บทที่ 4 4

เวทิกาใช้เวลานั่งรอผลตรวจอยู่ครู่หนึ่ง เพียงพอให้หญิงสาวลืมความอายที่เกิดขึ้นในห้องตรวจเมื่อครู่นี้ ตอนแรก เธอแทบจะกลั้นหายใจเมื่อหมอหนุ่มเริ่มนำเครื่องมือเข้ามาในกาย ช่วงเวลายามนั้น ความรู้สึกเหมือนผ่านไปราวชั่วโมงทั้งที่จริงแล้ว หมออัคคีใช้เวลาเพียงแค่นาทีเดียวเท่านั้น

“คุณเวทิกาเชิญค่ะ”

ไม่นาน พยาบาลก็เดินมาเรียกให้เวทิกาเข้าไปที่ห้องตรวจ เพื่อฟังในสิ่งที่เธอเองก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นเช่นไร

“เชิญนั่งครับ” อัคคีพูดโดยไม่สบตาคนไข้สาวสวย

“เป็นยังไงบ้างคะหมอ เอ่อ เส้นพรหมจรรย์ฉันยังอยู่ไหมคะ” เอ่ยถามขึ้น แม้ยังรู้สึกกระดากอาย

“คุณยังบริสุทธิ์ และเส้นพรหมจรรย์ของคุณยังอยู่ปกติ แต่ต่อให้เส้นพรหมจรรย์คุณขาดไปแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่บริสุทธิ์ ข้อนี้ฝากไปแจ้งคนรักกับแม่คนรักของคุณด้วย”อดแขวะคนรักของหญิงสาวไม่ได้ เพราะหากเป็นเขาคงไม่มีทางปล่อยให้ผู้หญิงที่รักต้องมาตรวจอะไรแบบนี้อย่างแน่นอน

“ขอบคุณค่ะหมอ ถ้าอย่างนั้น ฉันขอผลตรวจเลยได้ไหมคะ” จะว่าดีใจก็ไม่สุด เพราะต่อให้ตนเองบริสุทธิ์ผุดผ่องแค่ไหน มันก็คงไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อเธอไม่ได้แม้แต่จะมีสิทธิ์มอบมันให้กับผู้ชายที่รัก

“นี่คือผลตรวจของคุณ หวังว่าพวกเขาจะเชื่อแล้วนะว่าคุณยังบริสุทธิ์” อัคคีพูดอย่างหงุดหงิดใจแทน แม้จะว่ารู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ตนควรจะเข้าไปยุ่งอะไรด้วยก็ตาม

“ขอบคุณหมอมากนะคะ ถ้าอย่างนั้น ฉันขอตัวก่อน”

เวทิการับเอกสารด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยเสียจนอัคคีสังเกตได้ แต่หมอหนุ่มก็เลือกที่จะไม่เอ่ยถามอะไรออกไป เพราะตอนนี้หน้าที่ของตนเองได้จบสิ้นแล้ว หญิงสาวตรงหน้าก็แค่คนไข้เหมือนคนไข้คนอื่นๆ ที่มาพบหมอและก็กลับบ้านไป ที่สำคัญ เวทิกาคนนี้กำลังจะแต่งงาน และเขาก็คงไม่มีโอกาสได้สานสัมพันธ์อะไรกับเธอต่ออีก

“ขอให้คุณโชดดี อ้อ แต่ผมจะเตือนไว้อย่างหนึ่งว่า ผู้ชายถ้ามันมีความเป็นสุภาพบุรุษมากพอคงไม่ปล่อยให้คุณมาทำอะไรบ้าๆ แบบนี้คนเดียว เส้นพรหมจรรย์ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้ชีวิตคู่อยู่กันตลอดรอดฝั่ง เชื่อผมสิ” อัคคีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง อดสงสารหญิงสาวไม่ได้ที่ต้องมาทำเรื่องแบบนี้ เธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์ก็เท่ากับว่าเขาเองได้เห็นได้สัมผัสในสิ่งที่เจ้าบ่าวควรจะได้เห็นเป็นครั้งแรก แต่ในเมื่อเวทิกาเลือกเส้นทางเดินของตนเองแล้ว เขาเองก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปห้าม

“ค่ะ ขอบคุณหมออีกครั้งนะคะ” แม้ในใจจะรู้สึกผิดที่ต้องโกหกออกไป แต่เวทิกาก็อดประทับใจหมออัคคีไม่ได้ที่เขายังคงสอนและเอ่ยเตือน หากครั้งหน้าได้เจอกัน เธอคงจะทำดีกับหมอหนุ่มให้สมกับความหวังดีที่เขามีให้เธอ

จากนั้น หญิงสาวจึงเดินออกจากห้องไปและเตรียมที่จะต้องเผชิญความเป็นจริงข้างหน้า แม้เธอจะไม่อยากเผชิญกับมันก็ตาม

