้องกับองศาแล้ว แต่ก็ใช่ว่าเธอจะปรารถนาให้เขามีอันเป็นไป

หญิงสาวจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เอาแต่เหลือบมองหน้าจอมือถือไม่ต่างจากมองประตูห้องทำงานเพราะปกติองศามักพรวดพราดเข้ามาโดยไม่บอกไม่กล่าว แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่ได้เจอเขา

ไม่แน่องศาอาจจะทำงานสำเร็จแล้วกลับดอยไปแล้วก็ได้ เพราะเธอก็ไม่เห็นหมอคีรีเช่นกัน หากเป็นอย่างนั้นชีวิตของเธอต่อจากนี้ก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว

พ่อของเพนนีมีอิทธิพลอยู่ชายแดน ลักลอบทำสิ่งผิดกฎหมายหลายอย่างแต่ตำรวจไม่มีหลักฐานสาวถึงตัว สายรายงานว่าโรงพยาบาลนี้มีหมอฝีมือดีช่วยชำแหละอวัยวะจากคนไร้สัญชาติที่ถูกพ่อเพนนีฆ่าตายเพื่อนำไปขาย แล้วส่งกำไรคืนให้เจ้าพ่อขาโหด ถ้าทลายขบวนการนี้ได้ก็จะมีหลักฐานยัดฝ่ายนั้นเข้าซังเตหลายปี

แต่ที่เซลีนทำให้ดูเหมือนว่าหมอเบญถูกหมอไอซ์เขี่ยให้พ้นทาง ทำให้หมอคีรีที่เข้ามารับตำแหน่งแทนยังไม่เริ่มเคลื่อนไหวเพราะกลัวจะมีคนเพ่งเล็งขบวนการของพวกตน กอปรกับองศาเพิ่งรู้ว่าตัวเองมีคนให้ต้องปกป้องมากถึงสองคนเลยไม่อยากรออีกแล้ว ชายหนุ่มหลอกคนโลภมากอย่างหมอคีรีว่าลุงเขาเป็นโรคตับแข็ง ต้องเปลี่ยนตับและรอไม่ได้ แถมยังให้ลุงโอบวินิจฉัยโรคปลอมให้เพื่อความสมจริง

แผนนี้มันบ้าแถมยังเสี่ยงมาก แต่องศาเติบโตมากับคนที่ชีวิตอยู่ต่อไปได้ด้วยความโลภ เขาจึงรู้ว่าคนอย่างคีรีต้องตะครุบเงินมหาศาลนี้ไว้โดยไม่ลังเล

แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ หมอคีรีโกหกพ่อของเพนนีว่าศพที่เพิ่งได้วันนี้อวัยวะใช้ไม่ได้แล้วจึงไม่มีการนัดรับของ แต่ของที่ได้จะถูกนำมาให้องศาส่งไปให้ลุงที่กรุงเทพฯ แทน เงินที่เขารับจากองศาจึงไม่เข้ากระเป๋าพ่อเพนนี

“หมอองดูตับของเธอสิ สีสวยมาก ปริมาตรกำลังพอเหมาะ นับเป็นโชคดีของลุงของหมอเลยนะครับที่ได้ตับจากเธอ”

องศามองตับพูสวยที่หมอคีรีเพิ่งคว้านออกมาจากศพนิรนามที่เขาเดาว่าพ่อของเพนนีน่าจะเป็นคนจัดหามาให้ แล้วแสร้งว่าทำมีดผ่าตัดร่วงลงพื้นจึงก้มลงเก็บ เสียงนั้นคือสัญญาณที่บอกให้ตำรวจซึ่งรออยู่ข้างนอกเข้ามาได้

แต่สัญชาตญาณของคีรีก็ทำงานอย่างไว พอมองจากกระจกห้องผ่าตัดของตึกปีกซ้ายที่กำลังปิดปรับปรุงซึ่งมีแต่ตนที่เข้าใช้งานได้ แล้วเห็นตำรวจวิ่งเข้ามาเขาก็รีบเผ่นออกทางประตูหลัง องศาตามไปคว้าแขนเสื้อคีรีเอาไว้ แต่ฝ่ายนั้นก็เหวี่ยงแขนซึ่งมีมีดผ่าตัดในมือหมายเอาชีวิต องศาหลบได้แต่นั่นก็ทำให้แขนซ้ายของเขาโดนเฉือนจนเลือดอาบ

“พาหมอองศาไปทำแผลก่อน”

สารวัตรเดชาที่สนิทสนมกับองศาเป็นอย่างดีหันไปบอกลูกน้องคนหนึ่ง ส่วนตัวเองก็วิ่งตามลูกน้องคนอื่น ๆ ไปจับตัวหมอคีรี ทว่าองศาสังหรณ์ใจแปลก ๆ จึงตามไปเช่นกัน

กลางดึกคืนนั้นเซลีนต้องรีบกลับไปโรงพยาบาลเพราะคนไข้เปลี่ยนหัวใจในความดูแลของเธอดันหายตัวไปเสียอย่างนั้น เรสซิเดนท์ในทีมช่วยกันตามหาแล้วแต่ก็ไม่พบ ถ้าเขาเกิดมีอันเป็นไประหว่างที่ยังหาไม่เจอ พวกเธอคงซวยหนัก

“คุณไพลิน คุณอยู่ที่ไหนคะ ออกมาเถอะค่ะ ครอบครัวของคุณอยากให้คุณมีชีวิตต่อไปนะคะ”

เซลีนตะโกนเรียกขณะที่เธอลงมาตามหาคนไข้ตามบันไดหนีไฟทางปีกซ้ายของตึก เพราะเจ้าหน้าที่พบเห็นว่าไพลินวิ่งมาทางนี้

แต่ระหว่างนั้นดันมีเสียงเอะอะโวยวายและเสียงฝีเท้าหลายคู่วิ่งไล่ตามบันได เธอหันกลับไปมองด้านบนจึงรู้ว่าท่านรองกำลังวิ่งหนีใครบางคนลงมาทางนี้

ท่าทางเขาเหมือนหมาจนตรอก จึงไม่ลังเลที่จะใช้มีดผ่าตัดในมือจี้คอเธอเอาไว้เป็นตัวประกัน

“ถอยไป ไม่งั้นฉันจะฆ่านังนี่ให้ดู”

เซลีนตกใจมากจนแทบจะกรีดร้องออกมาแต่กลัวเหลือเกินว่าคมมีดมันอาจจะเฉือนเข้าต้นคอเธอได้ง่าย ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นน้องนาทีจะอยู่อย่างไร เธออุตส่าห์ไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงแล้วแท้ ๆ แต่คนเราเมื่อถึงคราวซวยก็ช่วยไม่ได้สินะ

“มอบตัวเถอะหมอคีรี โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา”

เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายที่อยู่ด้านบนก็เล็งปืนมาที่เขาอย่างระมัดระวัง เซลีนตัวสั่นแข้งขาอ่อนเปลี้ย

แต่เซลีน... เธอจะมาตายตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด เธอต้องทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองรอดไปกอดน้องนาที หญิงสาวบอกตัวเองแล้วรวบรวมความกล้าพูดออกไปด้วยเสียงสั่นเครือ ขณะที่นายแพทย์วัยกลางคนพยายามลากเธอเดินลงบันไดไปด้วยกัน

“หมอคีรี วางมีดลงก่อนนะ ฉันสามารถช่วยต่อรองกับตำรวจได้นะคะ แต่คุณต้องปล่อยฉันก่อน”

“กูไม่เชื่อ คิดว่ากูไม่รู้เหรอว่ามึงตอแหลเก่งแค่ไหน มึงปั่นหัวพวกกูจนดูโง่เป็นควายมาแล้ว กูจะไม่ยอมให้มึงทำแบบนั้นได้อีก”

ที่ตำรวจบุกมาจับเขาได้แบบนี้ก็เพราะโดนองศาล่อซื้อ แล้วหลายอย่างเลยทำให้เขาปะติดปะต่อว่าองศากับเซลีนอาจจะร่วมมือกัน ส่วนหมอไอซ์ก็แค่ตัวหลอก แต่กว่าจะรู้มันก็สายเกินไปเสียแล้ว

“มันไม่เกี่ยวกันเลยค่ะ”

เธอยังทำใจดีสู้เสือ เพราะเชื่อเหลือเกินว่า ‘คำพูด’ คืออาวุธที่ร้ายแรงที่สุดของมนุษยชาติ ยิ่งถ้าคนพูดรู้จุดอ่อนของคนฟังด้วยแล้วละก็... ชัยชนะอันหอมหวานก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

“ถ้าหมอโดนวิสามัญตอนนี้ หมอก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นลูกชายที่กำลังจะรับปริญญา แต่ถ้าหมอยอมมอบตัว อย่างน้อยหมอก็ยังจะได้รับรู้ความสำเร็จของเขา แม้ว่าตอนนั้นหมอจะอยู่ในคุกแล้วก็ตาม”

“หุบปาก”

“หมอ หมอใจเย็น ๆ แล้วฟังฉันต่ออีกนิดนะคะ”

“...”

“ลองคิดดูนะคะ ว่ายิ่งถ้าหมอคอยทำดีตอนอยู่ในคุก หมอก็จะได้ลดโทษเร็ว ๆ แล้วยังจะมีเวลาชีวิตเหลือให้ชื่นชมความสำเร็จของลูกได้อีก”

“...”

“หมอว่าที่ฉันพูดไปเป็นการปั่นหัวหมอหรือเปล่าล่ะคะ จริงค่ะ... ฉันอาจจะทำเพื่อให้ฉันรอด แต่ถ้าฉันรอด หมอก็รอด วินวินนะคะ”

หมอคีรีเริ่มสับสนกับคำพูดของเธอ ทั้งชีวิตของเขาไม่มีใครสำคัญมากไปกว่าลูกชาย ที่ยอมทำงานหนักถีบตัวเองจากหมอจน ๆ ที่เริ่มจากติดลบขึ้นมายืนถึงจุดนี้ได้ก็เพื่อลูก

แต่ถ้าในวันที่ลูกประสบความสำเร็จ แต่ตัวเขากลับต้องเหลือเพียงเถ้ากระดูก ลูกคงต้องใจสลาย

เซลีนใช้จังหวะที่หมอคีรีสับสนถีบเท้าไปที่ราวบันไดเพื่อดันให้แผ่นหลังของเขากระแทกหัวตะปูที่เธอเหลือบไปเห็นก่อนหน้านี้ ทำให้หมอคีรีปล่อยมือจากเธอโดยอัตโนมัติแล้วเสียหลักล้ม แต่ในจังหวะเดียวกันเขาก็คว้าชายเสื้อกาวน์ของเธอไว้ได้จนทำให้ร่างบอบบางถูกดึงให้กลิ้งตกบันไดลงไปพร้อมกัน

เซลีนพลิกคว่ำพลิกหงายหลายตลบกว่าที่ร่างจะหยุดนิ่ง สติเลือนรางในตอนนั้นเห็นตำรวจวิ่งกรูกันลงมา แต่ภาพที่เธอเห็นชัดที่สุดคือองศาที่พยายามเข้ามาเรียกสติเธอไว้ แขนของเขามีเลือดซึมออกมา ท่าทางเขาจะตกใจไม่เบาเลยที่เห็นเธอนอนแอ้งแม้งอยู่ตรงนี้

แต่แม่งเอ๊ย!

ขนาดจะหมดสติอยู่รอมร่อยังเห็นแต่หน้าเขา ชาตินี้เธอจะไม่มีทางหนีไอ้บ้าคนนี้พ้นแล้วหรืออย่างไร แล้วภาพในตาเซลีนก็ดับวูบลงพร้อมกับสติของเธอ

คีรีให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาและซัดทอดครอบครัวเพนนี เพราะกลัวจะโดนหักหลังอยู่แล้ว คีรีถึงเก็บหลักฐานทุกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร จึงมัดตัวเจ้าพ่อใหญ่จนดิ้นไม่หลุด ครอบครัวของเพนนีโกรธมากและคาดไม่ถึงว่าหมอคีรีคนที่ตัวเองคอยสนับสนุนมาอย่างยาวนานจะกล้าเล่นนอกเกมและหักหลังพวกตน แต่ความซื่อสัตย์มันหาได้น้อยนักในหมู่โจร

ส่วนเซลีนที่ตกบันไดไปพร้อมกันก็ปลอดภัยแล้ว เธอไหล่หลุดแถมขาซ้ายหักสองท่อน ตอนนี้มีองศาคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง

“อะ กินอีกคำแล้วเดี๋ยวจะให้ปั๊มนมให้ลูกแล้วจริง ๆ”

องศาเหมือนผู้ปกครองที่กำลังหลอกล่อเด็กดื้อให้ทานข้าว เพราะหญิงสาวเอาแต่บ่นว่าเห็นหน้าเขาแล้วทานไม่ลง

“นายนี่มันทั้งหน้าด้าน ทั้งพูดไม่รู้เรื่อง”

“นี่” องศาแกล้งทำเป็นวางถาดหลุมกระแทกโต๊ะอย่างหมดความอดทน พลางก็จ้องหน้าเธออย่างเอาเรื่อง “ถ้าด่าอีกคำเดียว ฉันจะเปลี่ยนจากป้อนยาเป็นป้อนอย่างอื่นแทนนะ เอาไหม”

เซลีนเม้มปากสนิท อดมองเขาอย่างหวาดระแวงไม่ได้เลย แต่กระนั้นก็ไม่อยากทำเป็นหงอต่อหน้าเขา

“อย่ามาขู่ฉันนะ”

“ไม่ได้ขู่”

องศาเท้าแขนคร่อมตัวเธอไว้แล้วโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ เซลีนใช้แขนข้างที่ไม่เจ็บดันเขาไว้ พร้อมกับกันหน้ามองไปทางอื่น แต่ผิวแก้มแดงเรื่อและเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ที่ผุดพรายทำให้องศารู้ว่าเธอก็ใช่จะเก่งทุกครั้งไป

ชายหนุ่มขยับริมฝีปากเข้าไปใกล้แล้วลากไล้ไปตามผิวแก้มเธอเบา ๆ ด้านเซลีนรู้ดีว่าจะใช้วิธีเดิมกับคนที่รู้ทางเธอแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว จึงได้แต่เบี่ยงหน้าหลบให้ได้มากที่สุด แต่สุดท้ายก็โดนคนฉวยโอกาสกดจมูกกับพวงแก้มเนียนแล้วทำหน้าเคลิ้มฝัน

“ฉันบอกแล้ว ฉันทำเพราะอยากทำ ได้ผลหรือไม่ก็ช่าง ขอแค่ฉันฟินก็พอ”

“ไอ้คนฉวยโอกาสเอ๊ย”

ฟอด...

“องศา!”

เธอหันมามองหน้าเขาแล้วทำเสียงแหว ๆ แต่เขาหรี่ตามองแล้วฉกใบหน้าเข้าไปใกล้

“ด่าอีกสิครับ”

“โรคจิตหรือไงวะ อั๊บ”

พูดยังไม่ทันขาดคำเรียวปากบอบบางก็ถูกปากขององศาประกบแล้วดูดกลืนเอาคำด่าที่จะตามมาเข้าไปในลำคอจนหมด ก่อให้เกิดกระแสวาบหวามที่แล่นไปทั่วร่างกาย สำหรับเธอองศายังจูบเก่งไม่เปลี่ยนเลย สำหรับเขาเซลีนก็ยังหวานล้ำมิรู้จางจนเขาอยากเชยชิมมากกว่านี้

“ด่าต่อเลย คิดคำด่าไหนได้ก็ด่ามาเลย เพราะให้ฉันนั่งจูบเธอทั้งวันแบบนี้ฉันไม่หวั่นหรอก แต่เธอนี่สิ...” องศาไล่มองสภาพเธอที่ใส่เฝือกทั้งที่แขนและขา “เดี้ยงแบบนี้ หนีไปไหนไม่รอดนะ หรือจะแลก?”

