บทที่ 9 9

“หึ อันที่จริงก็คุ้มดีสำหรับคุณ เสียตัวแค่ครั้งเดียวแลกกับเงินหนึ่งล้านบาท แต่ถ้าให้ผมถามตามตรงก็คือ คุณอยากเป็นเมียของไอ้เสี่ยนั่นจริงๆ เหรอ” ถามราวกับต้องการจะหยั่งเชิงอีกฝ่าย ซึ่งยอมรับว่าเขาเองกำลังคิดแผนอะไรดีๆ ออก

“ฉันไม่อยากเป็นเมียของใครที่ฉันไม่ได้รักทั้งนั้นแหละค่ะ แต่อย่างที่บอก แม่ของฉันติดหนี้พวกมัน ฉันไม่มีทางเลือก” จังหวะนั้น เวทิกานึกถึงใบหน้าของ ‘พิสมัย’ หญิงวัยกลางคนที่ตนเรียกว่า ‘แม่’ และกำลังเป็นคนที่ทำลายความภาคภูมิใจในชีวิตของเธอไป

“หนี้ที่ว่าคงเป็นหนี้พนันสินะ” อัคคีเหยียดยิ้มอย่างรู้ทัน เพราะคงไม่มีใครหน้ามืดตามัว ยอมเอาลูกสาวมาแลกแบบนี้ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่พวกผีพนัน

“ค่ะ ฉันจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้หมอฟัง”

เวทิกาพ่นลมผ่านปลายจมูกเล็กหนักหน่วงขณะตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้หมออัคคีรู้ ในเมื่อเขาเองอยากจะรู้เรื่องของเธอนัก อีกอย่างตนเองก็จะได้ระบายปัญหาที่ไม่รู้จะเล่าให้ใครฟังเช่นกัน

สามวันก่อน

“โอ๊ย! อย่าค่ะ ฉันยอมแล้วเสี่ย อย่าทำอะไรฉันเลย”

เสียงร้องโวยวายของพิสมัยทำให้เวทิกาและ ‘เบญจา’ น้องสาวของเธอที่อายุห่างกันเพียงแค่สองปี ถึงกับวิ่งออกมาจากห้องหน้าตาตื่นด้วยเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้เป็นแม่

“แม่เป็นอะไรหรือเปล่า”

เบญจารีบวิ่งเข้าไปหาพิสมัยทันทีด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะสีหน้าสลดลงเมื่อเห็นว่ากลุ่มคนที่ทำร้ายมารดามากันอยู่ห้าคน แถมยังเป็นชายฉกรรจ์ที่มีใบหน้าน่ากลัวอีกต่างหาก ไม่บอกก็รู้ว่าคนพวกนี้คงเป็นพวกที่ทำธุรกิจสีเทาอย่างแน่นอน

“นี่พวกแกทำอะไรแม่ฉัน” เวทิกาเดินเข้าไปปกป้องพิสมัยอย่างใจกล้า รู้ดีว่าหากคนพวกนี้โมโหขึ้นมาก็ไม่สามารถช่วยมารดาได้ แต่ถึงอย่างไร เธอก็ไม่สามารถปล่อยให้ผู้เป็นแม่โดนทำร้ายต่อหน้าต่อตา

“เฮ้ย มีสาวสวยถึงสองคนมาให้เราเล่นสนุกด้วยว่ะ ดีเลย อยากจะแส่มากนักใช่ไหม”

หนึ่งในชายฉกรรจ์มองมาที่เวทิกาและเบญจาด้วยสายตาหื่นกระหาย พร้อมกับทำท่าจะเข้ามาถึงเนื้อถึงตัวเธอทั้งสอง

“เดี๋ยว! มึงลืมไปแล้วเหรอว่าก่อนที่จะเอาใคร มึงต้องให้เสี่ยเป็นคนเลือกก่อน” จู่ๆ ชายอีกคนก็พูดขึ้น พร้อมกับมองหญิงสาวทั้งสองราวกับเป็นสินค้าที่กำลังจะประเมินราคา

“อย่าทำอะไรเบียร์ ลูกสาวฉันเลยนะคะ ส่วนหนี้ที่ฉันติดไว้จะรีบมาคืนภายในอาทิตย์นี้เลย ฝากเสี่ยเมตตาฉันกับลูกด้วยนะ” พิสมัยไหว้ขอร้องอ้อนวอนอย่างไร้หนทางสู้ จำนวนเงินตั้งมากมายขนาดนั้น นางไม่สามารถหามาคืนได้แน่ๆ นอกเสียจากว่าไปถอนทุนคืนที่บ่อนอีกรอบ

“ครั้งที่แล้ว มึงก็พูดแบบนี้ ยังมีหน้ามาขอเวลาอีกเหรอ”

พวกมันเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันจนเวทิกาอดสะดุ้งไม่ได้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหนี้ที่มารดาติดค้างนั้นคงหนีไม่พ้นหนี้การพนันอีกเช่นเคย

“แต่ครั้งนี้ ฉันจะคืนจริงๆ ฉันขอแค่ทุนไปเล่นคืนอีกสักสองแสนได้ไหม รับรองว่ารอบนี้ ฉันหาเงินมาคืนเสี่ยได้แน่ๆ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยขอโอกาส และนางก็เชื่อเสมอว่าตัวเองจะต้องเล่นพนันและเอากำไรคืนให้กับตัวเองได้อย่างแน่นอน

“พอ! กูไม่มีโอกาสสำหรับมึงอีกต่อไปแล้ว นอกเสียจากว่ามึงจะมีอะไรมาแลก” ชายคนนั้นมองมาที่เวทิกาและเบญจาอย่างสื่อความหมาย ก่อนจะจ้องหญิงสาวทั้งสองด้วยสายตาหื่นกระหายน่ารังเกียจ

“แม่ ช่วยเบียร์ด้วย” เบญจารับรู้ได้ว่าภัยกำลังมาถึงตัว จึงรีบเข้าไปหลบด้านหลังของผู้เป็นแม่ทันที เพราะไม่กล้าที่จะสบตาคนพวกนี้อีกต่อไป

“ใครก็ช่วยเธอไว้ไม่ได้หรอกจ้ะสาวน้อย เฮ้ย! พวกมึงไปเชิญเสี่ยออกมาพิจารณาสินค้าหน่อยสิวะ”

ชายหน้าเหี้ยมคนเดิมพูดด้วยน้ำเสียงสะใจ นาทีนั้น เวทิกาเองก็รู้ตัวแล้วว่าอันตรายกำลังมาถึงตัวและเธอจะต้องหาทางหนีทีไล่ให้ได้

“เสี่ยครับ เชิญเสี่ยลงมาดูของดีนี่หน่อยสิครับ”

ไอ้พวกลูกน้องที่ทำตัวเป็นหมาเลียแข้งเลียขา พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้านายของพวกมันคงเป็นคนที่มีอำนาจพอตัว

“ของดีที่ว่า ถ้าไม่ดีอย่างที่พูดจริงๆ คงไม่ต้องบอกนะว่าพวกมึงจะเจอกับอะไร”

ทันทีที่เสียงของผู้ทรงอำนาจดังขึ้น ไม่นาน เขาก็เดินลงออกมาจากประตูรถหรู พร้อมกับมองมายังเบญจา และละสายตาไปจับจ้องที่เวทิกาอยู่นานสองนาน

“เป็นไงครับเสี่ย ถูกใจไหมครับ” พวกลูกน้องยังคงพูดจาเอาใจเจ้านาย โดยไม่สนว่า ตอนนี้ สามแม่ลูกกำลังอยู่ในท่าทีหวาดผวามากแค่ไหน

“ถูกใจ…ถูกใจกูมาก”

เสี่ยวาโยพูดด้วยความชอบใจ ปกติแล้ว เขามักจะซื้อเด็กสาวเพื่อให้มาบำเรอในยามค่ำคืนอยู่เสมอ แต่ก็ไม่มีใครมีรูปร่างหน้าตาที่ถูกใจเท่าสาวสวยคนนี้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีหุ่นที่เหมือนกับดารานางแบบ แต่ไม่อยากจะเชื่อว่าแววตารั้นๆ และใบหน้าหวานหยาดเยิ้มจะยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์ชวนให้อยากจะครอบครองเสียเหลือเกิน

บทก่อนหน้า
บทถัดไป