หมอหนุ่มนั่งมองร่างบางที่เพิ่งเดินออกไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เขาไม่อยากจะเชื่อว่าคำว่า ‘รักแรกพบ’ มีอยู่จริง ไม่สิ...ต้องบอกว่าถูกใจแรกพบต่างหาก เพราะคนอย่างหมออัคคีคงไม่มีวันตกหลุมรักผู้หญิงคนไหนง่ายๆ

ที่ผ่านมาตลอดช่วงอายุถึงตอนนี้ อัคคีแทบไม่เคยคบหาใครจริงๆ จังๆ แต่ด้วยความเป็นนายแพทย์หนุ่มไฟแรง แน่นอนว่าสาวๆ ต่างก็พากันถวายตัวให้ และมีหรือที่เขาจะไม่รับไว้ ชายหนุ่มไม่เคยเรียกร้องหรือมองหารักแท้ เพราะรู้ดีว่าความรักคือเรื่องของคนอ่อนแอที่กลัวการอยู่คนเดียวเท่านั้น แต่เขาไม่ใช่คนแบบนั้น และจะต้องไม่เอาตัวเองไปพัวพันกับเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุมของสมองอย่างแน่นอน

ติ๊ดๆ ๆ

เสียงโทรศัพท์เข้าทำให้อัคคีตื่นจากภวังค์ แล้วก้มมองโทรศัพท์มือถือตรงหน้าก่อนจะขมวดคิ้ว เพราะมันไม่ใช่โทรศัพท์มือถือของตนเองแต่เป็นของหญิงสาวที่ชื่อ ‘เวทิกา’ ที่เพิ่งออกจากห้องเขาไปต่างหาก

นายแพทย์หนุ่มหล่อมองชื่อคนที่โทร.เข้ามา แล้วเกิดความลังเลใจว่าเขาควรจะรับสายหรือไม่ แต่หากไม่กดรับสาย ‘แม่’ ของเธอก็คงจะโทร.มาไม่หยุดเป็นแน่!

หมอหนุ่มตัดสินใจกดรับสายผู้ที่คนไข้แสนสวยของเขาเมมเบอร์ไว้ว่า ‘แม่’ ทันที บางที เขาอาจจะหาช่องทางติดต่อและให้เธอกลับมาเอาโทรศัพท์คืนไป

“สวัสดี…”

“นี่นังไวน์ แกไปตรวจซิงถึงไหน ทำไมนานขนาดนี้ รู้ใช่ไหมว่าถ้าชักช้า เสี่ยจะไม่พอใจ นี่อย่าให้ฉันรู้นะว่าแกคิดเล่นตุกติกจะไม่ยอมขายตัวให้เสี่ย!”

ไม่ทันที่อัคคีจะได้เอ่ยแนะนำตัว ปลายสายก็ส่งเสียงดังโวยวายออกมา แต่ที่น่าตกใจก็คงเป็นเรื่องที่ผู้ได้ชื่อว่า ‘แม่’ กำลังบอกให้ลูกสาวไปขายตัวเสียมากกว่า นั่นหมายความว่า เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่หญิงสาวบอกว่าจะเอาผลตรวจไปให้แม่สามีก่อนจะเข้าพิธีแต่งงานก็คงจะเป็นเรื่องโกหกสินะ!

“มัวเงียบอยู่ทำไม ไม่ได้ยินที่ฉันถามหรือไง หรือว่าตอนนี้ แกไม่ซิงเหมือนที่ฉันไปบอกเสี่ยฮะ?”

“ใจเย็นก่อนครับ” อัคคีพูดแทรกอย่างใจเย็น เขาไม่ได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรมากนัก หากโวยวายไปโดยที่ไม่แน่ใจอาจจะดูเป็นฝ่ายเสียหายเอง

“นี่แกเป็นใคร มารับสายลูกสาวฉันได้ไง” ปลายสายยังคงโวยวายต่อไม่หยุด จนหมอหนุ่มก็เริ่มจะหมดความอดทนเข้าให้แล้ว

“คุณไม่มีสิทธิ์เรียกใครว่าแกนะครับ ผมเป็นหมอของคนไข้ที่ชื่อ…เวทิกา และเธอลืมโทรศัพท์มือถือเอาไว้ที่ห้องตรวจ” อัคคีใช้น้ำเสียงเรียบนิ่ง เขาไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องของคนไข้ และมีหน้าที่แค่บอกให้แม่ของเธอไปสั่งให้เธอมารับโทรศัพท์คืนก็เท่านั้น

“หมอ…หมองั้นเหรอ งั้นหมอก็ตอบได้สิว่า สรุปแล้ว นังไวน์มันยังซิงอยู่ไหม” ปลายสายแทบจะเปลี่ยนน้ำเสียงทันที และเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น

บทก่อนหน้า
บทถัดไป