เซลีนได้แต่ค้อนปะหลับปะเหลือกเพราะเธอเสียเปรียบองศาทุกทาง แต่อย่าให้แม่หายดีนะ จะเช็กบิลทบต้นทบดอกเลยคอยดู

พี่ไก่กับเกมเพลย์เป็นอุปสรรคในการทำคะแนนขององศา เขาเลยยกเรื่องที่เคยช่วยเกมเพลย์มาอ้างเพื่อให้พี่ไก่ยอมทำตามคำขอ ซึ่งก็คือให้ไปเที่ยวทะเลนานเท่าที่อยากจะเที่ยว โดยเขารับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ ถึงเซลีนจะไม่อนุญาตแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะทันทีที่เธอออกจากโรงพยาบาล สองแม่ลูกก็เก็บกระเป๋าจองที่พักเสร็จสรรพแล้ว

“พี่ไก่อะ จะมาทิ้งหมอดื้อ ๆ แบบนี้เลยเหรอคะ”

“พี่ไก่ไม่ได้ทิ้งนะคะ แต่พี่ไก่เห็นว่าคุณหมอกับน้องนาทีมีคุณพ่อดูแลแล้ว เกมเพลย์ก็อยากจะไปเที่ยวทะเลด้วย เกมเพลย์ยังไม่เคยเห็นทะเลเลยค่ะ แล้วอีกอย่าง... หมอองศาก็ออกค่าใช้จ่ายให้ด้วย โอกาสง้ามงามแบบนี้ พี่ไก่ต้องคว้าไว้นะคะ”

“แต่องศาเขาไม่เคยเลี้ยงเด็กเล็กนะคะ แล้วหมอเองก็เดี้ยงอยู่ด้วย หมอจ้างพี่ไก่มาเลี้ยงน้องนาที ไม่ได้จ้างให้มาทำตามคำสั่งคนอื่น”

พี่ไก่ทำหน้าไปไม่เป็น องศาเลยช่วยอีกแรง

“ไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วงเลยเซล ฉันน่ะ เรียนรู้วิธีดูและเด็กจากพี่ไก่มาแล้ว เธอคิดว่าตลอดเวลาที่เธออยู่โรงพยาบาล ฉันจะปล่อยลูกไว้กับพี่เลี้ยงเหรอ เปล่าเลย ฉันมาดูด้วยตัวเอง สลับกับไปดูแลเธอด้วย เพราะงั้น ผมสอบผ่านไหมครับพี่ไก่”

“ผ่านค่า ได้ร้อยคะแนนเต็มเลย” พี่ไก่ยกนิ้วให้

เซลีนที่นั่งบนรถเข็นเหลือบมองเขม่นคนเจ้าแผนการซึ่งตอนนี้กำลังเดินเข้าไปอุ้มน้องนาทีมาจากพี่ไก่

“เดินทางปลอดภัยนะครับพี่ไก่ เกมเพลย์อย่าลืมของฝากอานะ”

“ครับอาหมอ”

เดี๋ยวนี้สองคนเรียกแทนกันอย่างสนิทสนม เซลีนอดเคืองไม่ได้เลยที่คนในบ้านเธอยอมรับผู้ชายคนนี้มาเป็นส่วนหนึ่งได้ง่ายดาย แต่ตอนนี้เธอจะทำอะไรได้ ขนาดจะเดินยังต้องใช้เวลาอีกสองสามเดือนเลย

“แง๊ แง๊ แมะ ๆ หม่ำ ๆ”

ไอ้ต้าวจ้ำม่ำวัยห้าเดือนร้องงอแงพร้อมทำปากแจะ ๆ บ่งบอกว่าหิว ตอนนี้น้องนาทีเริ่มอยากพูดและคลานได้แล้ว องศายังจำได้ว่าตอนเขาเฝ้าเซลีนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วพี่ไก่เฟซไทม์มาให้ดูไอ้ต้าวก้อนนอนคว่ำหน้าแล้วค่อย ๆ กระดึ๊บไปเหมือนหนอนตัวน้อยเขามีความสุขแค่ไหน ไม่ต่างกับเซลีนที่เธอลืมตัวกอดเขาเลยด้วยซ้ำ

คนเป็นพ่อเป็นแม่แค่ได้เฝ้าดูลูกน้อยเติบใหญ่มันก็สุขใจอย่างหาสิ่งใดเปรียบไม่ได้ และนอกจากนี้พ่อแม่ก็ไม่ต้องการอะไรจากลูกแล้ว

จริงอยู่ที่ไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนจะรักลูก องศาพยายามทำความเข้าใจพวกเขามาทั้งชีวิตแต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่เข้าใจและคิดว่าจะไม่มีวันเข้าใจเพราะเขาไม่เหมือนพวกนั้น ต้องขอบคุณที่เซลีนทำให้เขาได้รู้จักความรัก และลูกก็ทำให้เขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าเราสามารถรักใครสักคนได้มากกว่าที่เคยรักในวันวาน

“โอ๋ ๆ เดี๋ยวคุณพ่อไปอุ่นนมให้นะครับ พุงน้อย ๆ ของคุณพ่อรอก่อนนะ...”

“อง ไม่ต้องหรอก เอาเข้าเต้านี่มา”

“พ่อหรือลูก”

เธอมองเขาตาดุ องศาหัวเราะหน้าเป็น ไอ้ต้าวก้อนของพ่อแม่ก็ขำด้วย เซลีนเลยอดยิ้มตามไม่ได้

“ก็ต้องลูกสิเนอะ ส่วนพ่อน่ะ... อด” องศาพูดพลางโน้มตัวลงมาจ้องตาแม่ของลูกหวานเยิ้ม

เขาค่อย ๆ ส่งน้องนาทีให้เซลีนแล้วช่วยปลด arm sling และจัดท่าอุ้มลูกให้เพราะแขนเธอใช้งานได้ข้างเดียว แต่พอจะช่วยแกะกระดุมเสื้อก็โดนห้าม

“ตรงนี้ไม่ต้อง”

“เอ้า แล้วจะแกะยังไง แขนข้างนี้ก็อุ้มลูก ข้างนี้ก็ยังเจ็บอยู่”

“ได้น่า”

เธอพยายามใช้แขนที่เจ็บแกะกระดุมแต่ก็ค่อนข้างลำบาก องศาเลยรวบมือข้างนั้นไว้แล้วจัดการแกะเอง

“ไม่ต้องอายหรอกน่า มากกว่านี้ฉันก็เคยเห็น จำไม่ได้เหรอ ตอนที่เรายังไม่ได้กัน เธอก็เป็นฝ่ายถอดเสื้อผ้ายั่วฉันเองเช้าสายบ่ายเย็น”

“บ้า ใครทำบ่อยขนาดนั้นกัน”

คนตัวบางหลบสายตาแสนหวานนั้นแล้วทำเป็นมองหน้าลูกที่ตอนนี้หัวเราะตาใสแต่ยังพยายามเอาหน้าเข้าเต้าแม่เพราะไม่ทันใจ

“ใครก็ไม่รู้แหละ รู้แต่ว่าเขาแซ่บเวอร์” องศาขยิบตาและซี้ดปาก แต่แทนที่จะดูเซ็กซี่มันกลับตลกจนเซลีนหลุดหัวเราะออกมา

“นายนี่มันจริง ๆ เลยนะ”

“ถ้าไม่ใช่ฉันจริง ๆ ก็คงจะเป็นตัวโคลนนิ่งแล้วแหละ”

เขาช่วยเปิดเสื้อแล้วดึงชั้นในลงให้จนลูกสามารถงับยอดอกขาว ๆ เข้าปากได้ง่ายดาย

องศาลอบกลืนน้ำลายลงคอ เพราะไม่รู้เขายังปกติอยู่ไหมที่อยากดูดอีกข้างแข่งกับลูก แถมความรู้สึกบางอย่างยังตื่นตัวจนไม่สามารถมองภาพแสนงามนั้นได้นาน

+ + +

ตลอดเวลาที่องศาได้ดูแลทั้งแม่และลูก เหมือนพลังชีวิตของเขาถูกสูบไปสามเท่า ลูกสูบไปหนึ่ง แต่แม่สูบไปถึงสอง เพราะเจ้าหล่อนพยศเหลือเกิน ซ้ำยังไล่เขาออกจากบ้านทุกวันอีกต่างหาก

“ถ้าฉันออกไปนอนบ้านฉัน แล้วเกิดลูกเป็นอะไรขึ้นมากลางดึกเธอจะทำยังไง พี่ไก่ก็ไม่อยู่ด้วย”

องศาอธิบายกับอดีตภรรยาที่ตอนนี้เขาพยายามจะอุ้มไปอาบน้ำหลังจากเขาเพิ่งป้อนข้าวและพาน้องนาทีหลับ แต่เจ้าหล่อนก็ยังดิ้นไม่หยุดจนเขาเกือบทำเธอหลุดมือ

“ใครใช้ให้นายคิดแผนบ้า ๆ นี้ขึ้นมาล่ะ”

“ฉันเป็นพ่อน้องนาทีนะ ยังไงก็ต้องดูลูกได้ดีกว่าพี่เลี้ยงอยู่แล้ว”

“ฉันจะให้ธารมาอยู่ด้วย”

“ธารีมีสอบสำคัญ เธออยากให้น้องมันมารับมือกับเธอกับเด็กเล็กจนไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเหรอ”

“ก็ฉันไม่อยากให้นายอาบน้ำให้แล้วนี่นา”

เธอสารภาพออกมาจนได้ เพราะทุกครั้งที่เขาอาบให้ เธอจะล้างจะล้วงไปทำความสำอาดตรงไหนมันก็ขัดเขินไปหมด

“ถ้าหายเดี้ยงเมื่อไหร่จะเลิกอาบให้ทันที”

คนเผด็จการยกขาถีบประตูห้องน้ำแล้วพาเธอเข้าไปวางไว้ในอ่างที่ตนเตรียมน้ำอุ่นและตีฟองสบู่ให้เรียบร้อย พออยู่ในนั้นเซลีนก็จำใจต้องปลดผ้าเช็ดตัวเปียก ๆ ออกไปแล้วส่งแขนให้เขาถูสบู่ให้

“ก็แค่เนี้ย”

“นายมันเก่งแต่บังคับจิตใจฉันนั่นแหละ” เธอเอ่ยอย่างแสนงอน

“ขอโทษ” เขาดึงมือมือข้างที่เขากำลังถูให้อยู่มาใกล้อก “แต่ถ้าเธอไม่ดื้อ ฉันก็จะไม่บังคับหรอก ยิ่งอยู่ในห้องน้ำสองต่อสองแบบนี้แล้วด้วย ลองเธอพยศขึ้นมาอีก ฉันจะไม่ทำแค่จูบเหมือนทุกครั้ง”

“ไอ้บ้า”

เซลีนวักน้ำสบู่ใส่หน้าเขาอย่างเหลืออด ทำให้ตอนนี้ฟองนุ่ม ๆ บางส่วนติดหน้าเขาเหมือนเป็นซานตาครอส หญิงสาวถึงกับหัวเราะร่วน

“นี่แกล้งกันเหรอ”

“ว้าย”

องศาเองก็แกล้งเธอกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ต่างคนต่างวักน้ำสบู่ใส่อีกฝ่าย เสียงหัวเราะของเขาผสมเสียงร้องวี้ดว้ายของเซลีนบ่งบอกถึงความสุขที่ทั้งคู่มีร่วมกัน กว่าจะอาบน้ำให้เซลีนเสร็จ ห้องน้ำก็เละเทะ จนคนล้างอย่างเขาต้องบ่นอุบ

“ลูกกินอิ่มแล้ว แถมหลับไปแล้ว แต่เดี๋ยวดึก ๆ คงตื่นมาร้องไห้เพราะหิวนมอีก เธอปั๊มนมเพิ่มไหม เดี๋ยวถ้าลูกร้องฉันจะตื่นมาจัดการเองจะได้ไม่รบกวนเธอ”

องศาที่พอแต่งตัวและหวีผมให้อดีตภรรยาเสร็จเขาก็ทำความสะอาดขวดนมลูกแล้วหันไปถามคนที่นั่งรถเข็นมองอยู่ข้างเคาน์เตอร์ครัว

“เดี๋ยวค่อยให้กินจากเต้าเลยก็ได้ ฉันเจ็บนมไปหมดเลยตอนนี้”

พอได้อยู่กับลูกตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงน้องนาทีก็ร้องจะกินนมตลอด ดูดแต่ละทีเล่นเอาเธอต้องกัดฟันทน แต่พอเห็นลูกกินอิ่มเธอก็ลืมเจ็บ

“ไหนดูซิ เดี๋ยวคุณพ่อช่วยนวดนมให้”

“ทะลึ่ง!!!”

คนตัวบางขึงตาใส่ทันทีที่เขาจะเข้ามาจับเสื้อตรงหน้าอกของเธอ องศาขำอร่อยเลยทีเดียว ไม่รู้ทำไมพอได้แกล้งเธอทีไรเขาก็มีความสุขทุกที

“ไม่แกล้งแล้วก็ได้ครับ ว่าแต่คุณแม่จะกินอะไรดี วันนี้มีร้านเปิดใหม่หน้าปากซอย เราจะลองสั่งมากินดูไหม”

แต่เซลีนกลับทำหน้าเบ้ เพราะหลายวันมานี้เธอกินแต่อาหารตามสั่งซึ่งรสชาติสู้เธอหรือว่าสู้ที่พี่ไก่ทำไม่ได้เลย ส่วนรสมือองศาน่ะหรือ... โยนให้หมา หมายังอ้วกเลย

“ฉันว่าจะทำกับข้าวเอง”

“ไม่ไหวหรอก”

เขามองสภาพเธอแล้วส่ายหน้า แต่เซลีนไม่เห็นด้วย เพราะตอนนี้แขนเธอเริ่มใช้การได้แล้ว มีแค่ขาที่ยังทุลักทุเลอยู่

“ไหวสิ นายก็ช่วยเป็นลูกมือฉันแล้วกัน”

องศาทำเองไม่รอดแต่เป็นลูกมือน่าจะไหว เธอใช้ให้เขาล้างผัก หั่นผัก วิ่งหยิบเครื่องปรุงโน่นนี่นั่นสารพัดส่วนเธออยู่หน้าเตาเพื่อปรุงอาหารอย่างเดียว

แต่ไอ้คนบ้ามันก็แกล้งเข้ามายืนใกล้ ๆ แล้วเอื้อมมือหยิบนู่นจับนี่ เอาหน้าอกมาชนเธอบ้างละ เอาปากมาชนแก้มเธอบางล่ะ เธอรู้หรอกว่าองศาฉวยโอกาส

“นี่ หยุดเลย” หญิงสาวหันไปมองคนที่ยืนซ้อนหลังอยู่แล้วชูทัพพีขึ้นมาแทนอาวุธ “เดี๋ยวแม่ตีหัวแบะ”

“โอเค ไม่ทำแล้วก็ได้” คนตัวโตยกมือทั้งสองข้างไว้หลังท้ายทอยแล้วถอยออกไป

เซลีนหันไปคนหม้อแกงต่อ แต่เพราะเธอเผลอนั่นแหละ องศาถึงได้เข้ามาเสวมกอดเธอได้แถมยังสูดเอากลิ่นหอมของเธอไปเต็มปอด

“องศา ไหนบอกจะไม่ทำแล้วไง”

“ก็มันอดไม่ได้นี่นา” เขาซบใบหน้าลงกับไหล่ข้างนั้นแล้วกระซิบออดอ้อน “เธอตัวหอมมาก ฉันเลยหิว อยากกิน”

“จะมาหิวอะไร ฉันไม่ใช่ของกินซะหน่อย” เซลีนก้มหน้าซ่อนยิ้มเขินอาย แต่องศากลับยิ่งรัดแน่นแถมยังหอมแก้มเธอฟอดใหญ่

“ถ้าบอกว่าฉันเห็นเธอเป็นของกิน เธอจะยอมให้กินไหม”

เขาเชิดคางเธอเพื่อให้ใบหน้าสวยรั้นขึ้นแล้วพรมจูบผิวแก้มอย่างทะนุถนอม เรื่อยมาจนใกล้เรียวปากสวย หัวใจของเซลีนเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกโพรงอก ไม่รู้ว่ามันอ่อนไหวกับคำพูดแทะโลมขององศาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดกัน ใจเธอกลับมีความสุขจนเกินบรรยาย แล้วเขาก็เป็นคนทำให้ภาพครอบครัวที่เธอไม่เคยจินตนาการถึงมันชัดเจนขึ้น

“แง๊ แง๊...”

ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้พูดอะไรต่อ เสียงร้องไห้ของน้องนาทีก็ทำให้คนเป็นพ่อรีบจ้ำอ้าวเข้าไปในห้องนอนแล้วอุ้มไอ้ต้าวก้อนขึ้นจากเปล พบว่าสาเหตุที่ทำให้ตื่นก็เพราะผ้าอ้อมเต็ม

เซลีนที่ปิดเตาแก๊สแล้วดึงรถเข็นมานั่งได้ก็เข็นไปดูในห้อง เห็นอดีตสามีวางลูกน้อยไว้บนเตียงแล้วเปลี่ยนผ้าอ้อมให้อย่างคล่องแคล่ว ส่วนเจ้าก้อนกลมของเธอก็ทำท่าจะคลานอย่างเดียว

“ปา ป่า”

“หือ อะไรครับคนเก่ง จะพูดว่าป้ะป๊าเหรอ”

“แปะ ป้า”

นาทีดีใจที่มีคนคุยด้วยเลยบ้วนน้ำลายออกมาซะเลย องศาหัวเราะร่วนขณะติดแถบผ้าอ้อมแล้วยกลูกขึ้นมาเห่กล่อม ก่อนจะหันมายิ้มให้เธอผ่านไหล่ตัวเอง

“รอแป๊บนะเซล เอาลูกหลับก่อน เดี๋ยวจะไปตักข้าวให้กิน”

“อื้อ”

เธอพยักหน้าให้เขายิ้ม ๆ และอิ่มเอมกับภาพวุ่นวายของผู้ชายตรงหน้า ในคราบของคุณพ่อลูกอ่อน องศาขช่างดูอ่อนโยนและอบอุ่นจนหัวใจด้านชาของเธออ่อนยวบลง

เพราะเซลีนลาออกจากงานแล้วเธอเลยอยากจะตื่นสายสักวัน แต่องศาที่ลาออกมาดูแลเธอเหมือนกันเขาได้อาบน้ำให้ลูกเสร็จสรรพแล้ว ก็ได้รีบมาปลุกเธอให้ตื่นมาป้อนนมน้องนาที ช่วงนี้เซลีนไม่ได้ปั๊มนมไว้เนื่องจากไม่ค่อยมีน้ำนม แตกต่างจากช่วงสี่เดือนแรกที่มันพุ่งเอา ๆ เหมือนตาน้ำแตก

“เซล ตื่นเถอะ ลูกหิวนมแล้ว”

“แหม่ม แหม่ม”

น้องนาทีพยายามจะพูดคำว่าหม่ำ ๆ เพราะช่วงนี้องศาสอนให้ลูกพูดเป็นคำ ๆ พลางยื่นมือไปตีผ้าห่มของแม่ดังผับ ๆ

“ฮือ...”

