บทที่ 1 หญิงงามล่มเมือง

ณ เมือง ไคหนานอันสงบร่มเย็น เมืองเล็กๆ ติดชายแดนของแคว้นเจ้า

รถม้าคันใหญ่วิ่งฝ่าสายหมอกหนาทึบ เช้านี้คือวันสำคัญของเมืองไคหนาน ด้วยเป็นเทศกาลบ๊ะจ่างซึ่งจัดขึ้นประจำทุกปีในวันที่ห้าเดือนห้า เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของขุนนางและบัณฑิตที่เสียสละชีวิตเพื่อชาติบ้านเมือง

อากาศนั้นเย็นสบาย มีสายลมพัดผ่านอยู่ตลอด ผู้ที่อยู่ด้านในรถม้าคันใหญ่จึงได้กลิ่นอาหารและขนมสำหรับไหว้ในเทศกาลดังกล่าวลอยอวลมาจากบ้านเรือนที่รถม้าวิ่งผ่าน

ซูกุ้ยฟางอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นตลอดการเดินทาง ร่างกายนางอ่อนเพลียจัด กระนั้นหูยังแว่วได้ยินเสียงฝูสาวใช้กระซิบกระซาบบอกสิ่งต่างๆ แก่หญิงงามที่ระหกระเหินมาจากเมืองหลวง

อันที่จริงซูกุ้ยฟางมิได้เต็มใจมาที่นี่ แต่เนื่องด้วยเป็นคำสั่งบิดาผู้ชี้ขาดชะตานาง คุณหนูผู้สูงศักดิ์จึงต้องกระทำตาม แต่นางยังมีไหวพริบพอ ด้วยลอบให้ฝูส่งจดหมายถึงบุรุษผู้หนึ่งเพื่อขอให้เขามาช่วยเหลือ

จวบจนชีวิตปลอดภัยจากคนมุ่งร้าย นางฝูจึงกระซิบกระซาบบอกซูกุ้ยฟาง

“คุณหนู เรารอดตายแล้วเจ้าค่ะ ผิดแต่ผู้ที่ช่วยเรากลับเป็นแม่ทัพหยางอี้คัง มิใช่องค์ชายเกาอย่างที่คาดการณ์ กระนั้นคุณหนูมิต้องกังวลใจ แม้ชายผู้นี้ร้ายกาจ อีกทั้งมีท่าทางยโสโอหังและปากเสียอยู่สักหน่อย แต่ภายภาคหน้าเขาจะช่วยเราได้ อีกทั้งตามคำทำนายของหมอดูตาบอดที่กล่าวเอาไว้ บ่าวจำได้ว่าปั้นปลายชีวิตคุณหนูจะได้เป็นฮูหยินใหญ่ของชายชาตินักรบ เมื่อตบแต่งกันแล้วคุณหนูจะให้กำเนิดลูกชายหัวปีท้ายปี อยู่ครองรักกับชายที่คู่ควรอย่างมีความสุขชั่วชีวิต”

หญิงสาวไม่ได้เอ่ยถ้อยคำใดตอบกลับ หรือแสดงอาการยินดียินร้าย ซูกุ้ยฟางปวดศีรษะจนแทบระเบิด ขณะอยู่ในรถม้ามีโจรโพกผ้าดำหลายสิบชีวิตหวังจะชิงตัวนาง เนื่องจากซูกุ้ยฟางถูกส่งตัวมาขายยังตลาดค้ามนุษย์ที่เปิดขึ้นอย่างเสรี ผิดแต่ค่าตัวนางต่ำเตี่ยเรี่ยดินจนน่าฉงน ด้วยมีราคาเทียบเท่ากับบ๊ะจ่างหนึ่งลูก!

สาเหตุเป็นเพราะนางไม่เป็นที่โปรดปรานของชาย ซึ่งบิดาต้องการยกให้เพื่อชดใช้หนี้พนันหลายแสนตำลึง ฝ่ายนั้นต้องการแก้แค้นสกุลซูให้สาสมกับโทษฐานที่กล้าหลอกลวงสับเปลี่ยนของกำนัล จากเคยตกลงกันไว้ว่าคนที่ต้องเดินทางไปยังคฤหาสน์เจ้าบ้านเอี้ยคือลูกชายคนโต ซูมู่เหยา แต่กลับกลายเป็นส่งลูกสาวคนเล็กอย่างซูกุ้ยฟางมาแทน ถึงนางจะงามล่มเมืองหาผู้ใดเทียบ แต่เจ้าบ้านเอี้ยเติ้งฉวนมิได้แยแสสักนิด ด้วยเขาหาได้นิยมชมชอบสตรี!

