บทที่ 2 Prologue [2]
“โหมดแก้ววว”
ว่าแล้วก็ยกแก้วเหล้าขึ้นกลางอากาศอีกรอบ
“เฮ้ยๆๆ ตกลงแกจะกินหรือแกจะอาบ เลอะเทอะ”
สุดท้ายฉันก็โดนป้าคะน้าหันมาเอ็ดใส่เพราะทำเหล้าหก มันแย่งแก้วเหล้าไปจากมือของฉันอีกต่างหาก วางกระแทกลงบนโต๊ะกระจกเสียแรง ถ้ามันทำโต๊ะเขาแตกขึ้นมาฉันจะให้มันจ่าย
โอ๊ย ไม่น่าชวนมันมาเลย รู้งี้น่าปล่อยให้มันนอนสมาธิอยู่ที่หอคนเดียวเสียก็ดี
“เอาเหล้ามา!” ฉันแหวเสียงดังแล้วเอื้อมมือไปคว้าแก้วเหล้าคืน แต่กลับถูกมันตีมือเสียงดังเพี้ยะจนต้องดึงมือกลับ
“พอได้แล้วยัยเพิร์ล แกเมาจนไม่มีสติแล้วนะ”
“แกชื่อคะน้า มีฉายาว่าป้าเพราะชอบบ่นตั้งแต่เรื่องผมแตกปลายยันปัญหาเศรษฐกิจโลก งานหลักคืออ่านหนังสือเตรียมตัวสอบตลอดเวลาทั้งที่เพิ่งจะเปิดเทอมวันแรก ส่วนงานอดิเรกคือสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน แต่ชอบทำเหมือนไม่รู้อะไรเลย พอฉันบอกใครๆ ว่ารู้มาจากแกก็ไม่มีใครเชื่อเพราะหน้าตาแกเรียบร้อยดูไม่มีพิษภัยทั้งที่แกนี่แหละตัวดี” ฉันหันไปชี้หน้ายัยคะน้าพร้อมบรรยายสรรพคุณ วนปลายนิ้วเป็นวงกลมรอบหน้ากลมๆ ของมันไปเรื่อยๆ เพื่อยืนยันว่าฉันยังพอมีสติอยู่บ้าง พูดจบแล้วก็รีบฉวยโอกาสที่ทุกคนกำลังมองตามปลายนิ้วของฉัน แย่งแก้วเหล้ามาจากมือของยัยตังเมที่นั่งอยู่ข้างๆ ยกขึ้นดื่มจนหมดแล้วยิ้มอย่างผู้ชนะ
ทุกคนพากันหัวเราะครืนยกเว้นป้าคะน้าที่เพิ่งจะโดนฉันเผาไปเมื่อครู่ แต่ก็เพราะมันขี้บ่นจริงๆ นี่นา
“เออๆ งั้นแกอยากทำอะไรก็ตามใจแกก็แล้วกัน แต่ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ฉันไม่ช่วยนะ”
“รู้น่า อีกอย่างคืนนี้ฉันไม่ได้ขับรถมาเอง เดี๋ยวเกาะยัยซาหริ่มกับเต้กลับ เพราะฉะนั้นแกไม่ต้องกลัวว่าฉันจะเมาจนขับรถไปชนใครทั้งนั้น จุ๊บๆ”
พูดจบฉันก็ยื่นหน้าไปจุ๊บแก้มยัยคะน้าทีหนึ่งแต่ถูกมันผลักหัวทิ่มกลับมา เห็นมันยกมือขึ้นถูแก้มแรงๆ ด้วยท่าทางรังเกียจแล้วหมั่นไส้ ทีลูกอมจูปาจุ๊บที่ฉันอมอยู่คาปากมันยังแย่งไปอมต่อได้เลย ไหงแค่หอมแก้มแค่นี้มันทำทีรังเกียจ
“นี่ๆๆ พวกแกช่วยฉันดูหน่อยสิวะว่านั่นใช่ยัยพลอยร้อยลีลารึเปล่า” ยัยตังเมกวักมือเรียกพวกเราสุมหัว
ฉายาที่ได้ยินทำต่อมสาระแนของฉันตื่นตัว รีบสอดส่ายสายตามองไปรอบตัวเพื่อมองหาเป้าหมาย
เจอแล้ว ยัยผู้หญิงรูปร่างแบบบางคนนั้นนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อน ถัดจากโต๊ะของกลุ่มฉันไปสี่ห้าโต๊ะนี่เอง
“ใช่ๆๆ มากับใครวะ ใช่มังกรรึเปล่า” ยัยซาหริ่มทำเสียงกระซิบกระซาบด้วยความสอดรู้สอดเห็น
“ไม่เห็นว่ะ แต่เหมือนจะไม่มีผู้ชายมาด้วยเลยนะ กลุ่มนั้นมีแต่ผู้หญิง”
“เขาเลิกกันแล้ว จะมาด้วยกันได้ยังไงล่ะ” ป้าคะน้าพูดขึ้นมาลอยๆ ขนาดมันแค่พูดเฉยๆ ยังฟังเหมือนเสียงบ่นเลย คิดดูสิ
เชื่อหรือยังว่าถึงมันจะชอบทำตัวเหมือนคนแก่ถือศีล แต่เรื่องนินทาชาวบ้านนี่มันยืนหนึ่งมาตลอดเลยนะ ฉันรับรองว่าไม่มีใครเอามันลงแน่นอน
“เออว่ะ จริงของป้า โดนตบตีขนาดนั้น ไม่เลิกก็เกินไป คนอะไรจะทนมือทนตีนขนาดนั้น”
สรุปว่าตอนนี้เรื่องของยัยพลอยดึงความสนใจของทุกคนไปจากเรื่องของฉันแล้ว
ฉันที่กำลังรู้สึกมึนๆ หัวได้แต่นั่งฟังยัยพวกนั้นซุบซิบกัน จริงๆ อยากจะร่วมวงกับพวกมันเหมือนกันแต่พูดไม่ทัน ตอนนี้สมองของฉันประมวลผลช้ากว่าปกติ กว่าจะพูดอะไรแต่ละอย่าง คนอื่นก็แย่งพูดกันไปหมดแล้ว
พอนึกถึงเรื่องของยัยพลอยขึ้นมาแล้วฉันก็แอบรู้สึกสงสารยัยนั่นอยู่เหมือนกัน ต่อให้จะไม่ชอบขี้หน้ายัยนั่นเท่าไรก็เถอะ
เรื่องมันมีอยู่ว่าก่อนหน้านี้ยัยพลอยคบกับแฟนหนุ่มที่ชื่อมังกร แต่เมื่อเดือนก่อนก็คลิปที่ยัยนั่นทะเลาะกับเขาถูกแชร์ไปทั่ว เท่าที่ฉันเห็นในคลิปก็คือยัยพลอยกำลังถูกฝ่ายชายกระชากไปที่รถ หวีดร้องเสียงดังลั่น หนำซ้ำบนใบหน้ามีแต่รอยฟกช้ำ หลังจากที่คลิปนั้นถูกแชร์จนโด่งดัง ทั้งคู่ก็หายหน้าหายไปตาไปเกือบสองอาทิตย์ เพิ่งจะกลับมาเรียนเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ก็น่าจะเลิกลากันแล้วอย่างที่ยัยคะน้าบอก
“ยัยเพิร์ลๆ”
“อารายยย”
“ยัยบ้าเอ๊ย เผลอแป๊บเดียวแกกินหมดแก้วอีกแล้วเหรอ” ป้าคะน้าโวยวายพลางดึงขวดเหล้าออกจากมือ โอ้โห แล้วเอาไปวางซะไกลเลย อะไรวะ เงินฉันก็เป็นคนจ่าย
“เอาเหล้ามา...”
“เรื่องเหล้าเอาไว้ก่อนได้มั้ยล่ะ เมื่อกี้เหมือนฉันจะเห็นว่ายัยพลอยกำลังมองมาหาแก นั่นไงๆ ลุกมาแล้วด้วย” ยัยซาหริ่มนิวส์รายงานต่อ
“มองเพราะฉันสวยกว่าอ่ะดิ” ฉันพูดพลางยิ้มเยาะ พูดจบยัยพลอยก็เดินมาถึงโต๊ะ คงเจตนาจะมาหาเรื่องฉันเพราะสายตาดูเว้าวอนอย่างนั้น
ก็มองหน้ากวนตีนแบบนี้แล้วจะให้ฉันรู้สึกถูกชะตาด้วยได้ยังไง ทุกคนเป็นพยานนะว่าฉันไม่ได้หาเรื่องก่อน ถึงจะเมาแต่ฉันก็เมาอยู่ในที่ของฉัน
“หวัดดีเพิร์ล”
ทำมาเป็นทัก ชิ! ผีเข้าหรือว่าโดนซ้อมจนสมองบวมไปแล้วก็ไม่รู้
“ไหว้พระเถอะพลอย” ฉันกรีดยิ้มใส่อย่างตั้งใจจะยั่วโมโห
“ฉันได้ข่าวว่าเธอเลิกกับพี่พอร์ชแล้วเหรอ”
ปากน่าตอกด้วยส้นรองเท้า
“ทำไมเลิกกันเร็วนักล่ะ วันก่อนยังเห็นควงกันไปดูหนังอยู่เลย”
เฮ้อ เข้าใจรึยังว่าทำไมฉันถึงเกลียด