คนที่นอนคุดคู้ในผ้าห่มครางในลำคอ เลี้ยงลูกตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงมันเหนื่อยยิ่งกว่าทำงานทั้งวันอีก เมื่อคืนเธอกับเขาก็เพิ่งได้นอนตอนตีสามเพราะไอ้ต้าวก้อนงอแงไม่ยอมหลับ ต้องผลัดกันอุ้มอยู่เรื่อย ๆ

“นายไม่เหนื่อยเหรออง”

“เหนื่อยสิ แต่ทนได้ ก็นั่นลูกเรานี่นา”

เซลีนดึงผ้าห่มลงแล้วสูดหายใจเข้าเพื่อตั้งสติ องศาพูดถูก ในเมื่อองศาไม่เหนื่อย เธอก็จะไม่เหนื่อย เพราะนั่นก็ลูกของเธอ

“ขอนอนต่อสามนาทีนะ”

องศาทอดมองเธอแล้วระบายยิ้มเอ็นดู ก่อนจะปล่อยน้องนาทีลงบนเตียง เด็กชายค่อย ๆ คลานไปหามารดาแล้วดึงผมยาวสลวยมาเข้าปาก

“อ๊ะ ๆ อันนี้กินไม่ได้ครับ ปลุกคุณแม่ซิครับ เรียกว่า คุณแม่”

“แมะ แมะ”

“คุณแม่”

“แหม่ม แหม่ม”

เซลีนได้ยินแบบนั้นแล้วสงสารจนนอนต่อไม่ไหว เลยลุกขึ้นมาทั้งหัวยุ่งหัวยีแล้วเปิดนมให้ลูกน้อยดูด ส่วนตัวเองก็ถึงกับนั่งหลับ

“ลูกครับ รีบ ๆ อิ่มนะ คุณแม่จะได้นอนพักผ่อน”

องศาเยี่ยมหน้าไปหาลูกน้อย นาทียิ้มมุมปากให้พร้อมกับดวงตาเปล่งประกายราวกับเข้าใจคำพูดของพ่อ จากนั้นเพียงไม่นานเด็กน้อยก็กินอิ่ม องศาจึงพาไปคลานในคอกที่มีเบาะรองคลาน พร้อมเขย่าของเล่นหลอกล่อเด็กน้อยไปด้วย ปล่อยให้เซลีนได้หลับต่อ แต่เธอหายง่วงแล้ว เลยหยิบไม้ค้ำเพื่อเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ซึ่งตอนนี้ไม่ต้องให้องศาคอยช่วยแล้ว

“ฉันว่าเราเรียกพี่ไก่กับเกมเพลย์กลับมาดีไหม นี่ไปจะเป็นเดือนแล้วนะ ไม่เบื่อบ้างหรือไงทะเลน่ะ”

เธอพูดขึ้นขณะที่นั่งอ่านข้อมูลทางโภชนาการของอาหารเสริมที่คนรู้จักซึ่งเป็นนักโภชนาการส่งมาให้ดู คิดว่าเดือนนี้จะให้ลูกรับประทานอย่างอื่นนอกเหนือจากนมได้แล้ว

“โอย ตอนนี้ไม่ได้อยู่ทะเลแล้ว แต่ไปเยี่ยมญาติที่กรุงเทพ”

“อ้าว ทำไมฉันเพิ่งรู้”

“ก็ฉันไม่ได้บอกเธอน่ะ”

“อ้อ นี่สรุปว่าสองคนนั้นขึ้นตรงกับนายไปแล้วเหรอ”

“เอามะ” องศาท่าทางสนใจสิ่งที่เธอพูด “ให้ขึ้นตรงกับฉัน รับเงินเดือนจากฉันไปเลย จะได้เบาเรื่องค่าใช้จ่ายของเธอไปบ้าง”

“เรื่องอะไร ลูกฉันฉันจ่ายเอง”

องศากลืนน้ำลายขม ๆ ลงคอ ชัดเจนว่าตอนนี้เซลีนยังไม่ยอมรับเขาในฐานะพ่อของลูก หากชายหนุ่มก็เข้าใจ เพราะมันอาจจะเร็วเกินไป เขาทิ้งให้เธออุ้มท้องน้องนาทีและเผชิญความอับอายเพียงลำพัง ยังไม่นับรวมเรื่องแย่ ๆ ที่เขาทำเอาไว้อีกนะ

แค่เธอยอมให้เขาอยู่ในชีวิตมันก็ดีถมไปแล้ว

“ไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลังนะ”

ทั้งคู่แยกย้ายกันทำหน้าที่ของตัวเองจนเรียบร้อยองศาก็มาพาน้องนาทีนอนกลางวันจากนั้นก็ออกไปซื้อของเข้าบ้านตามที่อดีตภรรยาเขียนไว้ให้ กลับเข้าบ้านก็ต้องเก็บกวาดบ้านแล้วเอาลูกอาบน้ำอาบท่าอีก

เป็นพ่อคนนี่มันไม่ว่างเลยจริง ๆ แต่ในความวุ่นวายองศากลับพบเป้าหมายใหม่ในชีวิต นั่นคือเพื่อเซลีนและเพื่อลูก

“เฮ้อ ได้นอนซะที”

องศาทิ้งตัวลงบนเตียงที่เซลีนนอนอยู่ก่อนแล้วพร้อมกับบิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสาย เขาทั้งดูลูก ทั้งทำงานบ้านและช่วยเธอทำกับข้าวอีก ทำให้เหนื่อยมาทั้งวัน แต่พอหันไปหาอดีตภรรยาก็เจอแววตาดุ ๆ ของเธอรออยู่

“อะไร”

“อย่ามาเนียน” เธอมองเขาสลับกับที่นอนที่เขานอนอยู่ “ที่ของนายอยู่ตรงไหน”

องศาพลิกตัวนอนตะแคงใช้แขนเท้าศีรษะแล้วชี้ไปที่หน้าอกด้านซ้ายของเธอ

“อยู่ตรงนี้”

“ไม่ใช่ซะหน่อย”

เซลีนดันมือเขาออกแล้วเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อซ่อนยิ้ม แต่ตอนนั้นองศาวาดแขนกอดเอวคอดกิ่วแล้วดึงเธอให้ลงมานอนด้วยกันโดยใช้แขนข้างเดิมนั้นทับไว้ไม่ให้ลุกหนี แล้วกระซิบชิดพวงแก้มเห่อร้อนเบา ๆ

“ใช่แหละ มองตาก็รู้ว่าใช่”

“ไม่ใช่ ปล่อยฉัน”

“ไม่ ไม่อยากปล่อย”

องศากระชับเธอเข้ามาแล้วพลิกกายขึ้นคร่อมร่างงดงาม สายตาหวานซึ้งพิศมองใบหน้าเธอทุกองคาพยพ แล้วก็ทึ่งในใจ เพราะต่อให้วันเวลาจะผ่านไป หรือเธอจะผ่านการมีลูกมาแล้ว แต่ความสวยก็ไม่ได้ลดลงเลย นับวันยิ่งจะเพิ่มพูน

“อง มันอึดอัดนะ”

เซลีนพูดเสียงอ้อมแอ้มและพยายามกลั้นยิ้ม หัวใจเต้นแรงเหมือนถูกติดตั้งเครื่องขยายเสียงไว้ในนั้น องศาที่รับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจของเธอค่อย ๆ โน้มใบหน้าลงไปใกล้

“เรื่องคืนนั้น ฉันขอโทษนะ ฉันเมามาก เลยไม่ได้อ่อนโยนกับเธอ แต่ถ้าเธอให้โอกาส ฉันสัญญาว่าจะแก้ตัวใหม่ จะทำให้เธอมีความสุขไปกับมัน”

“...”

“ได้ไหม มีความสุขให้ฉันเห็นนะคนดี”

องศาเชยคางงามมนให้หันมาสบตา และราวกับว่าเธอถูกดึงดูดเข้าไปในความลึกล้ำของดวงตาคู่นั้นที่มันเปิดเผยความรัก ความห่วงใยและความจริงใจที่มีต่อเธอ

“อง...”

“เรามามีความสุขไปพร้อมกันนะ”

ชายหนุ่มขยับลงมาหมายจะครอบครองเรียวปากอวบอิ่มแต่ทว่าเซลีนบิดหน้าไปอีกทาง เนื้อตัวเธอสั่นเทาราวกับกลัวเขาหนักหนา เธอเกือบจะถูกแรงเสน่หาดึงดูดไปเสียแล้ว แต่กลับมีภาพของแอ้มแวบเข้ามา ย้ำเตือนให้เธอต้องหวาดระแวงเขา และอดนึกถึงการทรยศของเขาไม่ได้เลย เธอลืมมันไม่ได้และไม่คิดว่าตัวเองจะให้อภัยองศาได้ด้วยเช่นกัน

“อย่าทำแบบนี้เลยอง เราเลิกกันแล้ว จำไม่ได้เหรอ”

องศาหยุดชะงัก ตัวชาวาบและค่อย ๆ พลิกกายกลับมานอนหงายข้างเธอ

เขารู้สึกหดหู่ใจเหมือนเดินหลงทางอยู่ในอุโมงค์แสนมืดมิดและเจอทางออกอยู่ไม่ไกล แต่กลับมีหินหนักหล่นร่วงลงมากั้นขวางมันไว้และกักขังให้เขาจมจ่อมกับความเจ็บปวดในอดีตที่เขาเป็นคนสร้างมันไว้ต่อไป

“ฉันขอโทษนะ”

“อือ” เซลีนพลิกกายนอนตะแคง แล้วพึมพำอีกเบา ๆ ว่า “อย่าทำอีกแล้วกัน”

คล้ายกับมีก้อนหินมาหน่วงหนึบที่หัวใจ สถานะของเธอกับเขายังคงไว้แค่พ่อกับแม่ของน้องนาที มันคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในเร็ว ๆ นี้

“เข้าใจแล้ว”

ตอนนั้นเองที่เสียงกดกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ทำลายบรรยากาศเศร้าสร้อยในห้องนี้ลงไป องศาอาสาออกไปเปิดประตูรั้วก็พบว่าคนที่มาเยี่ยมเยียนกลางดึกแบบนี้คือคุณศรา

“สวัสดีครับคุณพ่อ”

“ไหว้พระเถอะ”

ท่านดูไม่แปลกใจเลยที่เห็นเขาอยู่ที่นี่ คงเพราะเซลีนเล่าให้ท่านฟังตลอดนั่นแหละ

“เอ่อ ผมช่วยถือกระเป๋านะครับ”

“โทษทีนะที่มาซะดึกเลย พอว่างแล้วก็จองตั๋วมานี่เลย แล้วก็ได้ตั๋วเที่ยวสุดท้ายพอดีน่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ เข้าไปพักข้างในก่อนครับ”

องศาช่วยยกกระเป๋าของอดีตพ่อตาเข้าไปในบ้านแล้วไปบอกเซลีนว่าพ่อมาหา หญิงสาวดีใจมากที่ได้เห็นหน้าท่าน เขาปล่อยให้พ่อลูกคุยกันแล้วตัวเองก็ออกไปนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ริมสระว่ายน้ำหลังบ้าน ไม่นานชายชราก็เดินออกมานั่งเป็นเพื่อนเขา เพราะเซลีนหลับไปแล้ว

“นายจะอยู่แบบนี้อีกนานแค่ไหน”

“หมายความว่าไงครับ?” องศาไม่เข้าใจที่ท่านพูด

“นายกับลูกสาวฉัน จะอยู่แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ทำไมนายไม่รีบออกไปจากชีวิตของเธอเสียที”

องศากลืนน้ำลายขม ๆ ลงคอ

“ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้ครับ เราสองคนต่างเป็นพ่อเหมือนกัน คุณพ่อน่าจะรู้ดีว่าเพราะอะไร ขอเพียงแค่คุณพ่อให้โอกาส ผมจะไม่ทำพลาดอีกเป็นครั้งที่สองครับ”

“โอกาสเหรอ” ชายสูงวัยทวนคำที่ดูไร้ความหมายในความรู้สึกตนแล้วจิบไวน์ที่ถือมาด้วย “คนที่จะให้คำตอบนี้กับนายได้ มีแค่เซลเท่านั้น ส่วนฉัน... ฉันเป็นพ่อที่ไม่คิดแทนลูกน่ะ แต่ยอมรับทุกการตัดสินใจของลูก”

“...”

“นายจำที่ฉันบอกได้ไหม ว่าฉันมองไม่เห็นทางที่นายกับลูกสาวฉันจะกลับมาอยู่ด้วยกันได้ ตอนนี้ฉันก็ยังเชื่ออย่างนั้น และฉันมั่นใจว่าเซลเองก็ไม่สามารถให้อภัยนายได้เหมือนกัน”

“มันคงไม่ง่ายหรอกครับ แต่ก็ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้”

ท่านชื่นชมความมุ่งมั่นขององศาเสมอ แต่ทุกอย่างมันขึ้นกับเซลีนไม่ใช่เขา

“ถ้างั้นนายสัญญากับฉันนะ ว่าถ้าเซลตัดสินใจแล้ว ไม่ว่ายังไงครั้งนี้นายก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเธอ

“ครับ”

องศาเผลอกลั้นใจขณะให้สัญญาลูกผู้ชายกับท่าน มันยากอยู่เหมือนกันนะ แต่มันเป็นสิ่งที่เขาควรทำมากที่สุด ทว่าเขาขอลองพยายามอีกสักนิด หากมันไม่ได้ผลเขาก็จะยอมรับความจริงแล้วเดินจากไป

คุณศรามาอยู่สองวันแล้วก็กลับไป ระหว่างนั้นองศากับเซลีนแทบไม่ได้ใกล้ชิดกัน คงเพราะเรื่องที่เกิดในคืนที่คุณศรามาด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนเพราะเซลีนไม่อยากถลำตัวถลำใจไปมากกว่านี้ เธอยังไม่ลืมความเจ็บปวดที่ได้รับ และไม่รู้จะเอามันกลับมาทรมานเขาไปตลอดชีวิตอีกหรือเปล่า แต่องศาเองก็อยากลองเสี่ยงดูสักตั้ง

“เซล เดี๋ยวฉันกลับมานะ ฉันต้องกลับบ้านไปเอาของบางอย่าง เธออยู่กับลูกสักชั่วโมงนึงไหวใช่ไหม”

“โอเค”

เซลีนพอจะช่วยเหลือตัวเองได้บ้างกำลังผสมอาหารเสริมให้น้องนาทีอยู่โบกมือให้เขาเชิงว่าไม่เป็นไร ชายหนุ่มจึงรีบไปเพราะจะได้รีบกลับ แต่ไม่นานหญิงสาวก็ได้ยินเสียงรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน

“ไปเอาอะไรมาเหรออง ดูมันจะสำคัญจังเลยนะ”

เซลีนเข็นรถเข็นที่จำเป็นต้องกลับมานั่งอีกเพื่อจะได้ตามจับลูกได้ทันไปที่หน้าบ้าน แต่คนที่เธอเห็นกลับไม่ใช่องศา

“ลุงโอบ”

+ + +

“สวัสดีหนูเซลีน”

ท่าทางยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตรของท่านมันไม่น่าไว้ใจที่สุด เพราะคนตรงหน้าได้ชื่อว่าเป็นไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์ การปรากฏตัวของเขาในรอบปีกว่าจึงน่าจะต้องมีอะไรแอบแฝง

“สวัสดีค่ะ ลุงมีธุระอะไรคะ”

“ธุระของลุงที่จะมีกับหนูเนี่ย มันก็มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ” ลุงโอบมองไปยังน้องนาทีซึ่งคลานอยู่บนเบาะคลานในคอกกั้น “เรื่องระหว่างองศากับเด็กคนนั้น”

“ทำไมเหรอคะ” เธอหรี่ตามองชายสูงวัยแล้วลองหยั่งเชิง “องศาให้ลุงมาช่วยพูดเหรอคะ?”

“เดาดูสิ”

เขาล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างวางมาด

เซลีนรู้ดีว่าลุงโอบกำลังพยายามปั่นหัวเธอ แต่ใจหนึ่งก็ไม่มั่นใจว่าจะไม่ใช่อย่างนั้น เพราะองศาก็ดันมาหายไปอีก จะเป็นการเปิดโอกาสให้ลุงโอบเข้ามาพูดหรือเปล่า

“มีอะไรก็รีบพูดมาเถอะค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นลุงขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ... ลุงอยากให้หนูยอมให้องศามันเป็นพ่อเด็กซะ ถ้าไม่อยากจะไปต่อสู้กันในชั้นศาล”

ศาลงั้นหรือ?

หัวคิ้วของเซลีนขมวดมุ่น นี่เขากล้าพูดถึงขนาดนี้ต่อหน้าผู้หญิงที่อุ้มท้องเด็กคนนั้นมาเก้าเดือนเลยหรือ

“คุณไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้”

“ลุงพูดในฐานะลุงคนหนึ่งที่ห่วงหลาน เพราะหนูบอกว่าหนูรักไอ้อง แต่สิ่งที่หนูทำกับมันคือทำลายชีวิตมัน พรากทุกสิ่งจากมันไป ทั้งชื่อเสียง เงินทอง หรือแม้กระทั่งลูก นี่เหรอที่คนรักกันเขาทำกัน”

“ก็ใช่ว่าหนูจะไม่เคยเจ็บเพราะเขานี่!”

เมื่อโดนป้ายสีให้เป็นนางร้ายมานานแสนนาน เธอก็สวนโพล่งอย่างเหลืออด

“...ลุงบงการให้เขามาหลอกจีบหนู มาหลอกให้หนูรัก มาหลอกแต่งงานกับหนูเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แล้วเขาก็ทำลายความรักความเชื่อใจของหนู ด้วยการเอาอีแอ้มมาขย่มบนเตียงของหนู ด่าว่าหนูเหมือนหมูเหมือนหมาโดยไม่แคร์ความรู้สึกหนูเลยสักนิด เขาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของหนูจนไม่เหลือชิ้นดี ทั้งที่หนูพยายามเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดก็เพื่อเขา หนูยอมทิ้งความฝันของตัวเองก็เพื่อดูแลเขา ลุงคิดว่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งยอมทำเพื่อผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่ตัวเองถึงขนาดนี้ มันไม่ได้เป็นเพราะรักเหรอ?”

“...”

“แล้วลุงจะให้หนูปล่อยเรื่องที่เขามีชู้ไป เพียงเพราะว่าหนูรักเขาเหรอ แล้วความรู้สึกของหนูล่ะ หัวใจของหนูล่ะ... ถ้าลุงคิดว่าแบบนั้นมันคือความรัก สำหรับลุงหรือสำหรับผู้หญิงคนอื่นมันอาจจะใช่นะ แต่สำหรับคนอย่างหนูนั่นมันคือความโง่ แล้วหนูก็ดันเป็นพวกที่ไม่ยอมโง่ซ้ำสองเสียด้วย...”

“...”

“ส่วนเรื่องน้องนาที หนูไม่ได้ตั้งใจพาหนีเขามา แต่ลุงรู้ไหมว่าหลานชายลุงมันขืนใจหนู หนูไม่อยากอยู่ให้มันย่ำยีอีก หนูเลยต้องหนี แต่เพราะยาคุมมันหลุด เด็กคนนี้เลยเกิดมาประจานความเลวของพ่อมันไง”

“หนูเซล...”