เมื่อเจ้าบ้านเอี้ยสืบรู้ว่าผู้ใดอยู่ในรถม้า จึงสั่งให้ลูกน้องจับตัวซูกุ้ยฟางและนางฝูไปขายยังตลาด พร้อมให้สวมใส่ชุดเจ้าสาวสีแดงเพลิงงดงาม ประดับเนื้อตัวด้วยเครื่องทองปลอมและปิ่นปักไม้ราคาถูก อีกทั้งเขียนข้อความเหยียดหยามว่าตระกูลซูขายลูกสาวกิน

เมื่อซูกุ้ยฟางถูกจับไปอยู่ในลานซื้อขายทางตอนใต้ของเมืองไคหนาน จึงมีทั้งตัวแทนจากหอคณิกาและชายหนุ่มมากหน้าหลายตาต้องการตัวนาง แม้กระทั่งขอทานยังพยายามรวมรวบเศษเงินเพื่อซื้อหญิงสาว จนก่อเกิดเหตุชุลมุนหวิดเหยียบกันตาย

ซึ่งสุดท้ายชายที่ช่วยให้หญิงงามรอดพ้นจากการตกไปเป็นภรรยาของเหล่าชายหื่นกามและกักขฬะก็คือแม่ทัพหยาง ซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้รับความดีความชอบในการชนะศึกสงครามหลายหนทั่วแผ่นดินกว้างใหญ่ และเขาขอรับรางวัลด้วยการใช้ชีวิตอย่างสันโดษที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้ ฮ่องเต้จึงประทานรางวัลให้ตามความต้องการ

กระนั้นยามใดที่บ้านเมืองมีเหตุร้าย หรือเมืองชายแดนมีศึกสำคัญ แม่ทัพหนุ่มก็ได้รับความไว้วางใจให้จัดการปัญหาต่างๆ อยู่เนืองๆ

หยางอี้คังเป็นบุรุษที่งามสง่าสมชายชาตรี เขามีผิวสีน้ำผึ้งเข้ม ผู้ใดพบเห็นต่างนิยมชมชอบ ผิดแต่เขามีอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย ค่อนข้างถือตัว ดังนั้นตั้งแต่มาพำนักที่เรือนรับรองตระกูลหยางในเมืองไคหนาน จึงยังไม่มีหญิงสาวนางใดได้รับตำแหน่งฮูหยิน หรือแม้แต่เมียบ่าว กระนั้นก็มีข่าวซุบซิบว่าชายหนุ่มมักไปสำนักโคมเขียวในยามวิกาล เพื่อปลดปล่อยความหนุ่มแน่นอยู่เสมอ

เมื่อหยางอี้คังซื้อตัวซูกุ้ยฟางสำเร็จ เขาจึงลงนามทำหนังสือครอบครองนาง เป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน และตามข้อตกลง หลังจากครบกำหนด หากอยากขายต่อหรือส่งไปเป็นทาสใช้งานหรือบำเรอกามที่ใดก็ตามแต่ผู้ที่ซื้อขายนางพึงประสงค์

แต่สัจจะย่อมไม่มีในหมู่โจร เมื่อซูกุ้ยฟางมีค่าตัวถูกแสนถูก จึงเกิดการแก่งแย่งชิงตัวจากผู้อยากครอบครองนาง

ระหว่างที่หยางอี้คังแวะพบคนที่นัดหมาย ณ เนินเขานิรนาม ได้เกิดเหตุดักชิงตัวซูกุ้ยฟาง แต่หยางอี้คังผู้เก่งกาจสามารถรับมือคนเดียวได้อย่างสบาย ถึงอย่างนั้นซูกุ้ยฟางยังถูกลากถูกจับโยนไปมาเพื่อหลบกลุ่มคนร้ายจนวิงเวียนศีรษะและหน้ามืด ก่อนตบท้ายด้วยการที่ศีรษะของนางฟาดหินก้อนใหญ่จนสลบเหมือด โชคดีที่มันไม่แตก ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้วิญญาณจากโลกปัจจุบันซึ่งกำลังกินบ๊ะจ่าง ก่อนจะสำลักเม็ดถั่วลิสงกับแปะก๊วยทะลุมิติมาอาศัยเรือนกายของหญิงงามล่มเมืองผู้นี้!!

บทถัดไป