บทที่ 3 Prologue [3]
“ทำไมเลิกกันเร็วนักล่ะ วันก่อนยังเห็นควงกันไปดูหนังอยู่เลย”
เฮ้อ เข้าใจรึยังว่าทำไมฉันถึงเกลียด
“สะ...อุ้บส์”
“ซาหริ่ม ยัยเพิร์ลมันจะเรียกยัยซาหริ่มน่ะ” ป้าคะน้าหันมาตะครุบปากฉันเอาไว้ก่อนจะแก้ต่างออกไป แต่ฉันไม่ได้จะเรียกยัยซาหริ่มสักหน่อย ฉันจะไปเรียกมันทำไม ฉันตั้งใจจะด่ายัยพลอยต่างหาก
“แปลว่าเรื่องที่ฉันได้ยินมาก็จริงสินะเนี่ย”
“เธอได้ยินอะไรมา” ยัยตังเมรีบถาม (แทน)
“เรื่องพี่พอร์ชกับพี่แจมน่ะ ตอนแรกฉันยังไม่ปักใจเชื่อเท่าไร แต่เห็นเพิร์ลเมาเหมือนหมาแบบนี้ก็คิดว่าชัวร์แหละเนอะ แย่หน่อยนะเพิร์ล ตัวจริงเขาสวยกว่า เราก็ต้องยอม”
“อี...” ฉันขยับจะอ้าปากด่าอีกรอบ แต่ก็ยังไม่วายถูกป้าคะน้าห้ามเอาไว้อยู่ดี สรุปว่ายัยนี่อยู่ข้างใครกันแน่
“เธอคงจะมีดวงพิฆาตของรักแบบที่ฉันได้ยินมาจริงๆ สินะ ทางที่ดีฉันว่าเธอควรรีบหาทางแก้เคล็ดหน่อยจะดีกว่า นี่ก็เรียนใกล้จบแล้ว ขืนชักช้ากว่านี้มีหวัง ขึ้น-คาน แหงๆ” ยัยพลอยแสยะยิ้มได้หน้าลุกไปถีบสักที
คำว่าขึ้นคานที่ยัยนั่นตั้งใจเน้นทำฉันหัวร้อน จากที่มึนๆ ก็แทบจะสร่างเมาทันที ในอกนี่เดือดปุดๆ เหมือนถูกดูด่าว่าขี้เหร่ไม่มีผิด
“ถ้ามีแล้วโดนซ้อม ฉันว่านั่งสวยๆ อยู่บนคานมันก็สบายดีนะพลอย” ฉันขยี้ปมกลับไปบ้าง พูดจบก็เห็นว่าใบหน้าสวยหวานของยัยพลอยเรียบตึงขึ้นมาภายในเสี้ยววินาที เห็นแล้วอยากจะขำ นี่ฉันกำลังช่วยยัยนั่นประหยัดค่าโบท็อกซ์เลยนะ เห็นความดีความชอบกันหน่อยเถอะ
ยัยคะน้ากับยัยตังเมพากันกระตุกแขนฉันไม่หยุด แต่ใครใช้ให้ยัยนั่นมาหาเรื่องฉันก่อนล่ะ ต่างคนต่างอยู่ดีๆ ทำไม่เป็นหรือไง ตัวเองปาก้อนหินใส่คนอื่นแล้วคิดว่าคนอื่นเขาจะยื่นช่อดอกไม้ให้หรือไง ฉันไม่ใช่คนใจดีอย่างยัยคะน้าหรอกนะ
“อี...”
“ฉันชื่อเพิร์ล เรียกให้ถูกด้วยนะ...อีพลอย!” ฉันยื่นหน้ายื่นตาใส่ ดึงมือป้าคะน้าที่คอยแต่จะรั้งฉันไว้เพราะกลัวฉันจะก่อเรื่องออก
พอสะบัดมือยัยคะน้าพ้นตัวแล้วก็รีบลุกขึ้นยืน ใช้สายตามองเหยียดใส่ยัยพลอยตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ซึ่งยัยนั่นก็คงหน้าชาไปตั้งแต่ถูกฉันพูดจี้ปมเรื่องมังกรไปแล้วนั่นแหละ แต่บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้เป็นคนเริ่ม ถ้ายัยนี่ไม่หันมากัดฉันก่อน มันก็ไม่มีเรื่องหรอก แต่นี่เหมือนตั้งใจจะเดินมาหาเรื่องฉัน แล้วจะมาตีหน้าเศร้า รับบทเหยื่อใส่ฉันทำไม
“อีเพิร์ล”
“มีอะไร อีพลอย”
“อี...”
“พลอยอย่า ไปเหอะน่า ไปๆๆ”
สุดท้ายพอเพื่อนของยัยพลอยเห็นว่าท่าไม่ดี หรือก็คือมีแนวโน้มว่าจะแพ้ ก็รีบพากันลากตัวออกไป
บ้าฉิบ! เดินมาหาเรื่องเขาก็แล้วเผ่นไปง่ายๆ ปอดแหกชะมัด เมื่อครู่ถ้าไม่ถูกป้าคะน้าคอยห้าม ฉันคงกรี๊ดใส่หน้าตั้งแต่ที่กล้าบอกว่าฉันจะขึ้นคานแล้ว
หลังจากที่ยัยพลอยถูกเพื่อนลากกลับไป ก็ได้เวลาที่ฉันจะกลับมาคิดบัญชีกับพวกมันทีละคน ไม่รู้ว่าใครตัวไหนมันกล้าเอาเรื่องที่ฉันมีดวงพิฆาตของรักไปพูด เรื่องนี้ไม่น่าจะมีคนอื่นรู้นอกจากพวกมัน
“ฉันเอง”
“ยัยป้าคะน้า!”
มันอีกแล้ว!!!
“ฉันด้วยๆ อย่าไปโทษยัยคะน้าคนเดียว วันก่อนฉันคุยกับมันในห้องน้ำแล้วยัยพลอยดันได้ยินเข้าน่ะ” ยัยซาหริ่มรับสารภาพเสียงอ่อย บ้าเอ๊ย นี่พวกมันเอาเรื่องที่หมอดูทักว่าฉันมีดวงพิฆาตของรักไปพูดในที่สาธารณะได้ยังไง
เรื่องของเรื่องก็คือก่อนหน้านี้พวกเราไปดูดวงกันมาน่ะ สำนักนี้ยัยซาหริ่มเป็นคนเช็กรีวิวและเอาหัวเป็นประกันว่าแม่นมากๆ จองคิวและรอนานเกือบสองเดือนกว่าจะได้ดู ซึ่งปกติแล้วฉันเป็นคนไม่เชื่อเรื่องดวงสักเท่าไร แต่เพราะถูกพวกมันลากไปก็เลยตกกระไดพลอยโจน และก็เหมือนจะถึงคราวซวยเมื่อฉันดันเป็นคนเดียวที่ถูกทักว่าช่วงนี้ดวงไม่ค่อยดีโดยเฉพาะเรื่องความรัก
จำได้ว่าวันนั้นหมอดูทักว่าฉันเกิดมาพร้อมกับดวงพิฆาตของรัก ไม่ว่าจะแอบชอบใคร ถ้าไม่ถูกเขาปฏิเสธก็จะมีอันต้องผลัดพรากจากกันก่อนเสมอ หรือถ้าจะได้คบใคร คนคนนั้นก็จะไม่จริงใจกับฉัน ซึ่งอย่างที่บอกว่าปกติแล้วฉันไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้ แต่พอเจอกับตัวหลายๆ ครั้งเข้ามันก็อดจะคิดไม่ได้