ลุงโอบอึ้งไปเลยเพราะเพิ่งรู้เรื่องที่องศาบังคับจิตใจเซลีน ถ้าเขารู้มาก่อนเขาจะไม่เสนอหน้ามาพูดจาน่าเกลียดอย่างนี้

“แล้วนี่ยังมีหน้ามาบอกว่าจะใช้กระบวนการทางกฎหมายเพื่อเอาน้องนาทีไปจากหนูถ้าหนูไม่ยอมให้เขาเป็นพ่ออีกเหรอ ได้ไปหมดแล้วทั้งตัว ทั้งหัวใจ และความเชื่อใจ พวกมึงยังจะเอาอะไรอีกวะ!!!”

“ลุง เอ่อ... ลุง”

“ถ้าลุงคิดว่าหนูควรยอมรับเขาเป็นพ่อของลูก เพื่อแสดงออกถึงความรักที่หนูมี แล้วลืมเรื่องเลว ๆ ที่เขาเคยทำ ผู้ชายเหี้ย ๆ อย่างลุงก็ไปตายซะ!!!”

เซลีนคว้าแจกันที่อยู่ใกล้มือปาใส่ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์เพราะบันดาลโทสะและมันโดนหัวของลุงโอบจนแตกลึกเลือดไหลเป็นทาง น้องนาทีที่ตกใจเสียงดังก็ถึงกับร้องไห้จ้า เป็นจังหวะเดียวกับที่องศากลับเข้ามาในบ้านพอดี

เซลีนรีบเข็นรถเข็นเพื่อไปอุ้มลูกที่ร้องไห้อยู่ในคอกคลานมาปลอบโยน องศามองอดีตภรรยากับลุงสลับกันไปมาอย่างไม่เข้าใจ

ลุงเขามาได้อย่างไร แล้วทำไมตอนนี้ถึงมีแผลที่ศีรษะ เซลีนเป็นคนทำงั้นหรือ ปกติเธอไม่ใช่คนที่จะลุแก่โทสะอย่างนี้ถ้าไม่โดนใครทำอะไรที่ร้ายแรงต่อใจของเธอก่อน

“ลุงทำอะไรเซล”

“ออกไปคุยกันข้างนอก”

ลุงโอบกดแผลที่ศีรษะเพื่อห้ามเลือดแล้วรุนหลังหลานชายให้ออกไปนอกบ้าน พอองศาได้ฟังว่าท่านทำอะไรลงไปบ้างเขาก็แทบไม่อยากเชื่อ

ทุกอย่างมันกำลังจะดีอยู่แล้วเชียว แต่การมาของลุงเขาเพียงไม่กี่นาทีก็ทำให้มันพังลงในพริบตา

“ลุงทำแบบนี้ทำไม ผมไม่ได้ขอให้ลุงยื่นมือเข้ามาช่วย”

“ก็ฉันหวังดี ไม่อยากให้แกต้องทรมานแบบนี้”

“ผมไม่ได้ทรมานอะไรเลยลุง!!!” องศาตวาดลั่นเพราะเหลือทน

“...”

“ที่ผมทำไป ผมมีความสุขดี หรือต่อให้มันทรมาน ก็ไม่ได้ครึ่งหนึ่งของที่เซลเคยโดน แล้วถือว่าผมขอล่ะ อย่ามายุ่งกับชีวิตผม เลิกบงการชีวิตผมได้แล้วก่อนที่ผมจะหมดความอดทนกับคนอย่างลุง”

ลุงโอบหลุบสายตาลงต่ำเพราะรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปเหลือเกิน แต่ท่านย้อนเวลากลับไปไม่ได้อีกแล้ว

“ถ้างั้นฉันขอให้แกโชคดีนะ แล้วฝากขอโทษหนูเซลด้วย ต่อไปนี้ฉันจะไม่มาวุ่นวายกับชีวิตแกอีกแล้ว”

“ด้วยความยินดีครับ”

ว่าแล้วองศาก็เดินกลับเข้าไปในบ้านโดยไม่รอส่งลุงโอบด้วยซ้ำ ดีที่ท่านมีศักดิ์เป็นลุงแถมยังเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็ก ไม่อย่างนั้นเขาคงทำมากกว่าตะคอกเป็นแน่

เซลีนนั่งรถเข็นอยู่ข้าง ๆ เปลของน้องนาที สายตาที่มองเขานั้นราบเรียบแต่น่ากลัวราวกับทะเลสงบก่อนเกิดพายุร้าย องศาเดาว่าเจ้าก้อนหลับไปแล้ว และตอนนี้คนเป็นแม่กำลังรอคิดบัญชีกับพ่ออย่างเขาอยู่

“ทำไมถึงปล่อยให้คนของนายมายุ่งกับฉัน นายรู้บ้างไหมเขาพูดว่าอะไร เขาจะใช้กฎหมายแย่งน้องนาทีไปให้นาย หรือนายรู้อยู่แล้วเพราะนายเป็นคนให้เขามาพูดแบบนั้นเอง ฮะ?”

“ใจเย็น ๆ ก่อนนะเซล ฉันไม่ได้ให้ลุงมาพูด ไม่รู้ว่าลุงจะมาด้วยซ้ำ แล้วนั่นก็ไม่ใช่ความต้องการของฉัน เพราะฉันไม่มีวันทำแบบนั้นกับเธอแน่นอน สาบาน” องศารีบอธิบาย กลัวทุกอย่างมันจะแย่ลงไปอีก

จากสีหน้าท่าทางของเขา เซลีนเชื่อว่าองศาอาจจะไม่รู้เรื่องที่ลุงโอบมาวันนี้ เพราะหากเขาจะทำจริง ๆ คงทำไปตั้งนานแล้ว

“แล้วนายหายไปไหนมา ทำไมต้องกลับไปบ้านเวลานี้ด้วยอง”

“ฉันไปเอานี่มา”

เขายื่นกล่องเครื่องประดับมาตรงหน้าแล้วเปิดมันออกมา มันคือสร้อยเส้นนั้น... สร้อยที่ห้อยจี้รูปนางฟ้าตัวน้อย

‘นางฟ้า?’

‘ครับ เค้าสั่งทำให้ที่รักโดยเฉพาะเลยนะ เพราะในสายตาเค้า ที่รักเหมือนนางฟ้าตัวน้อยปีกบาง ๆ ที่คอยสร้างความพิเศษให้ชีวิตเค้า’

“...”

“จำได้ไหม ฉันทำมาให้เธอ มันเคยเป็นของเธอยังไง มันก็ยังเป็นเสมอมา” องศาคุกเข่าต่อหน้าอดีตภรรยาแล้วช้อนดวงตาที่มีน้ำเอ่อคลอมองหน้าเธอ “เรามาเริ่มต้นใหม่ด้วยกันอีกครั้งนะเซล ให้โอกาสฉันได้สวมมันให้เธอ แล้วก็ได้ดูแลเธอกับลูก ฉันสัญญาจะไม่ทำผิดซ้ำสองอีก ได้ไหม”

เซลีนจ้องเข้าไปในแววตาเขาด้วยหัวใจที่ปวดร้าว แล้วน้ำตาก็ต้องไหลออกมาพร้อมกับเอ่ยประโยคแสนเศร้า

“ไม่ได้หรอก...”

องศาหลับตาข่มความเจ็บปวดเอาไว้แต่น้ำตามันก็ยังไหลออกมาเป็นทาง เขาเข้าใจดีว่าทำไมถึงไม่ได้ และจะไม่โกรธไม่เกลียดเธอเลย ทั้งหมดเป็นเพราะเขาทำตัวเอง คนที่เขาควรโกรธก็คือตัวเขา...

“ฉันไม่มีหวังเลยเหรอเซล”

“ฉันไม่รู้” เธอตอบเสียงสั่น พลางเงยหน้าห้ามน้ำตาตามด้วยสองมือที่ปาดมันออกไป “แต่ฉันไม่คิดว่าจะให้อภัยนายได้... แล้วฉันก็เสียใจตลอดมาที่ฉันทำลายชีวิตนาย นายจะอยู่กับคนที่ทำร้ายนายได้เหรออง นายมั่นใจเหรอว่านายโอเค”

“...”

“แผลของเรามันใหญ่เกินไปอง ฉันไม่รู้ว่าถ้าเราทนอยู่กันทั้งแบบนี้ เราจะเอาเรื่องพวกนั้นมาทำร้ายกันอีกเมื่อไหร่ ฉันกลัวว่าเราจะใช้มันเป็นเครื่องมือเอาชนะกันตลอดชีวิต นายอาจจะมั่นใจว่าตัวนายเองจะไม่เป็นอย่างที่ฉันกลัว แต่ฉันไม่มั่นใจตัวเองเลย เพราะฉันลืมมันไม่ได้ ทุกครั้งที่ฉันใกล้ชิดนาย นายรู้ไหมว่าฉันเห็นแต่ภาพของนายกับแอ้มแวบเข้ามาในหัว นายจะให้ฉันทำยังไง... ”

หัวใจดวงนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังรักเขา และอุ่นใจที่มีเขาดูแลอยู่ใกล้ ๆ แต่มันกลับเป็นความอุ่นใจที่ทำให้อึดอัดได้อย่างน่าประหลาด เพราะเธอรู้ดีว่ามันเป็นแค่สิ่งที่จะเกิดขึ้นชั่วคราว

เธอไม่อาจลืมสิ่งที่องศาทำได้เลย เธอยังคงหวาดระแวงว่าเขาจะแอบมีใครลับหลังเธอ เธอไม่รู้ว่าถ้ากลับไปคบกันแล้วเธอควรพยายามถึงแค่ไหนเขาถึงจะพอใจ หรือจะเติมเต็มความต้องการของเขาได้ไหม เธอพยายามคิดว่าตัวเองจะไม่เป็นไร และมองภาพครอบครัวที่เขาทำให้ชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง แต่ทั้งหมดนั้นเธอก็แค่หลอกตัวเอง

ถ้าเธออยู่แบบนี้ต่อเธอต้องบ้าตายเข้าสักวัน...

เพราะงั้นเธอควรทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้ลูกแทนที่จะแบ่งไปให้องศาที่เธอไม่สามารถมั่นใจอะไรในตัวเขาได้เลย แบบนี้มันดีที่สุดแล้วสำหรับเธอ

“ฉันเข้าใจ” องศาเช็ดน้ำตาที่ไหลพรากแล้วกุมมือเธอไว้ “ฉันจะเคารพการตัดสินใจของเธอ แค่เธอบอกมาว่าต่อจากนี้ฉันควรทำยังไง”

เซลีนเม้มปากสนิทเพื่อกลั้นน้ำตาเอาไว้ แรกทีเดียวเธอตั้งใจว่าถ้าเธอหายดี ทุกอย่างจะต้องกลับไปเป็นเหมือนเดิม คือไม่มีครอบครัว ไม่มีเรา มีแค่เธอกับลูกอย่างที่เคยเป็นมา ทว่ามันคงใจร้ายเกินไปสำหรับองศา คนที่แสดงความทุ่มเทให้เธอเห็นตลอดมา

เธอไม่อยากทำร้ายเขาอีก แต่ก็รับเขากลับเข้ามาอีกไม่ได้เช่นกัน

“เราโฟกัสที่ลูกเถอะอง นายอยากเป็นพ่อที่ดีของเขาไม่ใช่เหรอ”

องศาก้มหน้าน้ำตาร่วงริน เขาดีใจเหลือเกินที่เธอไม่คิดจะกีดกันเขากับลูก หากก็ดีใจได้ไม่สุดเพราะมันหมายความว่าในฐานะสามีภรรยามันจะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิม

“แล้วเรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม”

“อือ แค่เพื่อน...” เธอบอกกับเขาราวกับจะย้ำให้ตัวเองจดจำให้ขึ้นใจ

“ขอบคุณนะเซล ขอบคุณจริง ๆ”

องศาฝืนยิ้มออกมาทั้งน้ำตาที่รินไหล ดีเท่าไหร่แล้วที่เธอยังหลงเหลือความเป็นเพื่อนให้กัน ความพยายามตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาก็ไม่ได้ไร้ความหมาย

เขาแค่จะไม่ได้กอดเธอแล้ว

แค่จะไม่ได้พูดว่ารัก และหมดสิทธิ์ครอบครองเธอตลอดไป แต่เขายังมีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มของเธอ มีโอกาสได้เฝ้ามองเธอมีความสุข แค่นี้มันก็ดีเกินพอสำหรับคนอย่างเขาแล้วละ...

หลังจากวันนั้นองศาย้ายออกจากบ้านเซลีนถาวร แต่มาช่วยดูแลลูกในวันเสาร์อาทิตย์ ทั้งยังกลับไปทำงานในโรงพยาบาลอีกครั้งซึ่งเซ็นสัญญาเป็นเรื่องเป็นราวไม่ใช่ชั่วคราวเหมือนครั้งก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้ตัวเองว่างเกินไปจนฟุ้งซ่าน

ด้านเซลีนก็ใช้ห้องว่างด้านข้างของบ้านทำเป็นคลินิกเล็ก ๆ รับตรวจโรคทั่วไป ทั้งยังผันตัวเป็นนักลงทุนจะได้รวยเท่าอดีตสามี ไหนจะเพิ่งได้สัมปทานโรงน้ำดื่มในอำเภอนี้มาด้วย ถึงเธอจะทำหลายอย่างแต่ว่ามีเวลาพักผ่อนกว่าตอนเป็นหมอ แถมเวลาที่เหลือก็ได้อยู่กับลูกเต็มที่ด้วย

“นี่สำหรับเธอกับลูก”

พ่อของลูกที่พ่วงตำแหน่งใหม่คือเพื่อนของเธอได้ยื่นซองเอกสารให้ เซลีนที่กำลังเช็ดทำความสะอาดครัวมองหน้าเขาอย่างแปลกใจ แต่ก็รับมันมาเปิดดู เนื้อหาในเอกสารทำเอาเธอตกตะลึงไม่น้อย

“แน่ใจแล้วเหรอ?”

“ฉันคิดและเตรียมการมาหลายเดือนแล้ว” องศาหยิบแคร์รอตที่เธอต้มไว้ให้ลูกขึ้นมากัดกินอย่างเอร็ดอร่อยไม่มีความลังเลในคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย

“แต่นายไม่คิดจะมีครอบครัวแล้วเหรอ” แววตาเธออ่อนแสงลงและหางเสียงเจือความเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย “ถ้าเกิดวันหนึ่งนายมีครอบครัวขึ้นมา ลูกกับเมียนายจะคิดยังไงที่นายยกทุกอย่างให้ฉันกับลูกแบบนี้”

“เธอกับลูกเป็นครอบครัวเดียวของฉัน” องศาระบายยิ้มอ่อนโยนให้เธอ เซลีนส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

“ฉันจริงจังนะอง”

“ที่ฉันทำมันไม่จริงจังกว่าเธออีกเหรอ?”

เซลีนเงียบไป เห็นจะจริงอย่างที่เขาว่า องศาบอกแล้วว่าคิดและเตรียมการมาอย่างดี เธอก็ควรเคารพการตัดสินใจของเขา เหมือนที่เขาเคารพการตัดสินใจของเธอและเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอมา

“ฉันไม่คิดจะมีลูกกับใครอีกหรอก อยากทุ่มเทให้น้องนาทีทั้งชีวิตมากกว่า”

“ตอนนี้นายก็พูดได้ อีกหน่อยถ้าเจอคนถูกใจจริง ๆ นายอย่ามาขอร้องให้ฉันกับลูกเปลี่ยนใจทีหลังแล้วกัน”

“แล้วถ้าถึงตอนนั้นเธอจะทำยังไง?” คนถามหรี่ตามองยิ้ม ๆ

“ก็ต้องให้เมียใหม่นายมาตบแย่งสมบัติเอาล่ะมั้ง” เธอพูดติดตลก

แต่ถ้าหากเป็นอย่างนั้นเธอก็คงขอร้องให้องศาตัดสินใจใหม่อีกครั้งอย่างยุติธรรม

“รับรองไม่มีวันนั้นหรอก”

ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้แล้วก้มหน้ามองคนตัวบางด้วยสายตามากความหมาย หลายเดือนมานี้เขาพยายามอย่างหนักที่จะหักห้ามใจ แต่บางครั้งเขาก็แค่อยากสูดดมกลิ่นหอมจากร่างกายเธอใกล้ ๆ เพื่อให้มีแรงใจสู้ต่อเท่านั้นเอง

“เห้ย... นี่นายขยับไปหน่อยสิ”

“อะไรกัน ฉันแค่จะหยิบบะหมี่”

เขาเอื้อมมือไปหยิบบะหมี่บนตู้ลอยเหนือศีรษะ แต่สายตาดันไม่ละจากใบหน้าแม่ของลูกเลย เล่นเอาหญิงสาวถึงกับต้องก้มหน้างุด จะรุกกลับอย่างก๋ากั่นให้เขากลัวเหมือนแต่ก่อนก็ไม่ได้อีก เพราะองศายังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย จีบก็ไม่ได้จีบ (แต่จีบทางสายตาเขานับหรือเปล่าก็ไม่รู้)

“นายหิวเหรอ”

เธอหมุนตัวหลบออกมาจากเงาของคนตัวโตแล้วถามกลบเกลื่อน องศาที่ถือบะหมี่อยู่ในมือเอามือลูบท้องเบา ๆ

“ไส้กิ่วเลยแหละ”

“งั้นเอาบะหมี่เก็บก่อน”

เซลีนดึงมันออกจากมือเขาแล้วแขย่งเท้าเพื่อเก็บมันไว้ที่เดิมแต่เขย่งเท่าไหร่ก็ยังไม่ถึง ระหว่างนั้นก็พูดต่อ

“เพราะฉันจะทำกับข้าวให้กิน นายเล่นกับลูกกับเกมเพลย์รอไปก่อนนะ”

นาทีนั้นเองที่มือใหญ่ของเขาช่วยจับบะหมี่ถ้วยนั้นวางบนชั้น สัมผัสเพียงเล็กน้อยที่มือคล้ายมีกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ แล่นเข้ามาในกาย ยังไม่เท่าอกอุ่น ๆ ที่แนบชิดกับแผ่นหลังของเธอนั่นอีก

หัวใจของเซลีนเต้นรัวราวกับเพิ่งออกกำลังกายมาอย่างหนัก สองพวงแก้มก็เห่อร้อนจนเธอคิดว่ามันคงแดงเหมือนลูกตำลึงไปแล้วแน่ ๆ

ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้รู้สึกเหมือนตอนที่เริ่มจีบกันเมื่อหลายปีก่อนก็ไม่รู้ จะแปลกหน่อยก็ตรงที่องศาดูจริงใจมากกว่าครั้งนั้น และที่เธอเพิ่งจะเอามันมาเปรียบเทียบกันก็เพราะตอนนี้เขาทำให้มันแตกต่างอย่างชัดเจน

“จะทำไรให้กินเหรอ”

คนใจดีที่ตอนนี้ถอยออกไปใช้สะโพกพิงไอส์แลนด์ครัวเอ่ยถาม ท่าทางเขาไม่ได้คิดอะไรกับการใกล้ชิดเมื่อครู่ คงมีแต่เธอเท่านั้นที่ใจสั่น

แต่ตรงกันข้ามเลย... กลิ่นหอมและไออุ่นจากแผ่นหลังบอบบางของเซลีนทำให้องศารู้สึกคล้ายล่องลอยอยู่ในห้วงนภา อยากกระโดดไปฟัดแม่ของลูกที่ไม่ใช่ภรรยาคนนี้ให้หายคลั่ง แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าหลังจากนั้นเขาจะไม่ได้เป็นแม้แต่ใครสักคนในชีวิตเธอ

เพราะงั้นได้เท่านี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว...

