บทที่ 12 อุ่นเตียงเป็นหรือไม่
สายลมพัดผ่านกายให้สบายตัว แต่แทนที่หยางอี้คังจะมีความสำราญใจ เขากลับถอนหายใจหนักๆ หลายหน ตอนนี้ชายหนุ่มมีความคิดมากมายหมุนวนในหัว
สำหรับซูกุ้ยฟาง นางไม่อยากให้เรื่องราวต้องเปลี่ยนไปมากกว่านี้ แปดบรรทัดที่นางจำได้คือ ชายผู้นี้แต่งงานกับสตรีที่เขาช่วยจากการถูกซื้อขายในตลาด เป็นสตรีที่ทำให้เขามีลูกหลานสืบสกุล และในอนาคตจะได้ลูกชายหัวปีและท้ายปี โดยคนโตจะเป็นหมอยาผู้ยิ่งใหญ่ช่วยเหลือคนทั่วหล้า ส่วนคนรองเป็นแม่ทัพประจำแคว้นเจ้าแทนบิดา ทั้งห้าวหาญและกล้าแกร่ง แล้วถ้าหากเขาได้อุ่นเตียงกับม่านลั่วลั่ว หญิงงามที่เข้ามาอยู่ในสกุลอย่างถูกต้อง ซูกุ้ยฟางจะต้องระเห็จไปอยู่ที่ใด คิดได้ดังนั้นนางคงต้องงัดทุกวิถีทางเพื่อกุมหัวใจและร่างกายของหยางอี้คัง และนางต้องเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งในเรือนหลังงามนี้
“หากท่านแม่ทัพต้องการผ่อนคลาย ผู้น้อยจะช่วยปรนนิบัติ”
“อุ่นเตียงเช่นนั้นรึ” เขาถามอย่างเปิดเผย
ดวงตาคู่สวยหวานของซูกุ้ยฟางเบิกโต แสร้งทำกิริยาขัดเขิน
“หามิได้...ยามนี้หากขึ้นเตียงคงไม่งาม แต่มีสิ่งสำราญอื่นที่กุ้ยฟางอยากช่วยท่านแม่ทัพ”
“เยี่ยงไร จงบอกข้าให้รับรู้”
ชายหนุ่มยิ้มหล่อเหลาให้หญิงสาว ยามนั้นหัวใจซูกุ้ยฟางแทบกระโจนออกมานอกอก นางนอนร่วมเตียงแม่ทัพหยางมาหลายคืน แต่ไม่ได้มีสิ่งใดลึกซึ้ง ถ้าครั้งแรกนี้จะมีความสัมพันธ์แสนวิเศษที่ไม่ใช่บนเตียง นางก็เห็นว่ามันย่อมเป็นเรื่องชวนให้หวามใจโดยแท้
ณ ห้องอาบน้ำของเรือนหลังงาม ตรงกลางมีถังอาบน้ำไม้ขนาดใหญ่ สามารถลงไปแช่ตัวได้สองคนอย่างสบาย ซูกุ้ยฟางจัดเตรียมทั้งเครื่องหอม ดอกไม้โรยไว้บนผิวน้ำ และนางยังเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหลือน้อยชิ้นกว่าเดิม
หยางอี้คังสวมเพียงกางเกงขาสั้น และมีซูกุ้ยฟางคอยปรนนิบัติใกล้ๆ
“ผู้น้อยช่วยถูหลังให้ท่านและบีบนวดดีไหมเจ้าคะ”
“เกรงว่าเจ้าจะปวดเมื่อยตัวเสียเปล่าๆ รู้หรือไม่ข้าหนังหนามาก”
เขาเอ่ยเสียงเข้มกว่าปกติสักหน่อย เพราะสงสัยว่าเหตุใดซูกุ้ยฟางถึงยังแสดงปาหี่ได้เก่งถึงเพียงนี้ นางเป็นจิ้งจอกน้อยจอมเจ้าเล่ห์ หรือว่าสติที่มีถูกลบเลือนไปจริงๆ กระนั้นในส่วนลึกเขาพออ่านจิตใจนางได้ สตรีผู้นี้อยากให้เขาข่มเหง เพื่อหวังมีบุตรชายหัวปีท้ายปี และนั่นจึงเป็นเหตุให้เขาฝืนใจอุ่นเตียงกับนางไม่ลง กระนั้นเลือดในกายเขากลับพลุ่งพล่านอย่างหนัก ผิดจากทุกครั้งที่เขาเคยอดกลั้นได้
ดวงตาคมลอบมองหน้าอกหน้าใจของหญิงสาวที่ล่อตาล่อใจเหลือเกิน และยามนี้แท่งหยกเขาแข็งขัน หากผิดที่เขายังไม่ต้องการข่มเหงจิตใจนาง ด้วยล่วงรู้ว่าซูกุ้ยฟางตั้งใจใช้เล่ห์กลหลอกล่อเขา เพื่อหวังเพียงร่วมหลับนอน และคงใช้เรื่องนี้เป็นข้อต่อรองเลื่อนขั้นนางจากหญิงบำเรอเป็นภรรยาในภายภาคหน้า
“มิได้ หน้าที่ของกุ้ยฟางคือรับใช้ผู้เป็นสามี” หญิงสาวว่าแล้วก็อายม้วน พยายามหลบสายตาคมๆ ของอีกฝ่าย และสายตานางพลันได้เห็นรอยแผลเป็นที่แผ่นหลังเขา มองแล้วจึงนึกกลัวจับจิต
“แผลของท่าน!”
ซูกุ้ยฟางหลุดปากออกไป ยามนั้นเกิดความเงียบครอบงำในห้องอาบน้ำ
เสียงถอนหายใจแรงๆ ดังขึ้นอีกหน คราวนี้ซูกุ้ยฟางจับสัญญาณความเครียดได้
“ผู้น้อยขออภัยที่กล่าวเรื่องไม่สมควร”
“เยี่ยงนั้นรึ เจ้าแสร้งทำราวกับไม่ล่วงรู้ว่าแผลของข้าได้มาอย่างไร”
“หามิได้ ผู้น้อยคาดว่าคงเกิดจากการทำศึกสงคราม”
“ฮ่าๆๆ ข้าอาจมิเก่งกาจได้ฉายาว่าเป็นเทพสงครามแห่งแคว้นเจ้า แต่มีฝีมือนั้นพอตัว ไม่เคยได้รับบาดเจ็บหนักเจียนตายสักครั้ง ยกเว้นก็แต่เมื่อสิบกว่าปีก่อน ที่ถูกคนในตระกูลใหญ่ลงโทษอย่างไม่ยุติธรรม!”
ซูกุ้ยฟางได้ยินแล้วจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง นางไม่อยากให้บรรยากาศหอมหวานเปลี่ยนเป็นตึงเครียด
“ท่านแม่ทัพ ดื่มน้ำผึ้งเพื่อให้ชุ่มคอและผ่อนคลายดีไหมเจ้าคะ และยังมีของว่างที่ท่านชอบด้วย ทั้งเมล็ดถั่ว องุ่นแห้ง และแป้งจี่”
“ไม่ละ ข้ารู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่เจ้ายกของว่างและน้ำชามาให้ดื่มเมื่อครู่”
หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นพลันเหงื่อแตกด้วยกลัวความผิดที่ตนกระทำ
“ถ้าอย่างนั้นท่านแม่ทัพให้ผู้น้อยช่วยทำให้สบายเนื้อสบายตัวเถิดเจ้าค่ะ” นางกล่าวแล้วจึงบีบนวดหัวไหล่เขาและขับร้องเพลงไปด้วย
สตรีที่มาจากตระกูลคหบดีขับกล่อมเพลงหวานหูให้แม่ทัพหนุ่มฟังอย่างสำราญใจ จนเขาถึงกับเคลิบเคลิ้ม อยากจับนางกดและข่มเหงให้สาสมใจ
“เจ้าช่างเป็นสตรีที่น่ามองอย่างไม่รู้เบื่อ”
“ผู้น้อยอยากเป็นเช่นนั้น สตรีที่ท่านแม่ทัพมองด้วยสายตาหวานซึ้ง” ซูกุ้ยฟางหว่านเสน่ห์เต็มที่ พอช่วยถูแผ่นหลังกว้างนางก็ทำมือซุกซนเอื้อมไปข้างหน้า แสร้งทำทีเผลอลูบแผงหน้าอกแน่นๆ ของเขา
“เจ้ากำลังกระทำสิ่งใด”
“คือ...อยากช่วยท่านแม่ทัพล้างเนื้อล้างตัว”
“แล้วอยู่ข้างนอกเช่นนั้นจะดีหรือ ลงมาอยู่ในอ่างด้วยกันกับข้าน่าจะสะดวกกว่า” เขาเอ่ยแล้วจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
ในห้วงเวลานั้นซูกุ้ยฟางตะลึงพรึงเพริด ถึงจะเห็นเขาเปลือยกายบ่อยครั้ง แต่ในช่วงเวลาเช่นนี้ที่นางเองเริ่มมีอารมณ์หวามไหว จึงช่วยไม่ได้ที่จะมือไม้อ่อนและร่างกายร้อนรุ่มไปหมด
“อะ อุ๊ย ว้าย...ทะ ท่านแม่ทัพ”
ภาพต่อมาคือซูกุ้ยฟางเข้าไปอยู่ในอ่างอาบน้ำกับหยางอี้คัง และหน้าอกหน้าใจนางสัมผัสเข้ากายแกร่งซึ่งอุ่นจัด
“นี่เป็นแผนของเจ้ารึ นางจิ้งจอกน้อย”
“โอ้ ไฉนท่านแม่ทัพกล่าวหาข้าเช่นนี้”
“ฮ่าๆๆ ข้าไม่เคยเห็นสตรีนางใดกล้าหาญและเจ้าเล่ห์เช่นเจ้า”
“ท่านแม่ทัพ!”
“จะอาบน้ำกับข้าหรือว่าแค่อยากกอดกันอยู่อย่างนี้”
เมื่อถูกเขาเตือน นางจึงค่อยๆ ขยับตัวห่างจากกายแกร่ง หากมิวายทิ้งหางตาคอยชำเลืองมองเขา
“เจ้ามีกลวิธีใดที่จะช่วยทำให้ข้าผ่อนคลาย วานบอก”
“เมื่อครู่ผู้น้อยนวดให้ท่านแล้ว ต่อจากนี้เห็นจะเป็นการใช้วารีบำบัด”
