บทที่ 2 2

“เอ่อ ขอโทษค่ะ” เวทิกาเพิ่งได้สติ จึงรีบนั่งลงตรงข้ามหมอทันที พยายามปลอบใจตัวเองว่า ถึงหมอท่านนี้จะยังหนุ่มและหน้าตาดีแค่ไหนก็ไม่ต้องใส่ใจอะไร เพราะแค่ก้าวออกจากห้องตรวจไป เขาก็จำหน้าเธอไม่ได้แล้ว และก็คงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกตลอดชีวิต

“ไม่เป็นไร ว่าแต่คนไข้อาการเป็นยังไงครับ” อัคคีพยายามทำตัวปกติ พร้อมกับเอ่ยถามเหมือนที่ถามคนไข้คนอื่นๆ แววตาของหญิงสาวตรงหน้าดูสั่นระริกเหมือนคนที่กำลังตื่นกลัวอะไรบางอย่างอยู่ นั่นยิ่งทำให้เขาอยากจะรู้ว่าเธอกำลังมีปัญหาอะไรกันแน่

“เอ่อ คือว่าดิฉันอยากจะขอให้คุณหมอช่วยตรวจความบริสุทธิ์ให้ดิฉันค่ะ” เวทิการีบพูด เพื่อให้เรื่องราวได้ผ่านพ้นไปเร็วๆ

“ตรวจพรหมจรรย์? ขออนุญาตถามตรงๆ คุณเจอเรื่องหรือเหตุการณ์อะไรมาก่อนหน้านี้หรือเปล่าครับ” ประโยคนั้นทำเอาอัคคีถึงกับคิ้วขมวด เขาไม่เข้าใจว่า เหตุใดหญิงสาวหน้าตาดีตรงหน้าจึงมาหาหมอเพื่อขอผลตรวจยืนยันความบริสุทธิ์เช่นนี้ ทั้งที่เจ้าตัวควรจะเป็นผู้ที่รู้ดีกว่าใคร

“เอ่อ ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้เจอเรื่องแบบที่หมอคิด เพียงแต่ว่า...ฉันจำเป็นต้องใช้ผลตรวจจริงๆ” รู้ดีว่าหมออาจจะเข้าใจว่าเธอคงจะเจอใครรังแก หรือโดนคุกคามทางเพศมาเลยต้องการผลตรวจ แม้ว่าเวทิกายังไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนั้น แต่ต่อจากนี้ สิ่งที่เธอกำลังจะเจอก็ไม่ได้เลวร้ายน้อยไปกว่ากันสักเท่าไหร่นัก

“ถ้าอย่างนั้น หมอคงต้องถามว่าคุณจะเอาผลตรวจไปทำอะไร” หมอหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัย และในฐานะแพทย์เจ้าของไข้ เขาเองก็มีสิทธิ์ในการถามเช่นกัน

“คือว่า…”

“คุณยังไม่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์ใช่ไหมครับ” เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าทำท่าทีลังเล และไม่กล้าที่จะตอบ

“ไม่เคยค่ะ” เวทิกาตอบพร้อมกับก้มหน้าด้วยความอาย ไม่รู้ทำไมสายตาคมของหมออัคคีถึงทำให้เธอไม่กล้าแม้จะสบตาเขา โดยเฉพาะเมื่อพูดคุยเรื่องที่น่าอายเช่นนี้

“ถ้าอย่างนั้น หมอว่าก็ไม่จำเป็นต้องตรวจอะไร ในเมื่อคุณก็รู้ตัวของคุณดีอยู่แล้ว” อัคคีพูดอย่างสรุปจบง่ายๆ เขาไม่มีความจำเป็นต้องตรวจอะไรในเมื่อเรื่องแบบนี้คนที่รู้ตัวดีที่สุดก็คือเจ้าตัวเอง

“ไม่ได้นะคะ หมอต้องตรวจให้ฉัน ไม่อย่างนั้น ฉันแย่แน่” เวทิการ้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าหมออัคคีทำท่าเหมือนจะไม่ยอมทำการตรวจ และเธอไม่มีทางเสียเวลาเปล่าในการไปหาโรงพยาบาลอื่นแน่ อย่างไรเสีย วันนี้ต้องได้ผลตรวจนั้นกลับไปให้ได้

“หมอจะตรวจก็ต่อเมื่อคุณยอมบอกว่า เอาผลตรวจไปทำอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องผิดศีลธรรมอะไร หมอก็อาจจะตรวจให้ได้”

อัคคีเอ่ยถามอย่างไว้เชิง เพราะมองว่ามันแปลกที่หญิงสาวหน้าตาดี แถมบอกว่าตนเองยังบริสุทธิ์ผุดผ่องต้องการผลตรวจยืนยันความบริสุทธิ์ หากเจ้าตัวไม่ได้จะเอาไปใช้ในเรื่องคดีความ แล้วจะมีเหตุผลอะไรอีกที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบนี้จะอยากได้ผลวินิจฉัยยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง

“คือว่าฉันกำลังจะแต่งงานค่ะ” เวทิกากลั้นใจพูดออกไป เธอไม่ใช่คนชอบโกหก แต่สำหรับเรื่องนี้หากไม่ยอมโกหกออกไป หมออัคคีคงไม่ยอมตรวจให้ง่ายๆ แน่

“แต่งงาน? คนไข้อายุเท่าไหร่แล้วครับ” อัคคีเอ่ยถามอีกครั้ง ด้วยคนตรงหน้ายังดูเด็กเกินกว่าจะเข้าพิธีแต่งงานกับใครได้ แต่ถึงอย่างนั้น สมัยนี้ เด็กสาวรุ่นๆ ก็พากันแต่งงานไว มีแต่เขาที่อายุปาเข้าไปสามสิบสองปีแล้ว แต่ยังรักสนุกและไม่คิดที่จะลงเอยกับใครง่ายๆ

“ยี่สิบสองปีค่ะ แต่มันไม่สำคัญหรอกค่ะหมอ หมอช่วยตรวจให้ฉันเถอะนะคะ ไม่อย่างนั้น ฉันแย่แน่” หญิงสาวคร่ำครวญออกมา นาทีนี้ต่อให้ต้องพูดโกหกมากแค่ไหน เธอก็จะทำ เพราะตนเองก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วเหมือนกัน

“แย่? หมายความว่าไง อย่าบอกนะว่าแฟนของคุณบังคับให้มาตรวจ” ปกติไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน แต่ครั้งนี้ อัคคีจำเป็นต้องซักถามคนไข้ เพราะมันก็ถือเป็นประวัติในการรักษาคน และเขาเองก็ควรจะรู้เรื่องพวกนี้เอาไว้เพื่อปกป้องตนเอง

“เปล่าค่ะ คือว่าแม่แฟนของฉันไม่เชื่อว่าฉันยังบริสุทธิ์เลยอยากให้เอาผลตรวจไปยืนยัน ขอร้องนะคะหมอ ถ้าหมอไม่ช่วย ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง” เอ่ยด้วยน้ำตาคลอ

“ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัวของคุณ และคนที่รู้ดีสุดก็คือแฟนของคุณเอง เขาน่าจะเป็นฝ่ายปกป้องคุณมากกว่านี้”

อัคคีพูดอย่างใจ ความจริงแล้ว คนจะแต่งงานกันไม่จำเป็นต้องมาตรวจอะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะคุณค่าที่แท้จริงของผู้หญิงไม่ได้อยู่ที่พรหมจรรย์ แต่อยู่ที่จิตใจของเธอต่างหาก

หมอหนุ่มอยากจะเอ่ยออกไปเช่นนั้น แต่คิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องกงการอะไรของตนเองที่ต้องมาอบรมสั่งสอนหญิงสาวตรงหน้า แค่ทำหน้าที่ของหมอให้เสร็จสิ้นก็เพียงพอ แม้จะอดเสียดายนิดๆ ไม่ได้ก็ตาม เพราะเธอเองก็สวยถูกใจไม่น้อย หากเจอกันในสถานที่อื่น เขาอาจจะเข้าไปทำความรู้จักกับเธอในฐานะอื่น แต่นั่นก็เป็นได้เพียงแค่ความนึกคิดเท่านั้น เพราะอีกฝ่ายก็กำลังจะแต่งงานในไม่ช้า

บทก่อนหน้า
บทถัดไป