“นายอยากกินไร”

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงบอกว่าอยากกินเธอ แต่ตอนนี้ต้องห้ามใจเพราะเพื่อนกันเขาไม่พูดแบบนั้น

“ข้าวผัดมะ ง่ายดี”

“จัดปาย...”

แม่ครัวมือฉมังเชฟโรงแรมห้าดาวยังอายรังสรรค์เมนูง่าย ๆ ให้ตามคำขอพ่อของลูก องศาช่วยเป็นลูกมือล้างและหั่นผักให้ เขาล้างมือยังไม่ทันจะได้เช็ดแล้วออกไปเล่นกับลูก ข้าวผัดร้อน ๆ ก็พร้อมเสิร์ฟ

“ป่ะ ไปกินกัน ฉันก็หิว ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลย”

พอองศาได้ยินเธอพูดคำว่า ‘ไปกินกัน’ กับ ‘หิว’ ใจบาป ๆ ของเขาก็คิดดีไม่ได้เลย ให้ตาย!

+ + +

เดือนหน้าน้องนาทีจะครบหนึ่งขวบ นับว่าช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่ติดแม่หนักเลยทีเดียว จะมีบ้างทีเล่นจนลืมแม่แต่ก็แค่ไม่กี่นาที อย่างตอนนี้ก็เริ่มงอแงแล้วเพราะไม่เห็นแม่

“นู่นไงครับ คุณแม่มาแล้ว มีของกินมาด้วย”

เกมเพลย์ที่รักน้องมากเหมือนคลานตามกันมาชี้ให้ไอ้ก้อนกลมที่ตอนนี้น้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานมานิดหน่อยดูแม่ที่ถือถาดอาหารเดินมากับคนเป็นพ่อ

“แม่ พ่อ กิน ๆ เพ ๆ”

ช่วงนี้เจ้าอ้วนเริ่มพูดได้หลายคำขึ้น แต่หลัก ๆ ก็เป็นคำว่า พ่อ แม่ กิน และชื่อของพี่เกมเพลย์ แถมยังทำท่าอยากจะเดินไปหาพ่อกับแม่อีกด้วย แต่มือที่พยุงให้ตัวเองนั่งได้นาน ๆ นั้นกลับหวิดจากพื้นจนหงายหลังเหมือนตุ๊กตาล้มลุก สร้างเสียงหัวเราะให้คนในบ้านได้เป็นอย่างดี

เซลีนให้องศานั่งทานข้าวอยู่บนโต๊ะ ส่วนเธอถือถ้วยอาหารเสริมที่เธอเพิ่มผักเข้าไปด้วยเข้าไปป้อนลูกน้อย

“มาครับ หม่ำ ๆ”

“ฮ่า ๆ กิน ๆ หย่อย”

เครื่องโม่มีชีวิตอ้าปากงับช้อนที่เต็มไปด้วยมื้อกลางวันของตัวเองเรื่อย ๆ ไม่มีพักเหนื่อย แถมยังกวนแม่ด้วยการยื่นมือไปทำท่าจะคนซุปผักในถ้วยอีก พอแม่ห้ามก็ดึงมือกลับแล้วหัวเราะคิกคักเหมือนแค่จะทดสอบว่าแม่จะห้ามไหมแค่นั้นเอง

เห็นแล้วองศาอยากจะบอกลูกจริง ๆ เลยว่า ตอนเด็กน่ะทำได้ทำไปเลย แต่โตไปอย่าริลองของเชียว เพราะพ่อโดนมาแล้ว

“โอ้โห... นาทีกินหมดเกลี้ยงเลย Excellent”

“เย้น!!! ฮื่อ ๆ” เด็กชายทั้งพูดตามและเลียนแบบท่าทางของแม่ ก่อนคลานไปหาของเล่นของตัวเอง “เย่น”

เซลีนปล่อยให้ลูกเล่นกับพี่เกมเพลย์ไป ส่วนเธอเข้าไปตักข้าวผัดในครัวใส่ถ้วยเล็ก ๆ มาทานไม่กี่คำก็อิ่มแล้วก็เข้าไปเล่นกับลูก

เธอเล่นกับเด็กผู้ชายเก่งมาก ทั้งรถไฟเหาะ พาขึ้นขี่คอ คงเพราะหญิงสาวโตมากับพ่อ และเอาจริงเซลีนไม่ใช่คนเรียบร้อยอะไรเลย บุคลิกเป็นสาวเซ็กซี่จัดจ้าน พูดจาก็ไม่หวานออกจะเป็นคนโผงผางด้วยซ้ำ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็มีเหตุผลและรอบคอบมาก ๆ จนผู้ชายอย่างเขาเทียบไม่ติด

ทว่าทั้งหมดที่เธอเป็นในตอนนี้ไม่ได้ปั้นแต่งและฝืนทำ ก็เลยดูเป็นธรรมชาติมากกว่าตอนแต่งงาน ซึ่งนั่นเป็นตัวตนที่หญิงสาวมักจะเป็นเวลาอยู่กับพ่อ

ตอนนี้หากจะมีอะไรยังเหมือนเดิมก็คงจะเป็นฝีมือการทำอาหารนี่แหละ องศาที่มองแม่กับลูกเล่นด้วยกันพลางตักข้าวผัดเข้าปากเพลิน ๆ ก็พบว่ามันหมดจานเสียแล้ว

“เติมมะ?”

แม่ของลูกใจดีเดินเข้ามาถาม เขาเคี้ยวข้าวในปากตุ้ย ๆ แล้วพยักหน้าให้

ช่วงนี้องศาดูซูบไปมาก พอเธอถามก็บอกว่าตั้งแต่มาที่นี่เขากินอะไรก็ไม่อร่อย เพราะรสชาติมันครึ่ง ๆ กลาง ๆ บอกไม่ถูก เขาชอบอาหารชนเผ่าที่เขาคุ้นเคยมาหนึ่งปีมากกว่า แต่เธอก็เห็นเขาทานเอาทานเอา เหมือนยัดเครื่องโม่ทุกครั้งที่มาทานข้าวบ้านเธอนี่นา

“ขอพูน ๆ”

“ระวังพุงกางแล้วจะหมดหล่อเอาน้า...”

“ค่อยลดทีหลังครับคุณแม่”

เซลีนคว้าจานไปพร้อมขำอย่างเอ็นดู เขามองตามเรือนร่างที่มีส่วนเว้าโค้งเย้ายวนใจเดินเข้าไปในครัวแล้วเผลอกลืนน้ำลาย ไม่รู้ว่าที่หิวอยู่นี้ เขาหิวข้าวหรือหิวเธอกันแน่

แต่หยุดเลยไอ้อง มึงจะหิวเพื่อนไม่ได้เด็ดขาด!

องศาขำตัวเองที่ต้องมาต่อสู้กับความคิดพวกนี้ แล้วอันที่จริงพอได้เป็นเพื่อนกันแบบจริงจังมันก็ไม่เลวเลย เพราะเขากับเธอมีเรื่องให้ต้องเรียนรู้กันอีกเยอะ ต่อให้สุดท้ายจะไม่มีโอกาสพัฒนาเป็นอย่างอื่นนอกจากเพื่อนเขาก็คงไม่เสียดาย

ระหว่างที่องศาเป็นตัวแทนของโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการคัดกรองผู้ป่วยไร้บ้านกับโรงพยาบาลเอกชนแห่งอื่น ๆ ในภูมิภาคซึ่งจะได้ตระเวนไปตามจังหวัดต่าง ๆ เขาก็บังเอิญเจอ ‘แอ้ม’ ผู้หญิงอีกคนที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตเขาที่เต็นท์อำนวยการ

พอได้เจอกันครั้งแรกหลังจากสามปีที่ต่างคนต่างหายเข้ากลีบเมฆ องศารู้ได้ทันทีว่าหล่อนเปลี่ยนไปมาก ทั้งการวางตัว บุคลิก รวมไปถึงการพูดจาและการแต่งกาย ที่ราวกับเป็นเซลีนในแบบที่อายุน้อยและรอบจัดน้อยกว่า

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะหมอองศา” เธอเป็นฝ่ายเข้ามาคุยด้วยก่อนในขณะที่เขาลังเลว่าจะเข้าไปทักทายดีหรือไม่

“ครับ สบายดีไหมครับแอ้ม”

“สบายดีค่ะ นึกว่าหมอจะลืมแอ้มไปแล้วซะอีก”

เจ้าหล่อนยิ้มอย่างเป็นมิตรพลางจ้องเข้ามาในดวงตาเขา จังหวะการพูดแบบนั้น วิธีการขยับริมฝีปากและสีหน้าท่าทางเวลาที่หล่อนพูด ช่างให้ความรู้สึกเหมือนเซลีนอย่างน่าประหลาดใจ แต่เขารู้ดีต่อให้มีคนเหมือนอดีตภรรยาอีกนับร้อยคน มันก็ทดแทนกันไม่ได้

เพราะเซลีนที่เขารักมีแค่คนเดียว

“ไม่ลืมหรอกครับ”

จะลืมคนที่เขาเคยนอกลู่นอกทางไปหา จนเจอความสยดสยองของเซลีนไปด้วยกันได้อย่างไร แต่เขาไม่โทษแอ้มหรอก คนเราปรบมือข้างเดียวมันจะดังเสียที่ไหน

ยิ่งเขาเป็นผู้ชายที่รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองมีครอบครัวอยู่แล้วแต่คิดว่าการหาความสุขกับคนอื่นแทนภรรยาไม่ใช่เรื่องผิด เขายิ่งต้องมีความผิดมากกว่า

“เรื่องที่บ้านเป็นยังไงบ้างครับ”

“ที่บ้านที่หมายถึงลูกกับสามีแอ้มน่ะเหรอคะ”

หล่อนดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่กับคำถามนี้ แต่เพราะมันเป็นเรื่องที่คาใจองศามาตลอดเขาเลยตัดสินใจถามออกไป

“ครับ ผมไม่ได้ติดตามข่าวคราวเลยว่าลงตัวหรือเปล่า”

“แอ้มแพ้คดีแล้วต้องหย่ากับพี่ภาสค่ะ ส่วนน้องลูกพลับก็ไปอยู่กับพ่อเขา เราไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่นั้นค่ะ”

ส่วนตนก็ต้องทำงานเลี้ยงดูพ่อแม่ซึ่งเมื่อก่อนภาสกรเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่าง แต่ตอนนี้เขากับลูกได้เงินหลายล้านจากการชนะคดีแล้วหายออกไปจากชีวิตของหล่อนเลย

“แอ้มไม่รู้จะได้เจอลูกอีกหรือเปล่า”

ปลายเสียงของแอ้มแฝงความเศร้าที่เข้มข้นจนเขายังสะท้อนในใจ เพราะความมักมากไม่รู้จักพอแท้ ๆ ที่ทำให้เขากับหล่อนต้องลงเอยเช่นนี้

“ผมเอาใจช่วยนะครับ ผมเชื่อว่าถ้าพวกเขาเห็นความตั้งใจของเรา และเห็นว่าเราเปลี่ยนแปลงได้ พวกเขาจะให้อภัยเราได้ในที่สุดครับ ถึงจะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อยู่ในชีวิตพวกเขานะ...”

เจ้าหล่อนหรี่ตามองเขาพลางยิ้มอย่างรู้ทัน

“เดาว่าหมอก็คงยังมูฟออนจากหมอเซลีนไม่ได้ ถึงได้พูดเหมือนเข้าอกเข้าใจแอ้มแบบนี้”

องศายิ้มแหยแล้วก็พยักหน้ารับ มันไม่ใช่เรื่องน่าอายเสียหน่อยที่จะบอกใครต่อใครว่าเขายังคงรักและรอเพียงแค่คนคนเดียวตลอดมา

“ครับ”

แอ้มหัวเราะน้อย ๆ ก่อนขยับเข้าไปใกล้แล้วใช้นิ้วมือเกี่ยวสายคล้องป้ายชื่อของเขาพร้อมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเหล็กที่ตนเคยหลงใหล ไล่ลงมาตามใบหน้าหล่อเหลาและหัวไหล่ผึ่งผายคล้ายกลับจะยั่วยวน

“เย็นนี้เราไปดื่มกันไหมคะ นาน ๆ จะเจอคนเข้าใจและมีอะไรเหมือนกับเราเสียทีหนึ่ง เราน่าจะช่วยฉุดกันให้หลุดจากเรื่องเครียด ๆ ได้บ้าง เมื่อวานแอ้มขับรถผ่าร้านตรงมุมถนน น่านั่งมากเลยนะคะ”

“ไม่ดีกว่าครับ” องศาผละออกอย่างละม่อม ก่อนจะก้มลงหยิบกล่องอุปกรณ์ที่ใต้โต๊ะ “ผมมีวิธีจัดการความรู้สึกตัวเองน่ะ”

แอ้มรู้สึกเหวอไปเลย องศาตอนนี้ไม่เหมือนองศาที่หล่อนเคยรู้จัก แต่เวลาเปลี่ยนคนเราก็ต้องเปลี่ยน ขึ้นอยู่กับว่าจะเปลี่ยนไปในทางใด

ตอนนั้นเองที่นายแพทย์คนดังผู้ริเริ่มโครงการนี้เดินเข้ามาโอบไหล่แอ้มอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ

“สวัสดีครับคุณหมอองศาผู้โด่งดัง”

หางเสียงเหน็บแนมของอีกฝ่ายส่งมาพร้อมสายตาจิกกัดที่มองเขาสลับกับแอ้ม แน่นอน... หลายคนยังคงจำคลิปนั้นได้ แม้ส่วนใหญ่จะลืมไปหมดแล้วก็ตาม

“สวัสดีครับ หมอนุกูล”

“มาเอาอะไรเหรอครับ จำได้ว่าคุณต้องไปกับรถสัญจร”

“กระเป๋าอุปกรณ์น่ะครับ”

“ดีแล้วครับที่ไม่ใช่ของของผม”

คำเตือนถูกส่งมาพร้อมกับน้ำเสียงดุเข้มที่แสดงกรรมสิทธิ์ชัดเจน องศาไม่ได้กลัว แต่เขามองหน้าแอ้มที่ตอนนี้ดูสงบเสงี่ยมราวเป็นคนละคนกับเมื่อครู่ด้วยสายตาผิดหวัง

“สบายใจได้ครับ ผมรู้ว่าตัวเองควรทำหรือไม่ควรทำอะไร”

ว่าแล้วองศาก็สะพายกระเป๋าขึ้นบ่าแล้วเดินออกจากบรรยากาศน่ากระอักกระอ่วนนั่นเสีย เพราะทุกคนในที่นี้รู้ดีว่าหมอนุกุลมีภรรยาอยู่แล้ว หล่อนเป็นถึงนักแสดงมีชื่อเสียง งานแต่งงานที่จัดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนยังถูกยกให้เป็น talk of the town ของวงการ แต่จากท่าทีเมื่อครู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นอย่างไร

กับคนบางคนมันก็น่าแปลกเหมือนกัน ทั้งที่ชีวิตต้องพังและเจ็บปวดเสียใจถึงขนาดนั้น แต่ก็ยังไม่ยอมพาตัวเองออกมาจากวงจรอุบาทว์ที่มีตอนจบแบบเดิม ๆ

การได้พบแอ้มครั้งนี้ทำให้องศารู้ว่าโลกใบนี้มีคนอยู่สองประเภท คือคนที่เปลี่ยนได้ กับคนที่เปลี่ยนไม่ได้...

น้องนาทีในวัยสี่ขวบเป็นเด็กชายที่เต็มไปด้วยความสดใส และมาดทะเล้นเหมือนพ่อไม่มีผิด ในขณะเดียวกันก็ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างสุภาพ พูดจาก็เพราะเนื่องจากคุณแม่ปลูกฝังมาตั้งแต่เล็ก ๆ จึงไม่แปลกถ้าเด็กชายตัวอ้วนกลมจะมีเพื่อนเยอะ

“เรากลับแล้วนะทุกคน คุณพ่อมารับแล้ว สวัสดีครับคุณครู”

เด็กชายโบกมือลาเพื่อน ๆ หลายคนที่วิ่งเล่นด้วยกัน แล้วก็ไหว้ลาคุณครูประจำชั้นอย่างนอบน้อมก่อนเดินต้วมเตี้ยมมาหาคุณพ่อ

“สวัสดีครับคุณพ่อ”

“สวัสดีครับ มาแล้วเจ้าคนเก่ง” องศาย่อตัวลงลูบหน้าลูบตาให้ลูกที่วิ่งเล่นจนเหงื่อซ่กผมเปียกมาเลย “ร้อนไหมครับ ดูซิ เหงื่อเต็มเชียว”

“ร้อนครับ”

“ป่ะ เรากลับบ้านไปอาบน้ำอาบท่ากันดีกว่า”

“คุณพ่อครับ” เด็กชายเขย่าแขนพ่อแล้วส่งสายตาปริบ ๆ “นาทีอยากกินไอศกรีม”

“ไว้วันหลังนะครับ วันนี้คุณแม่บอกว่าเราต้องรีบกลับบ้าน มีคนรอพบน้องนาทีอยู่นะ”

“ใครเหรอครับ”

“ไม่บอก เป็นความลับ”

“อ้าว นาทีก็ต้องอดทนรอไปจนถึงบ้านใช่ไหมครับ”

“ใช่แล้วครับ” คนเป็นพ่อโน้มตัวลงมายีหัวเจ้าตัวน้อยแล้วกระเตงขึ้นอุ้ม “น้องนาทีอดทนได้ไหม”

“ได้ครับ”

เด็กชายพูดเสียงดังฟังชัดเหมือนนายทหาร ก่อนจะแปะมือไฮไฟว์กับคนเป็นพ่อ พอไปถึงบ้านแล้วเห็นคนที่รออยู่ น้องนาทีก็วิ่งเข้าไปกอดชนิดที่ไม่ถอดรองเท้ากันเลยทีเดียว

“คุณตา”

“หลานตามาถึงแล้ว โอย...”

“คิดถึงคุณตาที่สุดในโลกเลยครับ”

ไอ้เจ้าเด็กกระปุ๊กลุกปีนขึ้นไปนั่งตักคุณตาแล้วกอดคอแน่น เล่นเอาคนแก่ต้องร้องโอยเพราะเด็กชายตัวหนักกว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกันมาก แต่กว่าท่านจะว่างมาหาหลาน ก็ห่างจากครั้งล่าสุดถึงเจ็ดเดือน

“ไหน ถ้าคิดถึงต้องทำยังไง”

จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ

น้องนาทีหอมแก้มคุณตาทั้งซ้ายขวา ตามด้วยหอมหน้าผาก และปิดท้ายด้วยการกอดพร้อมกับร้องไห้ดีใจ

“ถ้าคุณตาไม่มาหานาที นาทีจะงอนแล้วจริง ๆ นะครับ”

“โอ๋”

คุณศราลูบศีรษะโอ๋หลาน ทางด้านคนอื่น ๆ กลับบิดปากยิ้มให้กับภาพน่าเอ็นดูนั้น ต่อให้นาทีจะเป็นเด็กมีเหตุผลแค่ไหน แต่เด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ

องศานึกถึงตัวเองตอนเด็ก ๆ ที่ไม่มีโอกาสได้อ้อนใครแบบนี้เลย พ่อก็เย็นชา แม่เองถึงจะแสร้งว่ารักหากก็ยุ่งกับการตามจิกพ่อไปวัน ๆ จนดูเหมือนจะไม่ใส่ใจเขาด้วยซ้ำ ลุงโอบไม่ต้องพูดถึงเพราะเก็บซ่อนอารมณ์ยิ่งกว่าพ่อเขาเสียอีก

นี่สินะสาเหตุที่น้องนาทีติดคุณตามากกว่า แถมยังร้องไห้ทุกครั้งที่เจอคุณปู่ เขาแอบเห็นลุงโอบน้ำตาซึมเพราะหลานไม่ชอบหน้าอยู่สองครั้ง ทำให้เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า ที่ผ่านมาท่านรักใครไม่เป็นจริง ๆ หรือแค่เก็บความรู้สึกเก่งกันแน่

หลังจากเกมเพลย์พาน้องนาทีอาบน้ำ เซลีนกับพี่ไก่ก็ไปเตรียมอาหารค่ำเพราะวันนี้คุณศราตั้งใจมาฉลองวันเกิดล่วงหน้าให้หลานชายเนื่องจากสัปดาห์หน้าท่านไม่ว่างทั้งสัปดาห์ ระหว่างนั้นองศาก็มีโอกาสได้คุยกับอดีตพ่อตาขณะนั่งดูรายการโทรทัศน์สำหรับเด็กด้วยกัน

“นายนี่มันอดทนดีจริง ๆ นะ” ถึงจะเหมือนเหน็บแนมแต่ความจริงแล้วท่านชื่นชมองศามาตลอด “ทนอยู่แบบนี้มาได้ตั้งหลายปี เป็นคนอื่นคงมีใหม่ตั้งแต่หย่าได้ไม่กี่เดือนแล้ว ลูกเลิกที่ติดท้องมาก็คงไม่สนใจด้วยซ้ำ”

“ผมไม่รู้พวกเขาคิดยังไงนะครับ แต่มันคงมีเหตุผลที่ทำให้ใครสักคนเขาไม่ทนและไม่อยากทน แต่สำหรับผม... มันคุ้มค่าที่จะอดทนครับ”

“แม้ว่าสุดท้ายนายจะเป็นได้แค่นี้เหรอ”

“ครับ”

“แล้วถ้าลูกสาวฉันแต่งงานใหม่ล่ะ”

“...”

“ว่าไงล่ะ”

“ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับคุณพ่อ”

เป็นคำถามที่ตอบยากอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเซลีนเลือกแล้วเขาก็คงต้องยอมรับและยินดีให้กับความรักที่สดใสของเธอกับผู้ชายโชคดีคนนั้น

“ใจนายมันได้ว่ะ” คุณศราตบเข่าฉาด แล้วมืออีกข้างก็ยื่นไปตบบ่าอดีตลูกเขย “พยายามเข้านะอง ตอนนี้นายผ่านด่านฉันแล้ว เหลือแต่ลูกสาวฉันแค่นั้นแหละ”

“ขอบคุณนะครับ”

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าขององศาโดยอัตโนมัติ เขาคิดว่าท่านทั้งเกลียดและจะไม่มีวันยอมรับเขาแล้วเสียอีก

รับประทานอาหารค่ำร่วมกันเสร็จ คุณตาก็ให้ของขวัญชิ้นพิเศษกับหลานชาย สังสรรค์ต่อสักพักน้องนาทีก็ง่วง องศาจึงพาลูกเข้านอน พอเล่านิทานให้ฟังแล้วส่งเด็กชายเข้าสู่นิทรา ก็คงถึงเวลาที่พ่ออย่างเขาจะต้องกลับไปอยู่ในที่ของตัวเอง

“ฝันดีนะเซล”

องศาโบกมือลาแม่ของลูกที่มายืนส่งหน้าบ้านแล้วก็ขับรถออกไป ตอนนั้นเองที่เซลีนได้รับสายจากธารี บอกว่าอีกเดี๋ยวจะมีคนไปหาที่บ้าน ซึ่งเป็นคนที่เซลีนไม่ได้เจอมานานแล้วเหมือนกัน

วันที่เซลีนเป็นไข้หวัดใหญ่แล้วชลันดาโทร. มาบอกว่าธชาจะมาพาเธอไปโรงพยาบาล เธอก็ไม่เห็นว่าเขาจะมาและนับตั้งแต่นั้นก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย โทร. หาก็ไม่รับ แถมเขายังบล็อกการติดต่อทุกช่องทาง จนในที่สุดก็หลุดจากวงโคจรของกันและกันไปโดยปริยาย

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะชา เป็นยังไงบ้าง เห็นธารีบอกว่ากำลังจะแต่งงานเหรอ”

“ใช่แล้ว มาแจกการ์ดน่ะ”

เขาเก้ ๆ กัง ๆ เพราะไม่ได้คุยกันเลย จึงไม่รู้สึกสนิทกันเหมือนเมื่อก่อน นี่ถ้าธารีไม่บอกให้มาเคลียร์ใจเขาก็คงจะไม่ยอมมาอยู่ตรงนี้หรอก

“ดีใจด้วยนะ ไหนดูซิ แต่งวันไหน”

เซลีนหยิบการ์ดแต่งงานมาเปิดดู ส่วนเขาลังเลชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่ค้างคา

“เซล คืนนั้นที่เราจะไปรับเซลไปหาหมอน่ะ เราไปแล้วนะ”

เซลีนกลืนน้ำลายเฝื่อน ๆ ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย

“มาตอนไหนเหรอ”

“ตอนที่เซลกับองศากำลัง...”

เชี่ย!!!

ถึงไม่พูดคำนั้น แต่เธอก็เข้าใจทันทีว่าธชามันเห็นจริง ๆ เซลีนคอแห้งผาก อยากมุดแผ่นดินหนีเสียเดี๋ยวนี้

“ขอโทษนะที่ทำให้ชาต้องเห็นอะไรแบบนั้น” ทั้งที่เธอไม่ได้ตั้งใจ แต่ถ้าพูดออกไปก็ไม่ต่างจากแก้ตัว

“เรายอมรับเลยนะว่าตอนนั้นเราโกรธเซลมาก”

“...”

เซลีนเข้าใจ เป็นเธอก็โกรธเหมือนกัน มันเหมือนเธอให้ความหวังแต่ลับหลังก็กลับไปกินผัวเก่า ทำให้เขารู้สึกเหมือนหมา

“แต่เรามาคิดดู มันเป็นสิทธิ์ของเซลที่จะเลือก เราอาจจะไม่ใช่สำหรับเซลก็ได้”

“แล้วทำไมชาต้องหลบหน้าเราด้วยล่ะ แล้วนี่กี่ปีแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน เราก็งงว่าชาเป็นอะไร”

“คือตอนเราไปเยี่ยมเซลที่โรงพยาบาล เราพูดจาไม่ดีพาดพิงเซลให้หมอองฟัง เพราะโกรธและอยากให้เขาเลิกยุ่งกับเซลอะแหละ หมอองก็คงจะเล่าให้เซลฟังแล้ว เซลเลยเลือกที่จะหนีเราไปโดยไม่บอกกันสักคำ”

“เรื่องอะไรเหรอ?”

“เขาไม่ได้เล่าให้ฟังเหรอ”

“ไม่นะ ตั้งแต่นั้นเขาก็ไม่เคยพูดถึงชาเลย”

ธชามองตาอดีตเพื่อนสนิท และเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้ว่าเขาคิดไปเองทั้งนั้น ถึงกับยิ้มแหยแล้วยกมือขึ้นเกาหัว

“เรานี่แม่ง งี่เง่าฉิบเป๋ง”

“ว่าแต่เรื่องอะไร?”

“เราบอกเขาว่าเรากับเซลมีอะไรกันแล้ว และที่เซลนอนกับเขา ก็เป็นเพราะว่าเซลบอกเราทุกครั้งที่นอนกับเรา ว่าเซลอยากจะให้ทานหมาจรจัดอย่างเขาน่ะ”

“แรงเหมือนกันนะ”

“แถมดูไม่แมนเท่าไหร่เลยด้วย” ธชายอมรับ

แต่เซลีนเข้าใจแล้วว่าทำไมองศาถึงไม่พูดถึงมัน ก็เพราะเขาพูดอยู่ตลอดว่าครั้งนั้นเขาเป็นคนแรกของเธอ คำพูดปั่นหัวของธชาเลยไม่มีผล

“แล้วพอหมอองศาเขาเจอเซล พวกเพื่อน ๆ ก็ได้รู้ว่าเซลกับเขามีลูกด้วยกันแล้ว เราเลยเข้าใจแล้วว่าคนที่เซลเลือกคือใคร แล้วก็คิดว่าคำพูดของเราในครั้งนั้นมันคงทำให้เซลโกรธเราไปแล้ว”

อดคิดไม่ได้ว่าถ้าตอนนั้นเขาไม่งี่เง่าแล้วอดทนตามหาเธอเหมือนที่องศาทำ เขาจะมีโอกาสหรือเปล่า แต่ดูแล้วน่าจะไม่มี... เพราะเซลีนกับองศามีโซ่ทองคล้องใจอยู่แล้ว จะเหลือก็แต่เธอยอมเปิดใจรับองศาในฐานะสามีอีกครั้ง

ต้องขอบคุณเธอกับองศาด้วยซ้ำที่ทำให้เขาตัดใจจนได้เจอว่าที่ภรรยาที่น่ารักและแสนดีอย่างหมอลูกเกด

“ฉันก็เลยงงมาตั้งหลายปีว่าทำไมนายถึงเลิกคบ” เซลีนว่าขำ ๆ เธอไม่ได้คิดมากกับเรื่องพวกนั้นหรอก “แต่ตอนนี้ไม่งงแล้วนะ ไม่โกรธเรื่องที่พูดไม่ดีด้วย สบายใจได้ ที่สำคัญฉันดีใจมาก ที่ชาเจอว่าที่แม่ของลูกซะที”

“ขอบใจนะเซล” ธชายิ้มกว้างเมื่อภูเขาลูกใหญ่ถูกยกออกไปจากอก “ว่าแต่ตอนนี้เรากลับไปเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิมใช่ไหม”

“ได้ดิ สบายมากเลย ไม่ต้องคิดมากนะ แต่ปลดบล็อกด้วยล่ะ”

“โอเคเลย”

“จัดไปจ้า...”

“งั้น... ขอกอดให้หายคิดถึงหน่อยนะ”

ธชาก็ยังเป็นธชา นอกจากไม่เคยถูกเนื้อต้องตัวเธอก่อน ตอนนี้ยังมาขออนุญาตกอดอีก เซลีนยิ้มพลางอ้าแขนกว้างเพื่อให้เขาสวมกอดอย่างใจดี เมื่อสองเพื่อนรักปรับความเข้าใจกันได้ คุณศรากับธารีที่แอบฟังอยู่ไม่ไกลก็ตื้นตันใจ

ผิดกับองศาที่ลืมมือถือและตีรถกลับมาเอาแต่พอมองผ่านรั้วบ้านเข้าไปยังหน้าต่างกระจกบานสูงก็เห็นว่าเธอมีแขก เขาไม่อยากรบกวนจึงนั่งรออยู่ในรถ แล้วไม่คิดเลยว่าจะเห็นภาพนั้น

เซลีนกอดกับนายธชา...

ฝ่ายนั้นคงเป็นสาเหตุที่เธอดูมือถือแล้วหัวเราะคิกคักอยู่บ่อย ๆ และแน่นอนว่าธชาเป็นชายผู้โชคดีคนนั้น องศาดีใจที่เธอเปิดใจให้คนดี ๆ เข้ามาในชีวิต คนที่เหมาะกับเธอมากกว่าผู้ชายอย่างเขา

แต่ขณะเดียวกันใจเขามันก็แทบจะรับความผิดหวังเอาไว้ไม่ไหว ทั้งที่คิดว่าตัวเองเตรียมตัวเตรียมใจมาดีแล้วแท้ ๆ แต่มันเจ็บเหลือเกินที่รู้ว่าที่ตรงนั้นข้าง ๆ เธอจะไม่ว่างรอเขาอีกต่อไป ถึงแม้เขายังจะรักเพียงแต่เธออยู่เหมือนเดิมก็ตาม

+ + +

เซลีนรู้สึกว่าเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาองศาทำตัวแปลกไป ต่อหน้าเธอเขาไม่พูดจ้อเหมือนที่เคย ทีแรกก็คิดว่าเขาน่าจะเครียดเรื่องงานแต่ทำไมกับลูกเขายังทำตัวปกติ

เขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า...

“ไม่อยู่ฉลองกับลูกก่อนเหรออง”

เธอไม่เข้าใจว่าวันเกิดลูกทำไมเขาถึงแค่เอาของขวัญมาให้แล้วต้องรีบกลับ ปกติเขาจะถ่วงเวลาอยู่กับลูกจนดึกดื่นด้วยซ้ำ

“พรุ่งนี้มีผ่าตัดใหญ่น่ะ คุยกับลูกแล้ว ใช่ไหมครับนาที”

“ใช่ครับ นาทีเข้าใจคุณพ่อครับ” น้องนาทีที่ตามมาส่งคุณพ่อที่หน้าบ้านบอกอย่างอารมณ์ดี

“ถ้างั้นขับรถดี ๆ นะ”

“อื้อ”

องศายิ้มรับก่อนจะเข้าไปในรถ แต่ใครเลยจะรู้ว่าเขาซ่อนน้ำตาไว้ใต้รอยยิ้มสดใส ในบ้านนั้นมีธชาและเพื่อน ๆ เธออยู่ด้วย เขาเข้าไปร่วมวงก็คงจะเกะกะและทำให้เซลีนลำบากใจเปล่า ๆ

นับตั้งแต่วันนั้นองศาก็ทำตัวแปลกไป เขาไม่ค่อยแชตมาถามเรื่องของลูก ช่วงแรกก็มาหาลูกทุกเสาร์อาทิตย์เป็นปกติ พักหลังเริ่มมาสัปดาห์ละหนึ่งวัน แล้วก็มาบ้างไม่มาบ้างอ้างติดงาน เดี๋ยวนี้เขาไม่มาหาลูกเลย เพียงติดต่อกันผ่านเฟซไทม์เท่านั้น

ด้านเซลีนก็กลับมาทำงานในโรงพยาบาลเหมือนเดิมหลังจากถูกทาบทามมาหลายปี เพราะน้องนาทีโตจนเข้าโรงเรียนแล้ว เธอจึงมีเวลาว่างมากขึ้นและกลับมาสานต่อความฝันของตัวเองด้วยการเป็นแพทย์ผ่าตัดที่ใจรัก แต่จะไม่รับเวรพาร์ตไทม์เพราะยังอยากใช้เวลาอยู่กับลูก กระนั้นเธอก็ไม่ค่อยได้คุยกับองศาทั้งที่ทำงานที่เดียวกัน

เธอคิดว่าเขากำลังหลบหน้าเธออยู่!

“อย่าคิดจะเดินหนีฉันเชียว”

ระหว่างที่เดินไปดูอาการของคนไข้ที่ทั้งคู่ต้องรับผิดชอบร่วมกันเซลีนก็อดที่จะเหน็บแนมเขาไม่ได้ องศาหันมายิ้มให้แล้วพูดเหมือนไม่มีอะไร

“ไม่ได้หนีซะหน่อย”

“เหรอ? แต่ฉันมาทำงานจะสองเดือนแล้วนะ นี่เพิ่งได้คุยกับนายเองมั้ง อธิบายได้ไหมว่าทำไม”

“เธอไม่ว่างเองเปล่า” แต่องศารู้ดีว่าเป็นเพราะเขาไม่เปิดโอกาสให้เธอได้เข้ามา แค่นี้เขาก็เจ็บจะแย่อยู่แล้ว

เซลีนถอนหายใจแล้วตัดสินใจถามออกไปตรง ๆ

“พักนี้เป็นอะไรอง นายทำตัวแปลก ๆ นะ”

“เปล่านะ เธอคิดมากไปเอง”

องศาไม่หลบสายตาเธอเลย เซลีนจึงคิดว่าที่แปลกไปน่าจะเป็นเธอมากกว่า งานที่ทำอยู่ก็ทำให้ยุ่งจนไม่มีเวลาไปพบเจอใครเป็นเรื่องปกติ เธอห่างหายจากวงการไปนานทำเป็นลืมไปได้ หรือไม่เขาก็คงจะอยากตัดใจจากเธอแบบจริงจังแล้ว

“งั้นเหรอ”

“ก็งั้นน่ะสิ”

ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีแล้ว องศาจะได้เปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามาในชีวิตเขาบ้าง เซลีนไม่อยากให้เขาจมปลักอยู่กับเธอจนลืมมองอนาคตตัวเอง

ขณะที่ตรวจอาการของคนไข้ซึ่งในประวัติระบุว่ามีอาการทางจิตเวช คนไข้ดันคลุ้มคลั่งเข้าใจว่าหมอและพยาบาลทุกคนในห้องเป็นนักรบของกองทัพศัตรูที่มาล้วงความลับ เขาทั้งทำลายข้าวของ ดึงท่อต่อปัสสาวะของตัวเองจนมันเลอะเทอะแต่ความเจ็บไม่ได้ทำให้แผลงฤทธิ์น้อยลงเลย

พยาบาลหญิงสองคนถูกตบจนคว่ำ องศากับเรสซิเดนท์ในทีมที่เป็นผู้ชายถูกเหวี่ยงไปคนละทิศละทาง ส่วนเซลีนกำลังโดนต้อนเข้ามุมห้อง ด้านซ้ายมีรถเข็นสเตนเลสขวางอยู่ ส่วนด้านขวาก็มีมอนิเตอร์กั้นไว้ และในมือคนไข้ถือกรรไกรซึ่งไม่รู้ไปหยิบมาจากไหนพร้อมมองมาอย่างหวังผล

“ตายซะไอ้ไส้ศึก”

“กรี๊ด”

คนไข้พุ่งเข้ามาแทงเซลีน หญิงสาวกรีดร้องเสียงหลงแต่ทว่าไม่รู้สึกเจ็บ แล้วความจริงที่พบก็ทำให้ศัลยแพทย์สาวอ้าปากค้าง เพราะอดีตสามีที่ตะเกียกตะกายอยู่บนพื้นพุ่งเข้ามาใช้มือปัดกรรไกรนั้น ทว่าเขาช้าไปเพียงเสี้ยวนาที มือข้างนั้นจึงถูกแทงเข้าไปเต็ม ๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่ทุกคนในนั้นซึ่งเพิ่งตั้งหลักได้จะเข้ามาชาร์จตัวคนไข้

องศาจับข้อมือไว้แน่น พยายามหายใจเข้าออกลึก ๆ เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด กระนั้นมันก็รุนแรงเหมือนจะทำให้เขาขาดใจเสียให้ได้

เซลีนประคองให้เขานั่งลงที่เก้าอี้ ในสมองก็คิดว่าถ้าองศาไม่ได้เอามือมาบังแต่เป็นเอาตัวเข้ามาบังแทนแล้วเขาเกิดเป็นอะไรขึ้นมา เธอจะอยู่อย่างไร

ถ้าไม่มีเขาสักคน วันพรุ่งนี้โลกทั้งใบของเธอคงจะยิ่งกว่ามืดมน...

“หมอคิวไปเตรียมห้องผ่าตัดให้พี่ที”

เธอหันไปสั่งหมอคิวที่เพิ่งจะสลับตัวกับ รปภ. ให้เข้ามาล็อกตัวคนไข้รายนั้นเอาไว้ แล้วหันมาลูบหน้าลูบผมองศาคล้ายกับปลอมประโลม

กรรไกรเสียบทะลุมือเขา ถ้าถอดออกก็เสี่ยงที่จะทำให้เส้นเอ็นเสียหาย องศาอาจจะเป็นหมอผ่าตัดไม่ได้อีก ที่เลวร้ายกว่าคือมันอาจจะใช้งานไม่ได้ตลอดชีวิต

“เดี๋ยวฉันจะช่วยนายเองนะ”

“เซล ใจเย็น ๆ” องศาใช้มือข้างที่ไม่เจ็บกุมมือเธอ เซลีนไม่ได้ถึงขั้นสติแตก ทว่ามือไม้เธอสั่นไปหมด “ฉันไม่เป็นไร”

“จะไม่เป็นไรได้ไง นี่มือนายนะ”

“...”

องศาจุกในอกจนพูดไม่ออก สำหรับศัลยแพทย์อย่างพวกเขา มือทั้งสองข้างเปรียบเสมือนโลกทั้งใบ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตคนไข้ หรือความฝันของตัวเขาเองก็ขึ้นอยู่กับมือคู่นี้

แต่ถ้าไม่ได้มือข้างนี้ เขาก็อาจจะเสียเซลีนไปตลอดชีวิตซึ่งเป็นสิ่งที่เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น จังหวะนั้นเองคนไข้เกิดความดันตก เข้าสู่สภาวะช็อก เซลีนจำต้องให้ความสำคัญกับความเป็นความตายมากกว่าคนตรงหน้า

เซลีนผ่าตัดก้อนเนื้อของคนไข้จิตเวชรายนั้นซึ่งส่งผลต่อระบบอื่น ๆ ของเขาจนสำเร็จ แต่ในใจห่วงแต่องศา ถ้าเธอไม่ใช่หมอและตัดสัญชาตญาณพื้นฐานของอาชีพที่มันฝังรากลึกลงไปในจิตใจออกได้ เธอจะปล่อยให้คนไข้รายนี้ทรมานอยู่อย่างนั้น แต่เธอทำไม่ได้ สุดท้ายเลยต้องมาอยู่ตรงนี้

“เย็บปิดแผลได้เลยนะ”

อาจารย์แพทย์คนเก่งบอกกับเรสซิเดนท์ของตัวเองแล้วส่งมีดผ่าตัดให้พยาบาลผู้ช่วย หลังถอดกับถุงมือและทำความสะอาดเสร็จเธอก็ไปดูตามห้องผ่าตัดอื่น ๆ เพื่อดูป้ายชื่อด้านหน้าว่าใครรับผิดชอบเคสองศา

“หนูผ่าเองพี่” หมอไอซ์เดินเข้ามาบอก หล่อนเป็นอาจารย์แพทย์ที่นี่แล้ว “เสร็จตั้งนานละ ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ในห้องทำงาน”

“อาการเป็นยังไงบ้าง”

คนถูกถามถอนหายใจหน้าเศร้า แต่ยังไม่เท่าเสียงที่พูดออกมา

“เส้นประสาทได้รับความเสียหายพอสมควรเลย มันไม่ร้ายแรงถึงขั้นพิการ แต่จะทำให้มือไม่นิ่งและคงจะจับมีดผ่าตัดไม่ได้อีกแล้ว”

หมายถึงเขาไม่อาจเข้าถึงความสุขของการเป็นหมอผ่าตัด ไม่มีโอกาสได้กรีดคมมีดลงไปในเนื้อสด ๆ ที่มีเลือดไหลเวียนอยู่ จะไม่ได้รับรู้ถึงความอิ่มเอมใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ตอนที่เห็นเลือดไหลออกมาจากบาดแผลของคนไข้

ทั้งหมดก็เพราะเขาช่วยเธอเอาไว้แท้ ๆ ดังนั้นเซลีนนึกถึงคำพูดที่ลุงโอบเคยพูดเอาไว้

‘คนอย่างมันถ้าได้รักใครแล้ว มันยอมแลกทุกอย่าง ทั้งทรัพย์สิน เงินทอง ความฝัน หรือแม้กระทั่งชีวิต หวังว่าถ้าถึงวันนั้นแล้ว... หนูจะพอใจกับสิ่งที่ได้จากมันนะ’

องศาพิสูจน์แล้วว่าคำพูดของท่านเป็นจริง เขาให้เธอทั้งทรัพย์สิน เงินทอง และยอมแลกความฝันเพื่อช่วยชีวิตเธอ ที่เหลือก็คงจะเป็นชีวิตเขา ซึ่งเซลีนไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้น

“ถ้าทำกายภาพบำบัดจะพอมีหวังไหม”

“มันก็มี ก็ต้องลองดู”

เป็นอันเข้าใจตรงกันว่าหมายถึงมีหวัง แต่ก็ต้องพึ่งปาฏิหาริย์ด้วยเหมือนกัน เซลีนพยายามคิดว่ามีหมอคนไหนเก่งเรื่องนี้บ้าง เธอจะพาเขาไปรักษาไม่ว่าเสียเท่าไหร่ก็ยอม

“...เห็นว่าเขาช่วยพี่เอาไว้เหรอ” หมอไอซ์ถามอีก

“อือ”

กว่าไอซ์จะรู้เรื่องของทั้งคู่ก็ตอนที่องศาลาออกไปดูแลเซลีนกับลูก แล้วก็รู้อีกว่าองศาคือผู้ชายใน ‘คลิปหมอดุ’ ที่หล่อนเคยดู ตอนแรกที่เขามาทำงานที่นี่เธอก็ว่าหน้าคุ้น ๆ จากนั้นธารีก็เล่าให้ฟังอีกหลายอย่าง ทำให้หล่อนไม่ชอบองศาไปช่วงหนึ่ง แต่พอเห็นเขากลับตัวกลับใจแถมยังช่วยเซลีนจนตัวเองหมดอนาคตแบบนี้เขาก็น่าเห็นใจอยู่เหมือนกัน

“เขารักพี่มากเลยนะ ไม่งั้นไม่ทำถึงขนาดนี้หรอก”

“พี่รู้...” แต่แววตาเธอตอนพูดยังดูเป็นกังวล

หมอไอซ์ฉวยมือเธอมาเบา ๆ ไม่รู้ว่าเซลีนลืมอดีตที่องศาทำให้เจ็บไปหรือยัง ที่ดูออกเธอยังไม่ไว้ใจองศาพอที่จะให้โอกาสเขากลับมาเป็นสามี เพราะความรักกับความซื่อสัตย์มันคนละเรื่องกัน แต่เรื่องที่หล่อนจะบอกให้คนที่หล่อนเคารพเหมือนพี่สาวได้รู้ อาจช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น

“พอพี่ลาออกไป หนูเคยชวนเขามาแซ่บกันด้วยนะ”

“จริงเหรอ?” เซลีนหรี่ตามอง หมอไอซ์ทำตาโตพลางยกฝ่ามือขึ้นห้ามเพราะดูท่าเซลีนกำลังจะคิดไกล “ไหนธารบอกว่าไอซ์แขยงองศาไปเลยไง”

“จริง แต่ฟังก่อน มันมีช่วงนึงที่หนูแหยงเขาแหละ แต่นานไปก็ไม่ได้คิดอะไร แล้วก็แบบว่า พี่ไม่เอาแล้ว เสร็จน้อง อะไรประมาณนี้ อีกอย่างเขาก็มีประวัติชอบหลบเมียไปแซ่บอยู่แล้วหนูก็เลยชวน หมามันเคยกินขี้ไง แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ”

“พูดจริง?”

“สาบานให้จิ๋มแห้งไปเจ็ดปีเลย” เซลีนหลุดขำ ยัยคนนี้ยังทะลึ่งตึงตังไม่เคยเปลี่ยนเลยจริง ๆ

“โอเค เชื่อก็ได้”

“เออ ก็นั่นแหละ... หนูชวนเค้าไปแซ่บใช่ป้ะ พูดแนวเดียวกับยัยแอ้มไรนั่นเลย ไม่ผูกมัด ไม่เรียกร้อง แต่เขาว่าไงรู้มะ” หมอไอซ์ทำอกผายไหล่ผึ่งเก๊กท่าหล่อแล้วพูดเสียงต่ำเลียนแบบองศา “ไม่เป็นไรครับ ผมมีวิธีจัดการตัวเอง แล้วผมก็ยังตัดใจจากแม่ของลูกไม่ได้ครับ”

“ไม่น่าเชื่อ”

ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่เซลีนกลับยิ้มกว้างโดยอัตโนมัติ

“เชื่อเหอะ หนูสาบานแล้วไง”

“ไม่รู้สิ องศาเขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่จะอดทนได้นาน แค่สองวันเขาก็ต้องหาที่ระบายแล้ว แต่นี่มันหลายปีมาแล้วนะ พี่มาได้ยินแบบนี้มันก็เลยไม่รู้จะยังไงดี”

“หนูคงตอบไม่ได้ว่าควรจะยังไง แต่อย่างน้อยก็ทำให้พี่มองเขาในแง่ดีมากขึ้นใช่ไหมล่ะ? แล้วไม่แน่ อาจจะช่วยให้พี่ตอบตัวเองได้แล้วก็ได้”

“นั่นสินะ”

ใจของเซลีนเบาขึ้นเยอะ ดูเหมือนคำบอกเล่าของหมอไอซ์จะช่วยปลดล็อกความรู้สึกของเธอได้

พอแยกจากหมอไอซ์เซลีนก็ลงไปร้านสะดวกซื้อข้างล่างเพื่อซื้อขนมที่องศาชอบ หวังจะช่วยปลอบใจเขาที่สภาพจิตใจย่ำแย่ จากนั้นพอเขาดีขึ้นเธอก็ตั้งใจว่าบอกเรื่องสำคัญให้เขารู้ แต่เธอพบว่าเขาออกไปแล้ว

“อะไรกัน ยังไม่ได้ขอบคุณเลย”

เซลีนพึมพำขณะมองไปรอบห้องทำงานรก ๆ ที่ไม่มีเงาของเขา ตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาโทร. หา ทว่าชายหนุ่มก็ไม่รับสาย กำลังขับรถอยู่หรือเปล่านะ เป็นแบบนี้เธอคงต้องไปหาเขาที่บ้านเสียแล้ว

พอถึงบ้าน เซลีนก็ชวนน้องนาทีไปหาคุณพ่อที่บ้าน แต่กดกริ่งอยู่ตั้งนานเขาก็ไม่ออกมาเปิดประตู โทร. หาก็ไม่รับอีกเช่นเคย

“คุณแม่ว่าเรากลับกันก่อนดีกว่าครับ วันนี้คุณพ่อน่าจะไม่อยู่ ไว้ค่อยมาวันหลังนะ”

“ว้า เสียดายจังครับ นาทีคิดถึงคุณพ่อ อยากกอดคุณพ่อ เมื่อไหร่นาทีจะได้เจอคุณพ่อครับ” เสียงเศร้า ๆ ของลูกบีบหัวใจเซลีน และเธอเองก็ไม่รู้จะตอบลูกว่าอย่างไร

องศาที่หลบอยู่หลังประตูรั้วก็ยกมือกุมหัวใจ คำพูดของลูกทำให้เขาใจหาย อยากเจอลูกแทบตายแต่ใจยังไม่แข็งแรงพอที่จะยอมรับความจริงได้ว่าแม่ของลูกจะไม่มีวันเป็นของเขา

คืนนั้นเซลีนร้อนใจเพราะติดต่อเขาไม่ได้ กลัวองศาคิดมากจนทำร้ายตัวเอง เพราะไม่ง่ายเลยที่เราจะยอมรับว่าได้สูญสียความฝันของตัวเองไปแล้ว

แต่พอเช้าเธอก็ต้องพบกับข่าวร้ายที่ว่าอดีตสามียื่นใบลาออก พาให้รู้สึกหวิวโหวงในอก ด้วยรู้ดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันกระทบกระเทือนจิตใจเขาพอสมควร

องศาไม่อยากให้เซลีนคิดว่าที่เขาเสียสละตัวเองก็เพื่อให้เธอเห็นใจและยอมรับเขาในฐานะสามี เลยกลับมาเป็นแพทย์อาสาเหมือนเดิม เพราะที่ทำไปไม่ได้หวังสิ่งใด นอกจากให้ชีวิตของเธอปลอดภัย หากก็ไม่อยากอยู่เพื่อสร้างความลำบากใจให้เธอกับความรักครั้งใหม่ การมาเลียแผลใจที่นี่เห็นจะเป็นทางเลือกที่ดี ถ้าคิดถึงลูกก็ลงไปหาได้เลย

ส่วนเรื่องมือ เขาเสียใจมากแต่ไม่อยากด้อยค่าคัวเอง ถึงไม่ได้เป็นหมอศัลย์ฯ ก็ยังเป็นหมออื่นได้ ระหว่างอยู่บนนี้จะศึกษาการแพทย์แขนงอื่นไปด้วย แต่แผนชีวิตของเขาพังไม่เป็นท่า เพราะในวันที่ฝนตกหนักจนเขาออกไปตรวจคนไข้ไม่ได้ เซลีนได้ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าบ้านในสภาพที่เนื้อตัวเปียกโชก แถมยังเลอะโคลนไปครึ่งตัว

“เซล มาได้ไงเนี่ย” เขาตะโกนถามคนที่ยืนสั่นหนาวกลางสายฝน

“จะให้เล่าตรงนี้จริง ๆ เหรอ”

“โทษที ๆ มา เข้ามาในบ้านก่อน”

บ้านพักขององศาเป็นบ้านชั้นเดียวทำจากไม้ มุงด้วยคา และยกใต้ถุนไม่สูงนัก ตั้งอยู่โดดเดี่ยวท้ายหมู่บ้านแต่ก็มีไฟฟ้าใช้และเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน แต่ห้องน้ำอยู่นอกตัวบ้านและมีหนึ่งห้องนอน

องศาให้เซลีนเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้อง ขณะที่เขากำลังคิดว่าเย็นนี้จะเอาอะไรให้เธอกิน เหลือบะหมี่อยู่ซองเดียวแถมฝนตกแบบนี้ออกไปเก็บผักไม้สักเครือก็ไม่ได้

“อง!”

