บทที่ 8
การโจมตีของเขมกรเต็มไปด้วยพลังดุจสายฟ้าฟาด จวนเจียนจะถึงไหล่ของอัญชนี ทุกคนต่างหลับตาลงเพราะทนดูไม่ไหว
ทนดูภาพเลือดสาดกระจายไม่ไหว
แต่ทว่าในที่เกิดเหตุกลับเงียบสงัดอย่างน่าประหลาด เมื่อทุกคนลืมตาขึ้น ก็เห็นอัญชนีปัดป้องหมัดของเขมกรได้อย่างง่ายดาย
หมัดนั้นใหญ่พอๆ กับศีรษะของเธอเลยทีเดียว
เขมกรก็ประหลาดใจมากเช่นกัน แต่ก็ปรับเปลี่ยนการโจมตีอย่างรวดเร็ว ละทิ้งความดูแคลนในใจ แล้วลงมืออีกครั้ง
แต่ก็ยังคงเหมือนกับครั้งที่แล้ว ถูกปัดป้องได้อย่างง่ายดาย
เขมกรกัดฟันแล้วหันกลับมาเตะ
อัญชนีไม่ชอบการปะทะซึ่งๆ หน้า ในการต่อสู้เธอถนัดการใช้ความอ่อนโยนสยบความแข็งกร้าว ใช้ความแข็งกร้าวสยบความอ่อนโยน สรุปก็คือทำตรงข้ามกับคู่ต่อสู้เสมอ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขมกรเจอคู่ต่อสู้แบบนี้ ไม่ว่าเขาจะใช้แรงมากแค่ไหน สุดท้ายก็ถูกสลายไปอย่างแผ่วเบา ส่วนกระบวนท่าของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนนุ่มนวล แต่ความจริงแล้วกลับรุนแรงมาก
เขาคิดว่าตัวเองมีความสามารถในการทนความเจ็บปวดสูงมาก แต่หลังจากโดนไปหลายทีก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว
และเขายังไม่ได้แตะต้องตัวอัญชนีเลยด้วยซ้ำ
หลังจากผ่านไปหลายกระบวนท่า เขาก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถูกฝ่ามือที่ดูแผ่วเบาของอัญชนีตบลงไปตรงตำแหน่งใต้ต้นคอด้านหลัง
เขาเซถลาแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ความเจ็บปวดและอาการชาแล่นไปทั่วต้นคอด้านหลัง
เรี่ยวแรงทั่วร่างถูกสูบไปจนหมด
รอบข้างเงียบกริบ
ใบหน้าเหี่ยวย่นของสมชายแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น เขาปรบมือขึ้นก่อนเป็นคนแรก “ยอดเยี่ยม!”
ทุกคนที่ตกตะลึงอยู่ก็รู้สึกตัว ต่างพากันปรบมือโห่ร้องด้วยความชื่นชมจนมือแดงไปหมด
อัญชนียื่นมือไปตรงหน้าเขมกร “คุณไม่เลวนะ ทนทานดี”
พี่น้องที่เคยประลองกับเธอไม่มีใครทนได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว อีกฝ่ายทนได้หลายที ร่างกายนี้ไม่ได้โตมาเสียเปล่า
เขมกรจับมือเธอแล้วลุกขึ้นยืน “กระบวนท่าของคุณ...คุ้นเคยมาก”
อัญชนีทำสีหน้าเรียบเฉย “ฉันเรียนวรยุทธ์ร้อยสำนัก”
“ไม่ ไม่ใช่ กระบวนท่าที่คาดเดายากดุจภูตผีเทวดาของคุณ เหมือนกับของท่านผู้นั้น...”
เปลือกตาของอัญชนีกระตุก “ไม่มี คุณจำผิดแล้ว”
แต่เขมกรกลับยิ่งมั่นใจว่าตัวเองเดาไม่ผิด แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาที่ใสกระจ่างและเย็นชาของเธอ เขาก็สะกดกลั้นความตื่นเต้นแล้วเปลี่ยนคำพูด “อืม...ใช่ จำผิดไป”
อัญชนีหลุบตาลง ถอนหายใจอย่างโล่งอกในใจ
ก่อนออกจากหมู่บ้านดอยมังค์ ชายชราได้กำชับเป็นพิเศษว่าอย่าเปิดเผยว่าใครเป็นอาจารย์ เกือบจะถูกเจ้าหมอนี่พูดโพล่งออกมาแล้ว
หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ อัญชนีก็มีชื่อเสียงโด่งดังในชั่วข้ามคืน
กลุ่มชายชราที่ปกติแล้วดูน่าเกรงขามต่างพากันเข้ามาล้อมเธอเพื่อสอบถามเกี่ยวกับกระบวนท่าที่ใช้ในการต่อสู้เมื่อครู่
อัญชนีรู้สึกรำคาญจนทนไม่ไหว กำลังคิดหาข้ออ้างเพื่อปลีกตัวออกไป ก็เห็นเจนนี่เดินเข้ามาใกล้ด้วยใบหน้าตื่นเต้น แล้วคว้าแขนเธอไว้แน่น
“อาจารย์!”
อัญชนีเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ?”
“อาจารย์ รับฉันเป็นศิษย์ด้วยเถอะค่ะ! ก่อนหน้านี้ฉันล่วงเกินไป ต้องขอโทษด้วย!” เจนนี่เป็นคนยืดหยุ่นได้ เธอคุกเข่าลงคารวะเป็นอาจารย์ทันที “ฉันมีความฝันที่จะเป็นจอมยุทธ์หญิงมาตั้งแต่เด็ก แต่ยังไม่เคยเจออาจารย์ที่น่าเคารพเลย ได้โปรดรับฉันเป็นศิษย์ด้วยเถอะค่ะ!”
อัญชนียกมือกุมหน้าผากอย่างจนใจ “ขอโทษนะ ฉันไม่รับศิษย์”
การสอนศิษย์อะไรนั่น มันสิ้นเปลืองพลังใจเกินไป
ไม่มีเวลามาวุ่นวายกับเรื่องพวกนั้น
“อาจารย์...”
สมชายหัวเราะเยาะอยู่ข้างๆ “เมื่อกี๊เด็กคนนี้ยังว่าเขาเป็นนักต้มตุ๋นอยู่เลย!”
เจนนี่พูดอย่างมั่นใจ “นี่เรียกว่าไม่สู้กันก็ไม่รู้จักกัน! ถ้าอาจารย์ไม่แสดงฝีมือออกมา ก็ต้องถูกคนอื่นดูแคลนแน่ ตอนนี้ฉันถึงได้ยอมรับจากใจจริงไงล่ะ!”
สองปู่หลานนี่ดื้อรั้นเหมือนกันไม่มีผิด
และไม่รู้จักว่าความอับอายเป็นอย่างไร
อัญชนีรู้สึกปวดหัว พอดีกับที่โทรศัพท์สว่างขึ้น เธอไม่ได้ดูข้อความด้วยซ้ำ แต่ก็หาข้ออ้างสำเร็จรูปได้พอดี “ฉันมีธุระ ต้องไปก่อนนะคะ”
แล้วรีบเผ่นหนีไปทันที
ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งตัว เธอก็วิ่งหายไปจนไม่เห็นเงาแล้ว
เมื่อกลับถึงบ้าน อัญชนีถึงได้เปิดดูข้อความ
นภัทร:【คุณปู่ให้เธอกลับมาทานข้าวพรุ่งนี้ ฉันจะไปรับ】
อัญชนีตอบกลับไปว่า:【ได้】
วันรุ่งขึ้นหลังเลิกเรียน อัญชนีก็รออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน แต่กลับถูกจารวีพาคนกลุ่มหนึ่งมาดักไว้ที่หน้าประตูโรงเรียน
จารวีควงแขนชายร่างสูงโปร่ง ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์เนม คีบบุหรี่ ทำท่าทางอวดเบ่ง เขามองใบหน้าของอัญชนีที่ไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางแต่กลับสวยใสงดงาม แววตาฉายแววตะลึงในความงาม
“เธอคืออัญชนีเหรอ? หน้าตาก็สวยดีนี่”
สีหน้าของจารวีมืดครึ้มลงชั่วขณะ แล้วพูดอย่างออดอ้อนว่า “ภาคิน คนนี้แหละที่รังแกฉัน เธอยังทำให้ฉันต้องอับอายต่อหน้าครูและนักเรียนทั้งโรงเรียน คุณต้องช่วยฉันระบายความโกรธนะ ถ้าคุณช่วยฉัน เค้าจะยอมทำตามที่คุณขอ...”
ภาคินเป็นลูกคนรวยรุ่นสอง ที่คบกับเธอก็เพราะอยากได้ความสวยของเธอ แต่เธอรู้วิธีที่จะยั่วให้ผู้ชายติดกับมาโดยตลอด จึงไม่เคยยอมทำตามเรื่องนั้น แต่ตอนนี้เพื่อที่จะแก้แค้นอัญชนี เธอก็ตัดสินใจยอมเสี่ยง
ภาคินจูบเธออย่างแรงหนึ่งที “ได้เลย เดี๋ยวสามีช่วยระบายแค้นให้เอง”
เขายังพาวัยรุ่นมาอีกหลายคน เป็นพวกที่เที่ยวเล่นด้วยกัน ตอนนี้ทุกคนต่างมองอัญชนีด้วยสายตาที่ลามก
อัญชนีมองพวกเขาอย่างเย็นชา “พูดมาตรงๆ อยากจะทำอะไร”
ภาคินจิ๊ปากอย่างชื่นชม พบว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาสวยจริงๆ โดยเฉพาะท่าทางเย็นชาแบบนี้ช่างยั่วยวนใจเหลือเกิน “ฉันเป็นคนรู้จักถนอมบุปผา แต่เธอรังแกผู้หญิงของฉัน ฉันก็ต้องเอาคืนบ้าง เอาอย่างนี้ เธอคุกเข่าขอโทษพวกเรา ยอมรับผิด แล้วไปเป็นลูกน้องคอยรับใช้จารวีสักสองสามวัน พอเธอหายโกรธ เรื่องนี้ก็ถือว่าจบ”
อัญชนีมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ?”
“งั้นก็คงแล้วแต่เธอไม่ได้แล้วล่ะ”
ภาคินทิ้งบุหรี่ลงบนพื้น แล้วโบกมือ ชายท่าทางลามกคนหนึ่งก็ยื่นมือมาหาอัญชนีทันที ตั้งใจจะสัมผัสใบหน้าของเธอ
“น้องสาวคนสวย ให้พี่ชายดูแลหน่อยนะ”
อัญชนียกมือขึ้น คว้าข้อมือของเขาไว้ได้อย่างง่ายดาย ชายคนนั้นขยับตัวไม่ได้ทันที ใบหน้าแดงก่ำแต่ก็ดึงมือกลับมาไม่ได้
อัญชนีออกแรงบิดที่มือ
เสียงดังกร๊อบเบาๆ ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแล่นไปทั่วข้อมือของชายคนนั้น เขาร้องโหยหวนแล้วกุมมือถอยหลังไป แต่กลับเห็นว่ามือข้างนั้นบิดเบี้ยวในมุมที่ผิดธรรมชาติ
สีหน้าของภาคินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาด่าว่า “มีฝีมืออยู่บ้างสินะ ถึงได้อวดดีขนาดนี้ แม่*ง รออะไรอยู่ล่ะ? รุมมันเลย! จับเธอแก้ผ้าซะ ฉันอยากจะดูสิว่าเธอยังจะอวดดีได้อีกไหม!”
ชายหลายคนที่ตกตะลึงอยู่ก็รู้สึกตัว แล้วพากันกรูเข้าไป
สำหรับเขมกร อัญชนีให้ความเคารพ แต่สำหรับคนพวกนี้ แค่ลงมือกับพวกเขาก็รู้สึกว่าสกปรกแล้ว
รีบจัดการให้จบๆ ไปดีกว่า
รถหรูสีดำคันหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังทุกคนอย่างเงียบเชียบ รถคันนั้นแพงและหรูหรา ป้ายทะเบียนพิเศษยิ่งกว่า มีเพียงตัวเลขเดียว
8
อวดดีและไม่เหมือนใคร
ป้ายทะเบียนนี้แพงมาก ปัจจุบันทั่วประเทศมีเพียงคันเดียว ใครก็ตามที่อยู่ในแวดวงสังคมชั้นสูงต่างก็รู้ว่าหมายเลขนี้หมายถึงอะไร
—คุณชายนภัทร
ประตูรถเปิดออก นภัทรก้าวขายาวๆ ลงมาจากรถ พิงตัวรถอย่างเกียจคร้าน เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“นี่กำลังทำอะไรกันอยู่?”
เมื่อจารวีเห็นเขา ตาก็เบิกโพลง
ชายหนุ่มมีใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นพิเศษ ระหว่างคิ้วที่เย็นชาและเรียบเฉยมีความห่างเหินแฝงอยู่ รูปร่างสูงใหญ่สง่างาม ทุกท่วงท่าแผ่กลิ่นอายของความสูงส่งและเกียจคร้านออกมาอย่างเงียบๆ
ถ้าได้คบกับเขา ได้นั่งในตำแหน่งนายหญิงของตระกูลไรบีนา...
“คุณนภัทร สวัสดีค่ะ ฉันชื่อจารวี...”
เธอเสยผมยาว ท่าทางอ่อนช้อยงดงาม แต่ชายหนุ่มผู้หล่อเหลากลับเดินเฉียดไหล่เธอไป ไม่แม้แต่จะชายตามอง
“ทำไมเธอช้าอย่างนี้?”
นภัทรค่อนข้างจะไม่พอใจ
อัญชนีพูดเรียบๆ “ฉันรอที่หน้าประตูโรงเรียนมาเกือบ 10 นาทีแล้ว นายต่างหากที่ช้า”
“...รถติด”
เขาก็อยากจะมาให้เร็วกว่านี้ แต่จะให้ฝ่าไฟแดงก็คงไม่ได้ เขาหวงชีวิตตัวเองมาก
จารวีที่ถูกเมินมาตลอดรู้สึกไม่พอใจในใจ จึงเข้าไปขวางคนทั้งสองไว้ “พวกคุณไปไม่ได้!”
อัญชนียังไม่ทันได้พูดอะไร นภัทรก็เอ่ยปากอย่างมีเลศนัย “ไม่ได้เหรอ?”
“เธอรังแกฉัน ฉันต้องการให้เธอขอโทษฉัน!” สีหน้าของจารวีแน่วแน่ไม่ยอมแพ้ ราวกับได้รับความคับแค้นใจอย่างใหญ่หลวง
“เรื่องที่เธอไปก่อไว้เหรอ?”
นภัทรมองไปที่อัญชนี ค่อนข้างไม่พอใจ
ก่อนหน้านี้ก็รู้สึกว่าเธอไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ตอนนี้ยังจะเพิ่มเรื่องก่อเรื่องสร้างปัญหาเข้ามาอีก
อัญชนียักไหล่ “ฉันแค่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
แม้จะไม่รู้ว่าร่างกายที่ผอมบางอรชรแบบนี้จะทำวีรกรรมกล้าหาญอะไรได้ แต่...เขาไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่
นัยน์ตาลุ่มลึกล็อกเป้าไปที่ร่างของภาคิน
“จะหลีกหรือไม่หลีก?”
ภาคินอ้าปากค้าง แต่ภายใต้แรงกดดันอันมหาศาลของเขา เขากลับพูดอะไรไม่ออก เหงื่อท่วมหน้าผาก
นภัทรจิ๊ปากเสียงดัง เมื่อนึกถึงสายตาที่อยากจะกลืนกินของชายคนนี้ที่มีต่ออัญชนีเมื่อครู่ สีหน้าก็เย็นชาลง เขายกขายาวขึ้นแล้วเตะเข้าไปที่ท้องของภาคิน
“อ๊าก—”
จากนั้น เสียงดังปัง!
ภาคินถูกเตะกระเด็นไปไกลถึงสามเมตร ล้มลงกับพื้นอย่างแรงแล้วลุกไม่ขึ้นอยู่นาน
