บทที่ 4 อีหนูของผู้ใหญ่

Chapter 4

“ไปเก็บของแล้วไปอยู่ที่ไร่กับฉัน” ผู้ใหญ่สิงห์ออกคำสั่ง บัวชมพูชักสีหน้าไม่พอใจ พอได้ทีล่ะเอาใหญ่ ทั้งที่เมื่อก่อน ออกจะรังเกียจเด็กมอมแมม อย่างเธอด้วยซ้ำ

บูลลี่เก่งปากคอเราะร้ายก็ขั้นสุด

“ไม่ไป ฉันจะอยู่บ้าน ไร่ผู้ใหญ่ไม่ใช่บ้านฉัน ผู้ใหญ่ควรจะกลับไปที่บ้านผู้ใหญ่ ส่วนฉันจะทำกับข้าวรอพ่อแล้วอาบน้ำนอน ผู้ใหญ่ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก” เธอเอ่ยไล่ ใจก็เป็นห่วงบิดา แต่จะให้ฟูมฟายตีโพยตีพายหวาดกลัวเกินเหตุ ตีตนไปก่อนไข้ เธอไม่ทำเด็ดขาด

พ่อเธอแค่หนีไปตั้งหลัก เย็น ๆ คงจะกลับมา ที่จริงก็อยากโกรธที่ท่านทำอะไรไม่ตรองให้ดี แต่มาคิดดูอีกที บิดาของเธอคงจะอับจนหนทางแล้วถึงได้ทำ

ที่ผ่านมาท่านลำบากมาตลอด ปีไหนกะหล่ำปลีเป็นราคาท่านจะซื้อเสื้อผ้าดี ๆ พาไปซื้อของกินดี ๆ แต่ถ้าปีไหนผักราคาตกกะหล่ำปลีล้นตลาด บิดาของเธอก็ขาดทุนย่อยยับ นั่งหน้าเครียดเป็นเดือน ๆ

“ทุกอย่างที่นี่เป็นของฉัน รวมทั้งตัวหนูด้วย”

“อย่ามาหนูด้วยนะ” หล่อนถลึงตาใส่ คนอะไรไม่รู้หน้ามึน หนำซ้ำยังไล่ยากไล่เย็น

“ก็หนูเป็นเด็กผู้ใหญ่สิงห์ ต่อไปนี้ฉันต้องเรียกว่าหนูชมพู”

“อย่ามาเรียกหนู ที่สำคัญฉันไม่ได้เป็นเด็กผู้ใหญ่” หล่อนแหวใส่

“ไม่หนูก็ได้ พ่อเธอยกเธอให้ฉันเพื่อล้างหนี้ เธอเป็นของฉันแล้ว เธอต้องไปอยู่ไร่กับฉัน เธอเป็นสมบัติของฉัน เรื่องอะไรจะยอมให้อยู่ห่างตา”

“นี่…” บัวชมพูชักสีหน้า เธออยากจะกรีดร้องออกมาให้หนัก ๆ ผู้ใหญ่ผีบ้าตอนนี้ไม่ยอมกลับ หนำซ้ำยังเดินสำรวจบ้านของเธอ ราวกับเป็นเจ้าของ

“แต่ถ้าไม่กลับเรานอนที่นี่ก่อนก็ได้”

“ไม่ค่ะ อย่ามาพูดนั่นนี่ ฉันไม่อยากเห็นหน้าผู้ใหญ่”

“แพ้ความหล่อของฉันล่ะสิ” เขามองเสี้ยวใบหน้าสวย แม้ใบหน้านั้นจะบูดบึ้งแต่ก็สวยมาก

“แหวะจะอ้วก หล่อตายล่ะแก่ก็แก่”

“แหม่ ยังไม่ได้ปึกปักกันเลย จะท้องแล้วเหรอ?”

“นี่ ผู้ใหญ่เฮงซวย!” บัวชมพูแผดเสียงลั่น เธอทั้งไล่ทั้งด่า สุดท้ายแล้วผู้ใหญ่สิงห์จอมโหด ก็ไม่ยอมล่าถอยกลับไป

ผู้ใหญ่สิงห์ยืนพิงวงกบประตู มองคนตัวเล็กที่กำลังง่วนกับการทำอาหาร เขาไม่กลับบ้าน เธอไปไหนเขาก็เดินตาม

สุดท้ายแล้วแม่เด็กแสบ ก็มาทำอาหารในครัว เธอจับปลาช่อนตัวใหญ่ขึ้นมาจากโอ่งวางลงบนเขียง หยิบสากตีหัวปลาอย่างว่องไว ผู้ใหญ่สิงห์ถึงกับลอบกลืนน้ำลายลงคอ มองปลาชักกระแด่ว ไม่คิดว่าสาวสวยอย่างบัวชมพู จะใจกล้าทำอะไรแบบนี้