จู่ ๆ คนที่มาตามหาผู้ชายแต่ไม่เอาเสื้อผ้ามาแม้แต่ชุดเดียวก็ตะโกนออกมาจากในห้อง

“ว่าไง”

“เข้ามาในนี้หน่อย”

“เป็นอะไรเหรอครับคุณแม่”

องศารีบเปิดประตูเข้าไปด้วยความเป็นห่วง เขาเห็นเซลีนยืนอยู่อยู่กลางห้อง และใช้ผ้าห่มคลุมตั้งแต่ไหล่จนถึงเท้า

“เข้ามาใกล้ ๆ สิ”

ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่เขารู้สึกเหมือนเธอกำลังยั่วยวน กระนั้นองศาที่ไม่ได้คิดอะไรมากก็ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด

“อยากรู้ใช่ไหมว่าฉันมาที่นี่ทำไม” เธอถาม

“อืม... ไม่คิดว่าเธอจะลำบากมาถึงนี่ มีอะไรก็น่าจะฝากข้อความไว้ก็ได้”

“แล้วนายเคยอ่านเหรอ”

เธอตัดพ้อจนเขากลืนน้ำลายลงคอ สองเดือนที่หนีเธอมาเขาตอบข้อความเธอแค่ช่วงแรกเพราะไม่อยากให้เธอไม่สบายใจเกี่ยวกับมือของเขา หลังจากนั้นก็ไม่อ่านอีกเลย ถ้าอยากคุยกับลูกก็แค่โทร. ผ่านเกมเพลย์

“ฉันคิดว่าแบบนี้มันดีที่สุดแล้ว”

“ดีกับใครล่ะ”

น้ำเสียงของเซลีนสั่นเครือ เธอคิดมาตลอดว่าถ้าเจอเขาเมื่อไหร่เธอจะด่าให้ยับที่กล้าหนีหน้ากัน แต่พอเอาเข้าจริงเธอกลับพูดไม่ออกและอยากร้องไห้มากกว่า

ตอนนั้นที่เธอหนีเขามา... เขาจะรู้สึกเหมือนกันหรือเปล่านะ

“กับเราทั้งคู่ แล้วก็กับแฟนใหม่ของเซลด้วย”

เซลีนนิ่วหน้าไม่เข้าใจ เธอไปมีแฟนใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเขาถึงรู้ดี ในเมื่อตัวเธอเองก็ยังไม่สามารถมองใครนอกจากเขาได้เลย

“ใครบอกนายว่าฉันมีแฟนใหม่”

“ก็เซลกับนายธชา ไม่ได้กำลังคบกันอยู่เหรอ” คนคิดเองเออเองชักเริ่มงง

“เปล่า”

“แต่วันที่คุณพ่อมา เซลกอดนายธชาในบ้าน ฉันเห็นกับตา”

นี่เองสินะสาเหตุที่เขาทำตัวแปลกไป เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเธอกำลังมีรักใหม่ เลยพยายามตัดใจและหลีกทางให้คนของเธอ

“ก็กอดแบบเพื่อนไม่ได้เหรอ?”

“เพื่อนเหรอ?”

“ชามันกำลังจะแต่งงาน วันนั้นมันมาแจกการ์ด แล้วเราก็เคลียร์ใจกัน จากนั้นก็กอดกันเพราะไม่ได้เจอกันนาน กอดแบบเพื่อน”

“อะไรกันวะเนี่ย” องศามองอดีตภรรยาอย่างอึ้ง ๆ ยิ่งไปกว่านั้นเขาขำตัวเองที่เข้าใจผิดมาตั้งนาน แต่มันก็ประจวบเหมาะกับหลาย ๆ อย่างเลยทำให้เขาคิด “แล้วก่อนหน้านั้นที่จ้องมือถือไปหัวเราะไป คืออะไรเหรอ”

“ฉันอ่านนิยาย”

“อ้าว”

อันนี้ก็เข้าใจผิดอีกเช่นกัน เท่ากับว่าที่ถอนตัวให้แฟนใหม่ของเธอก็เป็นแค่แฟนทิพย์งั้นสินะ

“ทำไมนายไม่ถามฉันล่ะว่าฉันคบกับใครอยู่หรือเปล่า นายมีปากไว้ทำไมฮะอง ทีตอนปากหมาละอ้าปากพูดได้ฉอด ๆ แต่แค่จะเอ่ยปากถามฉันแค่นี้ ดอกพิกุลมันจะร่วงหรือไง”

“ตอนนั้นฉันไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะถามได้นี่นา แม้แต่จะหึงจะหวงก็ไม่ได้”

“...”

“ฉันต้องเคารพการตัดสินใจของเซล ในเมื่อเซลบอกว่าเป็นแค่เพื่อน ฉันก็จะไม่ล้ำเส้น ถึงจะเจ็บ แต่ก็ต้องรับผิดชอบหัวใจตัวเอง”

“แล้วที่นายเอาตัวเองมาเจ็บแทนฉัน เพื่อนกันเขายอมกันขนาดนี้เหรอ?”

“ก็เพราะฉันเสียเธอไปไม่ได้ไง”

“แล้วไง จากนั้นนายก็หนีฉันมาแบบนี้เนี่ยนะ นายรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงนายแค่ไหน ฉันไม่รู้ว่านายรู้สึกยังไง เจ็บหรือเปล่า โอเคหรือยัง นายทำให้ฉันแทบบ้า แล้วกว่าฉันจะรู้ว่านายอยู่ที่นี่ มันไม่ได้ง่าย ๆ เลยนะ นายทำแบบนี้กับฉันได้ยังไงองศา”

ถ้อยคำตัดพ้อพรั่งพรูออกมา น้ำตาเธอรินไหลเพราะความรู้สึกอัดอั้นที่เก็บงำมาเนิ่นนาน ทว่าองศายังสับสนกับสิ่งที่ได้ฟัง ทั้งไม่รู้จะเริ่มตอบคำถามไหนก่อนดี เขาได้แต่รวบเธอมากอดไว้เพราะทนกับความโหยหาในใจไม่ได้อีกต่อไป

“ขอโทษ”

เซลีนเบียดตัวเข้าหาอ้อมกอดอบอุ่นและซบหน้ากับอกกว้างพลางกระซิบแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

“อย่าเอาตัวเองมาเจ็บแทนใครแล้วหายไปจากชีวิตเขาอีกนะอง”

วันที่องศาบาดเจ็บ เธออดคิดไม่ได้ว่าถ้าตำแหน่งที่เขาถูกแทงเป็นจุดสำคัญอื่น ๆ ที่ไม่ใช่มือ เธออาจจะเสียเขาไปแล้ว แต่พอเขาหายไปจากชีวิตทั้งที่เคยโคจรอยู่รอบ ๆ ตัวเธอมาหลายปี ชีวิตเธอก็เหมือนมีบางอย่างขาดหาย

ตอนแรกก็เข้าใจว่าเขาอยากจะตัดใจถึงได้ทำอย่างนี้ เธอเองก็ควรจะทำให้ได้อย่างเขาบ้าง แต่ไม่ว่าจะคิดหรือจะทำสิ่งใดก็จะมีแต่เรื่องของเขาวนเวียนเข้ามาให้คิดถึง

นี่มันเป็นเวรกรรมอะไรของเธอกัน

ผู้ชายคนนี้ที่เธออยากหนี แต่หนีเท่าไหร่ก็หนีไม่พ้น แถมพอเขาหนีมาแบบนี้เธอก็ยังตามหาจนเจออีก หรือจะเป็นอย่างคำโบราณท่านว่า คู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน โชคชะตาลิขิตให้เธอกับองศาเกิดมาคู่กันจริง ๆ ใช่ไหม

“ไม่หายไปไหนแล้ว”

“ถ้างั้น... เรามาทำน้องให้นาทีกันเถอะ”

เซลีนรู้ว่าตัวเองทั้งบ้าทั้งก๋ากั่น แถมไม่มีชั้นเชิงเอาเสียเลย แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว จะให้มัวแต่ลีลาแล้วจะให้เธอปล่อยพ่อของลูกที่ยอมแลกทุกอย่างได้เพื่อเธอไปได้อย่างไร

ทว่าองศาตกใจจนคลายอ้อมกอดแล้วเผลอเดินถอยหลัง ไอ้บ้าเอ๊ย! ฉันเป็นคนไม่ใช่ผีนะโว้ย

“ชวนทำลูกเหรอ?”

“หรือนายไม่อยากทำล่ะ? นายติดค้างฉันอยู่นะ นายต้องแก้ตัว”

“อยากน่ะมันอยาก แต่ว่านี่ใช่เซลที่ฉันรู้จักจริง ๆ เหรอ”

หญิงสาวจ้องเขาด้วยสายตาแพรวพราว ก่อนจะปล่อยมือที่กุมผ้าห่มไว้ที่อกจนมันร่วงลงไปกองบนพื้น เผยให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มมาตลอด ทว่าคนตรงหน้ากลับตกใจแล้วรีบผลุบลงไปดึงผ้าห่มมาคลุมให้เธอเหมือนเดิม

“ทำไมล่ะอง?”

“เรายังไม่ได้คุยกันให้เข้าใจเลย”

“นั่นสินะ”

แค่เธอมาตามหาเขาถึงที่นี่มันไม่ได้ช่วยให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้นหรอก เพราะบางเรื่องมันก็ต้องหันหน้ามาพูดกัน

“ถ้าเราทำแบบนี้ เราจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้อีกแล้วนะ เพราะฉันจะคิดแค่แอบแซ่บเธอไปวัน ๆ ไม่คิดจริงจังไม่ได้เด็ดขาด เธอเข้าใจใช่ไหม”

“อื้อ”

เธอรีบตอบเกินไปจนเขาไม่แน่ใจว่าเธอสติดีอยู่หรือเปล่า หรือที่จริงหญิงสาวคิดมาอย่างดีแล้วกันแน่

“เธอลืมเรื่องแอ้มได้แล้วเหรอ”

องศามีสีหน้าลำบากใจ เซลีนใช้เวลาเรียบเรียงความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดอยู่ชั่วอึดใจหนึ่งแล้วก็บอกกับเขาว่า

“ฉันลืมไม่ได้หรอก”

แววความหวังในดวงตาขององศาอ่อนลงจนน่าใจหาย เซลีนจึงขยับเข้าไปพิงกายในอ้อมอกเขาช้า ๆ แล้วพูดความในใจ

“แต่ไม่ได้จำฝังใจแบบเมื่อก่อนแล้ว บางครั้งที่นึกถึงก็มีจี๊ด ๆ อยู่บ้าง แต่ฉันว่าเวลามันช่วยได้จริง ๆ นะอง”

“ถ้างั้นห้าปีที่ฉันรอเธอมันก็ไม่ได้ไร้ความหมายสินะ”

“ไม่เลย...”

หัวใจขององศาพองโตเพราะความดีใจ ผลที่ได้คือน้ำตาลูกผู้ชายที่รินไหลออกมา เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นผู้ชายเจ้าน้ำตาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอได้เริ่มเข้าใจคำว่ารัก อารมณ์เขาก็อ่อนไหวตามไป ยิ่งถ้าเป็นเรื่องของเมียกับลูกแล้วละก็... เขาก็ร้องไห้ออกมาได้ง่าย ๆ เลย

­“ที่จริงฉันก็ไม่ได้ดีไปกว่านายเลย ฉันเฟคเป็นในแบบที่ไม่ใช่ตัวฉันเอง เพื่อหวังให้นายรัก แล้วก็บกพร่องในหน้าที่ภรรยา”

สิ่งที่เธอทำมันไม่ต่างจากหลอกเขาเหมือนกัน แถมยังทรมานเขาให้อัดอั้นกับเรื่องอย่างว่าเป็นปี ๆ ทั้งหมดนั้นมันจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าเธอถอนตัวตั้งแต่สงสัยว่าการที่องศาเข้าหาเธอมันเป็นเรื่องของผลประโยชน์

จริงอยู่เธอไม่ได้โง่พอจะมองไม่ออก

แต่เธอก็อยากโง่เพื่อจะได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก แถมยังคาดหวังกับมันมากเกินไปจนทุกอย่างแย่ลง จากนั้นก็เอาแต่สร้างความชอบธรรมให้ตัวเองในฐานะผู้หญิงที่ถูกนอกใจ เพราะมันเจ็บและฝังใจจนลืมไม่ลง

“ที่สำคัญ ฉันทำลายชีวิตของนาย ฉันสลัดเรื่องนี้ให้หลุดจากหัวไม่ได้เลย ฉันอยากให้นายรู้ว่าฉันก็เสียใจ”

“ฉันไม่เคยโกรธเธอเลยเซล”

เขากระชับเธอมาแนบอก ใบหน้าเปื้อนน้ำตาพิงศีรษะของอดีตภรรยา ซึมซับไออุ่นนี้ที่เขาโหยหามาเนิ่นนานพลางสูดกลิ่นหอมจากเรือนผมของเธออย่างหลงใหล

“ฉันสมควรโดนแล้ว เธออย่าโทษตัวเองเลยนะ เพราะฉันไม่เคยโทษเธอเลย ทั้งหมดมันเป็นเพราะฉันเอง”

ไม่มีผู้หญิงคนไหนรับได้ที่สามีนอกใจ บางคนเลือกเดินจากไปเฉย ๆ แต่บางคนก็เลือกที่จะตอบโต้เหมือนที่เซลีนทำ มันก็ขึ้นอยู่กับว่า คนคนนั้นจะรับผิดชอบความรู้สึกของตัวเองด้วยวิธีใด

“เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะอง หลายปีที่ผ่านมา เราสองคนรู้จักตัวตนของกันและกันมามากพอแล้ว ฉันอาจจะเคยกลัวว่าถ้ากลับไปอ่านหนังสือเล่มเดิมแล้ว ก็คงไม่แคล้วจะได้พบตอนจบเดิม ๆ แต่ตอนนี้เราเปลี่ยนมันได้ เพราะนายได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่านายเปลี่ยนได้”

องศาคลายอ้อมกอดช้า ๆ จับไหล่ทั้งสองข้างของเธอก่อนจะถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“เธอแน่ใจจริง ๆ นะ”

“ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ ถ้าไม่แน่ใจจะมาอยู่ตรงนี้เหรอ”

“เพราะว่าฉันจะเป็นสามีเธอไปจนวันตายเลยนะ เธอแน่ใจจริง ๆ ใช่ไหมว่าต้องการแบบนี้ ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปไหนอีกแล้วนะ”

มุมปากของเซลีนกดยิ้ม ดวงตาแพรวพราวเหลือเกินจนพาให้หัวใจเขาสะท้านไหว ก่อนที่สองมือน้อยจะปล่อยผ้าห่มที่รวบไว้ให้ลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง

“แบบนี้พอจะแทนคำตอบได้ไหม”

องศาเผลออ้าปากหวอขณะจ้องมองเรือนกายแสนเย้ายวน แต่ที่สะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็นสร้อยเส้นนั้นที่เขาพยายามจะสวมให้เธอถึงสองครั้งสองหน ที่ตอนนี้มันเด่นสง่าอยู่บนคอระหงของเธอ

“ได้อยู่แล้วครับที่รัก”

ความตื่นเร้าและการยอมจำนนที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขาทำให้เลือดในกายของเธอฉีดพล่าน เซลีนเอียงตัวเข้าหาเขา ร่างกายอ่อนระทวยเพราะสายตาทรงพลังคู่นั้น

“แก้ตัวมาสิ ทำให้ฉันไม่อยากปล่อยนายไปอีกทั้งชีวิต”

ชายหนุ่มประคองใบหน้าสวยของว่าที่ภรรยาแล้วบรรจงจูบที่ปากบางแผ่วเบา องศาสัมผัสทุกอณูในร่างกายของเธออย่างโหยหาและหลงใหล แต่ทุกจังหวะมันช่างอ่อนโยนเหลือเกิน

เซลีนแอ่นกายเข้าหา องศาขยับสะโพก บดเบียดปุ่มเนื้อของเธอ ความพึงพอใจแล่นซ่านขึ้นมาเมื่อหญิงสาวถึงจุดสุดยอดและครางเรียกชื่อเขา เนื้อสาวบีบรัดเป็นระลอกรอบลำกายแข็งแกร่งจนปวดตุบ ๆ

“เอาอีกค่ะ สอนเค้าให้เก่งเท่าบี๋นะ นะคะ”

คนใต้ร่างเด้งตัวขึ้นมากอดรอบลำคอเขา ส่งปลายยอดถันเข้าสู่ช่องปากร้อนระอุของเขา องศาดูดดึงเต้างามสลับไปมาอย่างหยาบกระด้าง ดื่มด่ำรสชาติหอมหวานเกินบรรยายแล้วขยับกายเร่งเร้ารัวเร็ว ฉีดพุ่งเข้าสู่ร่างกายเธอครั้งแล้วครั้งเล่า จนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเช้า แต่ทั้งสองก็ยังปล่อยให้อารมณ์พาไป เคลื่อนไหวอย่างลื่นไหลและเป็นไปตามธรรมชาติของร่างกาย จับจูงกันสู่ปลายทางสุขสมครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ในขณะที่ร่างกายสอดประสาน หัวใจของทั้งคู่ก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว องศาอาจไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุด เขาเคยทำเรื่องแย่ ๆ จนไม่น่าให้อภัย แต่เขาก็เป็นคนที่ยอมเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นได้เพราะความรัก เป็นคนที่คู่ควรกับโอกาสของใครสักคนอย่างแท้จริง

“เค้ารักตัวเองนะเซล รักมากเลยด้วย”

“รักเค้าจริง ก็เอาเค้าดุ ๆ นะ”

“ฟังพูดเข้า”

ชายหนุ่มหลุดหัวเราะเสียงดังแล้วก็จูบเธอเป็นรางวัล เซลีนเป็นเหมือนนางฟ้าตัวน้อยที่ยั่วยวนเขาอยู่ในกรงที่มีไฟร้อนแรงลุกโชน แต่เปลวร้อนนั้นไม่ได้เผาหัวใจเขาให้มอดไหม้อีกแล้ว มันกลับละลายแผ่นน้ำแข็งที่เกาะในหัวใจเขาไปทีละนิด แล้วหล่อเลี้ยงก้อนเนื้อในอกซ้ายด้วยความอบอุ่นตราบชั่วนิรันดร์

บทก่อนหน้า
บทถัดไป