บทที่ 3 แผนรับมือ1/2

‘นี่เราใส่เสื้อผ้าอะไรอยู่ แล้วที่นี่ที่ไหนกัน มืด ๆ แบบนี้นรกอย่างงั้นเหรอ’

ขณะที่สตรีที่เพิ่งฟื้นสับสนมึนงงอยู่นั้น สายตาของฉุยฉุยกับเสวี่ยเฟิงที่นั่งมองท่าทีที่แปลกไปของสตรีที่เพิ่งได้สติ ก็หันหน้ามามองกันด้วยความฉงนและหวังว่าอีกคนจะอธิบายได้ แต่ทว่าเมื่อต่างคนต่างเห็นหัวคิ้วของอีกฝ่ายก็เข้าใจได้ทันทีว่าอีกคนก็คงจะคลายข้อสงสัยนี้ไม่ได้เหมือนกัน เพราะคิ้วของทั้งสองตอนนี้แทบจะขมวดกันเป็นปม

ในที่สุดฉุยฉุยก็ทนไม่ไหวจึงได้เอ่ยถาม “คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ”

สตรีที่เพิ่งได้สติเงยหน้ามองบุรุษและสตรีที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางมึนงง เพราะไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่ผู้หญิงคนนี้พูดกับนางหรือไม่

“คุณพูดกับฉันอย่างนั้นเหรอ”

ฉุยฉุยดวงตาเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำถามจากคุณหนูของนาง “คุณหนูจำข้าไม่ได้หรือเจ้าคะ”

‘คุณหนูอย่างงั้นเหรอ หรือว่าข้าตายแล้วทะลุมิติมาเหมือนในนิยาย ขอบคุณสวรรค์ที่ให้ข้าทะลุมายังร่างนี้’

เพราะจากที่นางสำรวจดูชุดที่นางใส่ก่อนหน้านี้ ก็รู้ว่าเป็นชุดที่มีราคาเช่นนั้นนางก็คงมีกินมีใช้ไม่ต้องอดยาก

ขณะที่นางพูดกับตนเองอยู่ในใจ ปากของนางก็ฉีกยิ้มกว้าง ทำเอาสองคนที่นั่งมองอยู่ถึงกับรู้สึกกลัว เพราะยามนี้พวกเขาก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย แต่คุณหนูของพวกเขากลับยิ้มกว้างออกมาได้แบบหน้าตาเฉย

“คุณหนูท่านคิดแผนการรับมือองค์รัชทายาทกับชินอ๋องได้แล้วอย่างนั้นหรือเจ้าคะ” ฉุยฉุยคิดว่าเรื่องที่ทำให้คุณหนูของนางฉีกยิ้มกว้างได้เช่นนี้คงมีเรื่องนี้เรื่องเดียว คือคุณหนูสามารถหาทางออกได้แล้ว

“ทำไมฉัน!ไม่ใช่ ทำไมข้าต้องรับมือองค์รัชทายาทกับชินอ๋องด้วย” นางเผลอลืมตัวพูดผิดไป แต่โชคดีที่นางนั้นดูซีรีส์จีนบ่อยจึงพอจะจำวิธีการพูดได้บ้าง

“ฉุยฉุยหรือว่าคุณหนูจะความจำเสื่อม” เสวี่ยเฟิงเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคุณหนูจำเรื่องที่ผ่านมาเพียงไม่ถึงหนึ่งเค่อไม่ได้

“ท่านพี่เฟิง แล้วเราจะทำอย่างไรดี หรือว่าเราจะกลับไปจวนตระกูลเผยก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที” ฉุยฉุยเอ่ยอย่างร้อนใจ

‘ฉุยฉุย ท่านพี่เฟิง ตระกูลเผยอย่างนั้นหรือ หวังว่าข้าจะไม่ได้เข้ามาในนิยายเรื่องนั้นหรอกนะ’

เมื่อนางนึกขึ้นได้ถึงชื่อตัวละครในนิยายเรื่องหนึ่งที่นางติดตามอ่าน ก็ถึงกับเบิกตาโตและภาวนาว่าอย่าให้นางทะลุมาเป็นตัวร้ายในนิยายเรื่องนั้นเลย

“ฉุยฉุย เจ้าบอกข้าหน่อยว่าข้าชื่ออะไร แล้วองค์รัชทายาทกับชินอ๋องที่เจ้าพูดถึงพระนามว่าอะไรอย่างนั้นหรือ”

ฉุยฉุยถึงกับอ้าปากพะงาบ ๆ ไม่มีเสียงใด ๆ หลุดออกมา สมองของนางนั้นว่างเปล่า ส่วนเสวี่ยเฟิงนั้นอ้าปากหวอใบหน้าแปลกประหลาด

นางร้อนใจอยากรู้ว่าใช่ชื่อที่นางนั้นคิดไว้หรือไม่จึงกระตุกแขนเสื้อของฉุยฉุยพร้อมเอ่ยเพื่อเรียกสติ

“ฉุยฉุยเจ้าตอบข้าหน่อย”

เมื่อถูกคุณหนูดึงแขนเสื้อ ฉุยฉุยก็เอ่ยปากตอบไปตามสัญชาตญาณทั้งที่ความจริงนางนั้นยังตั้งสติไม่ได้

“คุณหนูชื่อเผยตั้นเยี่ยน ส่วนพระนามขององค์รัชทายาทคือเว่ยหลิงเฮ่อ พระนามของชินอ๋องคือเว่ยเหวินเซียนเจ้าค่ะ”

เพียงได้คำตอบจ้าวฉือลี่ที่อยู่ในร่างของเผยตั้นเยี่ยนก็แทบเป็นลม นางมองไปเห็นดวงจันทร์กลมใหญ่ทำให้คิดถึงช่วงก่อนที่จะตายขึ้นมาทันที เพราะตอนที่นางตกลงมาจากหน้าผาก็เห็นดวงจันทร์เต็มดวงเช่นนี้เช่นกัน

“สวรรค์ฉันทำผิดอะไรมากนักอย่างนั้นเหรอ ฉันเพิ่งตกหน้าผาตายมาแท้ ๆ ทำไมส่งฉันมาตายอีกแล้ว หรือว่าครั้งก่อนฉันตายทรมานไม่พอ ครั้งนี้จึงส่งฉันมาให้ตาอ๋องผู้โหดเหี้ยมนั้นทรมานจนตายอีกรอบ”

จ้าวฉือลี่ยังไม่ทันจะกล่าวตัดพ้อในโชคชะตาของตนเองเสร็จ เสวี่ยเฟิงก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน

“คุณหนูขอรับ ถึงข้าจะไม่รู้ว่าท่านพูดอันใดอยู่ แต่ยามนี้พวกเรากลับไปจวนตระกูลเผยก่อนเถอะขอรับ หากคนขององค์รัชทายาทหรือคนของชินอ๋องมาเจอพวกเราตอนนี้คงไม่อาจรักษาชีวิตไว้ได้ แต่หากเราไปถึงจวนตระกูลเผยพวกเราอาจมีทางรอด”

เมื่อได้ยินคำว่า ‘อาจมีทางรอด’ จ้าวฉือลี่ถึงกับได้สติ ถึงเวลาจะกระชั้นชิดแต่ก็ถือว่ายังมีโอกาสให้ทุกคนรอดตาย

นางพยายามนึกถึงเนื้อเรื่องในนิยายเรื่องนี้เพื่อหาทางออก แต่เพราะนักเขียนเทงานไว้กลางทางลงตอนสุดท้ายไว้3เดือนแล้วไม่ยอมกลับมาแต่งต่อให้จบ ทำให้นางนั้นจำรายละเอียดทุกอย่างได้ไม่ชัดเจนนัก

นางจำได้ว่าตอนสุดท้ายเผยตั้นเยี่ยนและคนรับใช้ข้างกายทั้งสามถูกเว่ยเหวินเซียนทรมานจนตาย โดยการจับขึงไว้ที่กลางลานฝึกทหารส่วนตัวของเว่ยเหวินเซียน และใช้แส้เฆี่ยนตีทุกวันวันละ50ครั้ง มิหนำซ้ำบางวันเว่ยเหวินเซียนอารมณ์ไม่ดีก็จะมาระบายอารมณ์ลงมือทรมานนางด้วยตนเอง บางครั้งก็ใช้แส้เฆี่ยนตีบางครั้งก็ใช้มีดกรีดไปตามใบหน้าและลำตัวของนาง

พวกนางไม่ได้ทรมานจากการถูกลงทัณฑ์เท่านั้น แต่ยังต้องทนกับอาการป่วยแทรกซ้อนเพราะยามกลางวันตากแดด ยามกลางคืนถูกลมหนาว เมื่อบวกกับบาดแผลเผยตั้นเยี่ยนและคนรับใช้ทั้งสามก็ทนไม่ไหวล้มตายไปทีละคนภายในไม่ถึง7วันเท่านั้น และคนสุดท้ายที่ตายก็คือเผยตั้นเยี่ยน เพราะเว่ยเหวินเซียนนั้นให้หมอมารักษานางเพื่อให้นางได้ดูการตายของคนรับใช้ข้างกาย และหวังจะยื้อนางให้ทรมานนานกว่านี้ แต่ทว่าไม่รู้ว่าโชคดีหรือไรที่นางไม่อาจทนไหวจึงตายตามคนรับใช้ไป

เพียงแค่จ้าวฉือลี่นึกถึงความตายที่แสนทรมานรออยู่ด้านหน้าก็ทำนางหวาดกลัวขึ้นมาทันที แต่สัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดของมนุษย์ก็ทำให้นางคิดหาทางออกขึ้นมาได้

“คนชุดดำผ่านไปหรือยัง” จ้าวฉือลี่จำได้ว่าเว่ยหลิงเฮ่อจะต้องส่งคนมา2ชุด ชุดแรกนั้นคงตามรถม้าไปแล้ว ส่วนอีกชุดจะใส่ชุดดำปลอมเป็นโจรมาปล้นตราพยัคฆ์ แต่ทว่าพวกของเว่ยหลิงเฮ่อทั้งสองชุดจะโดนคนของเว่ยเหวินเซียนสังหารทั้งหมด และหลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งเค่อเว่ยเหวินเซียนจะเจอพวกนางทั้งสามคน

“ชุดดำหรือเจ้าคะ” ฉุยฉุยเอ่ยถาม

บทก่อนหน้า
บทถัดไป