บทที่ 1 บทที่ 1

บทที่ 1

ดอกทานตะวันสีเหลืองบานสะพรั่ง อวดความสวยงามแข่งกับแสงอาทิตย์อย่างร่าเริง ท้องฟ้าโปร่งใสจรดกับม่านภูเขาที่เรียงตัวซ้อนกันหลายลูก ประดุจภาพวาดของจิตรกรเอก อาณาเขตอันกว้างใหญ่ของไร่ถูกกั้นด้วยรั้วไม้สีขาวเตี้ยๆ ตัดกับความเขียวขจีของพื้นหญ้าอย่างกลมกลืน ว่ากันว่าเจ้าของเลือกใช้สีนี้ เพราะต้องการให้เหมือนกับสีของบ้านเก่าในกรุงเทพมหานคร รั้วสีขาวย่อยๆ อีกส่วนหนึ่งถูกนำมากั้นเป็นกรอบสี่เหลี่ยมล้อมรอบต้นไม้ใหญ่และม้ารูปร่างสง่างามกว่ายี่สิบตัวเอาไว้  ขณะที่อาณาบริเวณอีกส่วนหนึ่งปลูกเป็นบ้านพักกว่าสิบหลัง มีศาลาไม้หลังคาจั่วทรงไทย ปลูกริมถนนที่ลาดเป็นแนว สำหรับให้คนที่มาพักผ่อนปั่นจักรยานเล่น

พระอาทิตย์หรี่แสงและทอดตัวลงเพื่อเตรียมอัสดง สาดส่องแสงสีส้มเหลือบแดงมายังร่างสูงสง่าสมส่วน สวมหมวกปีกสีน้ำตาลในมาดคาวบอยเต็มตัว ซึ่งกำลังควบม้ามาตามเนินหญ้าเตี้ยๆ ก่อนจะกระตุกบังเหียนม้าให้ชะลอฝีเท้าลงจนมันหยุดวิ่ง เมื่อเห็นผู้เป็นบิดายืนรออยู่ใต้ต้นจามจุรี

ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับครอบครัวอย่างมากมายหลังจากที่ ‘แพรมุก’ น้องสาวคนเดียวของเขาแต่งงานกับชีคหนุ่มผู้มั่งคั่ง ตอนนี้เขากับบิดาได้ย้ายจากกรุงเทพฯ มาทำไร่ที่ออกแบบเป็นฟาร์มม้ากึ่งรีสอร์ต และปลูกบ้านหลังใหม่ในอาณาเขตที่ค่อนข้างจะกว้างขวางแห่งนี้ โดยมีแพรมุกกับชีคชาฟากีย์เป็นผู้ลงทุนและคะยั้นคะยอให้เขากับพ่อย้ายมาอยู่ที่นี่ แต่เขาก็ยังเทียวไปเทียวมากรุงเทพฯ อยู่ไม่ได้ขาด เพราะอาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัยแม้จะเป็นเพียงแค่อาจารย์สอนพิเศษ เขาก็ยังรักที่จะทำมัน อีกทั้งในบางเดือนต้องพาผู้เป็นบิดาไปพบหมอตามนัดอีกด้วย

‘กฤชเพชร’ กระโดดลงจากหลังม้าและส่งเชือกให้กับคนงาน เพื่อพาอาชาไนยสีน้ำตาลไปเข้าคอกที่โรงม้า ก่อนจะขยับไปหาบิดา จากนั้นสองพ่อลูกก็เดินตามกันเข้าไปในบ้าน

“วันนี้พ่อไปเยี่ยมคุณน่านที่ฟาร์ม คุณน่านบอกพ่อว่าคุณนิจกลับมาแล้ว” สัตวแพทย์ที่เกษียณตัวเองแล้วเอ่ยถึงน้องสาวของอดีตนายจ้างที่ลูกชายของเขาเองก็รู้จักเป็นอย่างดี เพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งตอนนี้เธอโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง

“งั้นเหรอครับ กลับมาเมื่อไหร่ครับ” น้ำเสียงยามที่ถามถึงนั้นฟังดูเหมือนกับการไถ่ถามถึงคนรู้จักทั่วไป และเขาก็พยายามบังคับให้ตัวเองคิดเช่นนั้นเรื่อยมาตลอดหลายปี แม้ว่าตอนที่ได้ยินชื่อ ‘คุณนิจ’ จากปากบิดา หัวใจจะกระตุกวาบและเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะหนึ่งก็ตาม

“เห็นว่ากลับมาได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว ตอนนี้ทำงานอยู่ที่โรงแรมของคุณน่านนั่นแหละ ไม่เห็นตั้งสามปีป่านนี้คุณนิจคงจะโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก” พิทยารำพึงอย่างนึกเอ็นดูหญิงสาวที่ตัวเองกำลังเอ่ยถึง เพราะอยู่ในวัยเดียวกับลูกสาวคนเล็กของตนนั่นเอง

“คงอย่างนั้นครับ”

“ถ้าเพชรเข้ากรุงเทพฯ ก็แวะไปเยี่ยมเยือนทักทายเธอบ้างนะลูก ยังไงซะเธอก็เป็นน้องสาวคุณน่าน แล้วก็ยังรักใคร่กันดีกับยัยแพรของเรามาตลอด”

“ครับพ่อ”

ใช่...พ่อของเขาพูดถูก อนามิการักใคร่และสนิทสนมกับน้องสาวของเขามาตลอดตั้งแต่เด็ก แม้ว่าจะมีบางช่วงที่อนามิกาถูกส่งไปเรียนที่ต่างประเทศก็ตาม แต่สำหรับเขามันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าอนามิกาจะพยายามผูกสัมพันธ์ด้วยเพียงใด เขาก็ไม่เคยคิดจะเปิดใจรับ เพราะรู้ตัวดีว่าเธอนั้นอยู่สูงเกินเอื้อม ทั้งเขาและเธอจึงเหมือนมีเส้นขีดขวางกั้นไว้ตลอดเวลา

รถยนต์สปอร์ตครอสโอเวอร์แล่นออกจากฟาร์มม้าตั้งแต่ตอนเช้ามืด มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อหลีกหนีการจราจรที่ติดขัดในช่วงเวลาเร่งรีบ

พนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งนั่งประจำอยู่ที่โต๊ะใต้ตึกลุกขึ้นและโค้งศีรษะให้ พร้อมกับเอ่ยทักทายอาจารย์หนุ่มหล่ออย่างคุ้นเคย เพราะเขามักจะมาแต่เช้าและแวะทักทายตนเช่นนี้เป็นประจำ

“สวัสดีครับอาจารย์ มาแต่เช้าเหมือนเดิมนะครับ”

“หนีรถติดน่ะครับลุง นี่ขนมครับ” กฤชเพชรทักทายตอบ พลางส่งถุงของฝากที่เตรียมมาให้กับพนักงานรักษาความปลอดภัยวัยเดียวกับพ่อของเขา

“ขอบคุณครับอาจารย์ อาจารย์มีน้ำใจกับผมตลอดเลย”

ชายวัยห้าสิบเศษกล่าวอย่างซาบซึ้งต่อความมีน้ำใจของชายหนุ่มตรงหน้าที่มีต่อตนเสมอมา

“เล็กน้อยน่ะครับลุง”

“อาจารย์จะขึ้นห้องพักเลยหรือเปล่าครับ ผมจะได้ขึ้นไปเปิดให้”

“ยังก่อนครับ ผมนั่งแถวๆ นี้ดีกว่า เช้าๆ แบบนี้อากาศกำลังดี รีบขึ้นไปห้องพักก็เปลืองไฟเปลืองแอร์เปล่าๆ”

“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญอาจารย์ตามสบายครับ”

พนักงานรักษาความปลอดภัยผายมือให้ กฤชเพชรจึงเดินไปนั่งที่ม้าหินอ่อนซึ่งเป็นตัวที่เขานั่งเป็นประจำในเวลามาเช้าๆ เช่นนี้ เปิดแล็ปท็อปที่อยู่ในกระเป๋าสะพาย เพื่อดูบทเรียนที่จะสอนนักศึกษาในคาบเช้าวันนี้

ความกระตือรือร้นและสายตาที่เต็มไปด้วยการอยากเรียนรู้ของนักศึกษา คือสิ่งที่ทำให้เขาละทิ้งหน้าที่อาจารย์ไม่ได้ แม้ว่าจะต้องเดินทางไกลแค่ไหนก็ตาม

สิ่งหนึ่งที่ทำอยู่ไม่ได้ขาดหลังจากสอนเสร็จก็คือ การแวะแวะเวียนไปดูบ้านหลังเก่าที่ตอนนี้ปิดทิ้งไว้ เมื่อมันถูกปิดไว้เฉยๆ เช่นนั้นก็มีคนมาติดต่อขอซื้อหลายคน แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะขาย เพราะแม่ของเขารักบ้านหลังนี้มาก

ร่างสูงออกจากห้องบรรยายและเดินตามบันไดลงไปหลังจากสอนเสร็จ ส่วนลิฟต์เขาเลือกที่จะไม่ใช้มัน เพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับการที่ต้องเดินขึ้นเดินลงแค่สามชั้น

“พี่เพชรคะ พี่เพชร รอเดี๋ยวค่ะ”

บทถัดไป