“มายืนมองทำหอกอะไร?” แหม่ ๆ คำพูดคำจา ช่างปากคอเราะร้ายเสียจริง ถ้าไม่ติดว่าสวยเขาคงด่าเปิงไปแล้ว เขามันเป็นพวกแพ้ความสวยด้วยสิ ยิ่งสวย ๆ แบบนี้ใจก็ยิ่งอ่อนระทวย

“ก็ยืนมองคนสวยทำอาหารสิจ๊ะ จะรอกินข้าวด้วย” เสียงอ่อนเสียงหวาน บัวชมพูยิ่งไม่พอใจ ชีกอหน้าม่อเธอไม่ชอบ

“ไปให้พ้นเลย! บ้านก็มีข้าวให้กิน ยังจะมาวุ่นวายอยู่อีก” เธอพูดอย่างหงุดหงิดขอดเกล็ดปลาแล้วหั่นเป็นท่อน ๆ ทำเสร็จก็เดินไปเด็ดใบมะกรูดขุดข่ากับหักตะไคร้ วันนี้เธอจะต้มยำปลาช่อน เผื่อบิดากลับมา จะได้รับประทานอาหารดี ๆ อร่อย ๆ

“ก็อยากไปนะ แต่ต้องมีเธอไปด้วย”

“ฉันบอกให้ไปให้พ้นไง!”

“ที่กับบ้านเธอเป็นของฉัน เธอไม่มีสิทธิ์มาไล่เจ้าของบ้าน เจ้าของที่อย่างฉัน”

“จะไล่ ผู้ใหญ่จะทำไม?” บัวชมพูเสียงขุ่นมองอย่างไม่พอใจ แต่ไม่ทันที่ผู้ใหญ่จะอ้าปากทำอะไร โทรศัพท์ของเขาก็แผดเสียงขึ้น

ผู้ใหญ่สิงห์พูดคุยกับคนปลายสายสองสามประโยค สีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะรีบเดินออกไปจากบ้าน ขับรถปิกอัพสีดำกระชากออกไปอย่างรวดเร็ว

บัวชมพูถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหั่นตะไคร้กับข่าใส่หม้อ ตำพริกใส่เครื่องปรุง ทำทุกอย่างตามสูตรที่บิดาเคยสอน เพียงไม่นานต้มยำปลาช่อนก็สุกส่งกลิ่นหอมฉุยไปทั่วครัว

ผ่านไปอีกหลายชั่วโมง

แสงจันทร์สาดส่องไปทั่วบริเวณ บัวชมพูเดินไปมาในบ้าน ก่อนจะเดินไปที่ประตูหน้าบ้าน ชะโงกหน้ารอบิดากลับมา แต่ทว่า กลับไร้เงาผู้ชายที่อยู่บ้านกับเธอทุกค่ำคืน พอไม่มีพ่ออยู่ด้วยก็รู้สึกอ้างว้าง มองไปทางไหนก็เคว้งคว้าง เธอกลัวเหลือเกิน กลัวว่าท่านจะไม่ปลอดภัย

ผู้ใหญ่ใจโฉดจะยึดที่ เธอจะทำยังไงไม่ให้ที่กับบ้านตกเป็นของผู้ใหญ่ เธอจะทำยังไงให้ได้โฉนดที่ดินคืนมา

ติ๊ง! เสียงข้อความโทรศัพท์ดังขึ้น บัวชมพูรีบกดดู พอเห็นว่าเป็นข้อความที่บิดาส่งมาบอกว่าปลอดภัยดี  พร้อมกำชับให้เธอไปอยู่กับผู้ใหญ่สิงห์จะได้ปลอดภัย เธอจะไปอยู่ได้ยังไง ในเมื่อเธอเกลียดผู้ใหญ่สิงห์เข้าไส้

พอรู้ว่าท่านยังอยู่ดีบัวชมพูก็โล่งอกหายห่วง รีบโทรกลับไป มันกลับไม่สามารถติดต่อได้ แต่ก็ไม่เป็นไร ขอเพียงรู้ว่าท่านปลอดภัยเธอก็ดีใจแล้ว

เธอนั่งรับประทานอาหารเย็นอย่างเงียบ ๆ แม้ต้มยำวันนี้จะอร่อยมาก แต่เธอก็รับประทานไปได้นิดเดียว เพราะบ้านมันเงียบเหงา พาลให้ไม่อยากรับประทานอาหารต่อ

——-ไรท์ไม่สบายนะคะ วันนี้มาน้อย พรุ่งนี้จะมาชดเชยให้ค่ะ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป