บทที่ 8 8

“นี่อยากขายตัวขนาดนั้นเลยหรือไง” เอ่ยถามด้วยความไม่พอใจมากขึ้น จริงอยู่ว่าไม่ได้ปิดกั้นหรือดูถูกอาชีพนี้ เพราะตนเองก็เคยซื้อบริการผู้หญิง แต่อย่างที่บอกว่าหากเขาจะต้องซื้อบริการผู้หญิงสักคน มันต้องเกิดจากความเต็มใจของเธอคนนั้น ไม่ใช่เป็นการบังคับกัน

“ฉันไม่มีทางเลือก คนรวยแบบหมอไม่มีวันเข้าใจ” เวทิกาพูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ คนจนอย่างเธอจะมีสิทธิ์ทำอะไรได้ ในเมื่อหนทางมันตันก็ต้องแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้ครอบครัวของตนเองต้องเป็นอันตราย

“งั้นก็เล่ามาสิ ผมจะได้เข้าใจว่าคุณทำแบบนี้ทำไม ท่าทางคุณก็ดูไม่ใช่คนไม่มีความรู้ ทำไมไม่ทำมาหากินปกติ” ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

“ฉันก็อยากจะทำแบบนั้น แต่มันไม่มีทางเลือกค่ะ ฉันรู้ว่าหมอหวังดี แต่เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยฉันได้จริงๆ ถ้าหมอหวังดีกับฉันอย่างที่เข้าใจ ช่วยปล่อยฉันไปได้ไหมคะ” อ้อนวอนหมอหนุ่มเพราะไม่อยากมีเรื่องอื่นใดให้ต้องคิดมากไปกว่านี้ และสุดท้ายแล้ว เธอก็ต้องตกเป็นของเสี่ยวาโยอยู่ดี

“หึ ถ้าให้ผมเดาก็คงเป็นเพราะแม่คุณสินะที่ทำให้คุณต้องมาขายตัวแบบนี้” กล่าวสรุปด้วยตัวเอง ด้วยความที่ถูกผู้เป็นแม่ทอดทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็ก อัคคีจึงปลูกฝังความคิดตนเองมาตลอดว่า ไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนจะเป็นคนดี และไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนที่จะรักและหวังดีกับลูก

“ฉันไม่รู้ว่าแม่บอกอะไรหมอไปบ้าง แต่ขอยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน และฉันไม่อยากพูดเรื่องนี้กับคนนอก” เวทิกาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง เธอไม่ได้อยากพูดจาต่อว่าหมอหนุ่มอย่างรุนแรงเช่นนี้ แต่ตนเองก็บอบช้ำเสียจนไม่อยากจะสนใจความรู้สึกของคนอื่นเช่นกัน

“จะไม่เกี่ยวกับผมได้ยังไง ในเมื่อคุณให้ข้อมูลเท็จกับแพทย์ และที่ร้ายแรงกว่านั้นคือคุณกำลังมาค้าประเวณีในโรงแรมที่เป็นของผม แล้วแบบนี้จะให้ผมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ หรือยังไง” หนุ่มหล่อพูดอย่างใจคิด เป็นห่วงก็เรื่องหนึ่ง แต่การที่โรงแรมของเขากำลังเป็นสถานที่ค้าประเวณี หรือสถานที่ที่เสี่ยใหญ่โตมาซื้อขายเด็กในสังกัดแบบนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก

“ฉันขอโทษค่ะ ทั้งเรื่องที่โกหกหมอ แล้วก็เรื่องที่มาทำอะไรน่าอายในโรงแรมนี้ แต่หมอจะให้ฉันทำยังไงคะ หมอถึงจะปล่อยฉันไป” พูดจบก็ร้องไห้ออกมาอย่างไร้ทางออก ไม่ว่าจะทำอะไร เธอก็ผิดเสียทุกทาง

“ผมแค่ต้องการรู้ความจริงเรื่องคุณ และห้ามโกหกผมเด็ดขาด ถ้าไม่อยากให้ผมเอาเรื่องนี้ไปแจ้งความ คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่า ถ้าเรื่องนี้ถึงหูตำรวจขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น”

“อย่านะคะ ถ้าคุณทำแบบนี้ แม่ฉันเดือดร้อนแน่”

หญิงสาวร้องออกมาด้วยความตกใจ จริงอยู่ที่ว่าอยากให้เสี่ยวาโยเข้าคุกไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่เรื่องอาจจะบานปลายและลามมาถึงแม่ของเธอได้

“ผมไม่รับปากจนกว่าคุณจะยอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง” อัคคีพูดอย่างเป็นต่อ นึกเอ็นดูหญิงสาวร่างบางที่กลัวและห่วงความปลอดภัยของมารดาจนถึงขั้นต้องยอมให้ตนเองลำบากเช่นนี้

“ถ้าฉันเล่าให้คุณฟัง รับปากได้ไหมคะว่าจะยอมปล่อยฉันไป” ถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง เพราะหากคืนนี้ไม่ได้ไปตามนัด วันรุ่งขึ้นครอบครัวของเธอต้องพังอย่างแน่นอน

“ถ้าถึงเวลานั้น คุณยังอยากที่จะไป ผมก็คงไม่สิทธิ์ห้าม เพราะมันคือร่างกายของคุณ” พูดอย่างใจคิด เพราะท้ายที่สุด หากอีกฝ่ายยืนยันที่จะขายตัวให้กับเสี่ยคนนั้น เขาเองก็คงไปห้ามอะไรเธอไม่ได้อีก

“ค่ะ ฉันต้องขายตัวให้เสี่ยวาโยเพื่อใช้หนี้แทนแม่”

เวทิกาเอ่ยออกมาอย่างเชื่องช้า แม้จะพูดอย่างเต็มปากเต็มคำ แต่ภายใต้น้ำเสียงนั้น อัคคีจับสังเกตได้ว่าเธอเองกำลังรู้สึกขมขื่นและเศร้าใจไม่น้อย

“เท่าไหร่? ค่าตัวของคุณ” เขาเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว

“หนึ่งล้านค่ะ ค่าตัวฉันคือหนึ่งล้านบาท”

หญิงสาวเงยหน้าสบดวงตาคมเข้ม ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะต้องมาอับอายเช่นนี้ การประเมินค่าตัวเองด้วยเม็ดเงิน แม้จะมากสำหรับเธอ แต่มันไม่ได้มีค่าอะไรเลยกับการที่ต้องมาสูญเสียสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตให้กับคนที่ตนเองไม่ได้รัก!

อัคคีฟังจำนวนเงินที่หญิงสาวพูดออกมา ยอมรับว่าเป็นจำนวนเงินที่มากสำหรับการแลกกับความบริสุทธิ์ของผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ไม่รู้ทำไมว่า หากผู้หญิงคนนั้นคือเวทิกา เขากลับไม่รู้สึกว่าจำนวนเงินหนึ่งล้านบาทมากเกินไป หนำซ้ำยังรู้สึกว่ามันไม่พอเสียด้วยซ้ำ!

“หึ แลกกับการที่คุณยอมนอนกับมันแค่ครั้งเดียวเนี่ยนะ?” เอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะเขามั่นใจว่าใครที่ได้เชยชมผู้หญิงตรงหน้า คงต้องติดใจและไม่อยากที่จะปล่อยเธอไปง่ายๆ เพียงแค่ได้เชยชมหนึ่งครั้งเท่านั้น

“ใช่ค่ะ ตามที่ตกลง ฉันมีหน้าที่แค่บำเรอไอ้เสี่ยนั่นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และครั้งเดียว มันก็มากเกินพอแล้ว” เวทิกาพูดด้วยความเจ็บช้ำ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป