บทที่ 6 บทที่ 6
ความรู้สึกขุ่นข้องหมองใจจางลงหลังจากได้อาบน้ำสระผมด้วยน้ำที่เย็นฉ่ำ อนามิกาเลือกที่จะไม่อาบน้ำอุ่นเพราะอยากสัมผัสความเย็นสดชื่นจากน้ำที่ส่งมาจากท่อด้านนอก ที่นี่ออกจะสะดวกสบาย เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่เห็นมีอะไรให้รู้สึกลำบากเหมือนอย่างที่ใครบางคนพยายามจะยัดเยียดให้เธอรู้สึกเช่นนั้นสักนิด
อนามิกายอมรับกับตัวเองว่าชอบที่นี่มาก พร้อมกับอดรู้สึกอิจฉาหญิงสาวที่พักอยู่ห้องข้างๆ ไม่ได้ ในวันข้างหน้าหากว่ากฤชเพชรกับพลอยพิมลแต่งงานกันไป พลอยพิมลก็คงจะได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ ได้มาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนวิเศษเช่นนี้ทุกวัน มีพ่อสามีที่ใจดีอย่างพิทยา และมีผู้ชายที่ดีพร้อมอย่างกฤชเพชรคอยดูแลด้วย
แม้กฤชเพชรจะไม่ใช่ผู้ชายโรแมนติกหรือปากหวาน ช่างเอาอกเอาใจเหมือนผู้ชายบางคน แต่เธอเชื่อว่าเขาจะดูแลผู้หญิงที่เขารักอย่างดีที่สุด เพราะขนาดเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เขารัก เขาก็ยังดูแลเป็นอย่างดีในช่วงที่ไปตามหาแพรมุกในทะเลทรายด้วยกัน
มือเล็กจับผ้าขนหนูซับผมซึ่งเปียกจากการสระ ขณะที่ห้วงคำนึงล่องลอยไปหาความหลังครั้งเก่าที่ไม่เคยเลือนรางไปจากหัวใจและความทรงจำเลย แม้ว่าจะผ่านไปนานกว่าสามปีแล้วก็ตาม
ร่างบางลุกขึ้นจากเตียงเมื่อผมเริ่มแห้งหมาดๆ ผ้าขนหนูถูกพาดไว้กับราวตากผ้าเล็กๆ ที่วางอยู่ข้างตู้ ยืนสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองในกระจกอีกครั้ง ก่อนจะลงไปสมทบกับคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านล่าง เพราะไม่อยากให้ใครขึ้นมาตาม
เมื่อลงไปถึงก็เห็นว่าพลอยพิมลกำลังยกอาหารจากในครัว ช่วยแม่บ้านตั้งโต๊ะ ก่อนจะบอกให้พิทยาและกฤชเพชรนั่งหลังจากทุกอย่างจัดวางเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“อ้าวคุณนิจมาแล้วเหรอ เชิญนั่งสิครับ” พิทยายังคงเป็นคนแก่ใจดีเสมอ ทันทีที่หันไปเห็นว่าอนามิกาลงมาแล้ว ก็เรียกให้มานั่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
อนามิกาขยับไปนั่งลงข้างๆ ชายสูงวัย ส่วนกฤชเพชรนั่งตรงข้ามกับพ่อตัวเอง โดยที่พลอยพิมลนั่งอยู่ข้างๆ เขา
อาหารบนโต๊ะประกอบด้วย ต้มจืดซี่โครงหมูฟักหอมที่เพิ่งปรุงเสร็จใหม่ๆ มีควันลอยหอมกรุ่น ปลาทูทอดสีเหลืองกรอบ ชะอมชุบไข่ทอด น้ำพริกกะปิเคียงด้วยผักสดอีกสี่ชนิด ซึ่งล้วนแต่ได้มาจากสวนครัวหลังบ้านทั้งนั้น
“เอาละในเมื่อมาพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วก็ลงมือกันเถอะ วันนี้คนแก่คงเจริญอาหารน่าดู” พิทยาบอกกับทุกคนอย่างมีความสุข เพราะนานๆ ครั้งจะมีสมาชิกร่วมโต๊ะเยอะเช่นนี้
ทุกคนลงมือตักอาหาร โดยที่ทั้งกฤชเพชรและพ่อต่างเริ่มที่ตักน้ำพริกใส่จานกินกับผักสดเป็นคำแรกพร้อมกัน โดยมีพลอยพิมลคอยนั่งลุ้น ส่วนอนามิกาเลือกตักต้มจืดก่อน
“เป็นไงบ้างคะคุณลุง ฝีมือตำน้ำพริกกะปิของผิงพอไหวไหม” เจ้าของเมนูนั้นถามขึ้นหลังจากชายสูงวัยได้ลิ้มลองมันแล้ว
“อร่อยเชียวล่ะ นี่ฝีมือระดับชาววังเลยนะ” พิทยาชมเปาะ
“แล้วพี่เพชรล่ะคะ” พลอยพิมลหันมาถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ บ้าง “ฝีมือผิงเป็นไงบ้าง”
“ก็ใช้ได้ ว่าแต่แอบเข้าไปทำตอนไหน”
แม้จะเป็นคำชมสั้นๆ แต่พลอยพิมลก็ยิ้มหน้าบาน “ไม่ได้แอบนะ เข้าไปแบบเปิดเผยเลย ใช่ไหมคะคุณแม่บ้าน” คนพูดพยักพเยิดกับหญิงวัยกลางคนที่เป็นแม่บ้านของที่นี่ และฝ่ายนั้นก็ยิ้มรับด้วยความเอ็นดู
“ค่ะคุณผิง”
“อย่ามัวแต่คุยสิ กินด้วย เอ๊านี่ชิมฝีมือตัวเองซะ เผื่อว่าอาหารของเราทำให้ท้องเสีย จะได้ท้องเสียกันทั้งบ้าน” กฤชเพชรว่าพลางตักน้ำพริกใส่จานให้สาวรุ่นน้อง ซึ่งพลอยพิมลก็ยิ้มรับและไม่ลืมที่จะต่อปากต่อคำกับเขา
“ผิงรับรองค่ะว่าไม่มีใครท้องเสียแน่นอน”
ภาพนั้นทำให้ก้อนขมๆ แข็งๆ แล่นขึ้นมาจุกที่คอของอนามิกา จนพานกลืนอาหารไม่ลงคอ สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ายิ่งตอกย้ำว่า พลอยพิมลช่างเพียบพร้อมและเหมาะสมที่จะเป็นภรรยาของกฤชเพชรมากเหลือเกิน เพราะในขณะที่เธอกำลังอาบน้ำแต่งตัวอย่างอ้อยอิ่งอยู่บนห้อง พลอยพิมลก็ลงมาเข้าครัว ช่วยทำอาหาร และยังช่างพูดช่างเจรจา ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ช้อนและส้อมถูกรวบไว้ด้านข้างของจานข้าวที่เพิ่งจะพร่องลงไปได้ไม่กี่คำ เมื่ออนามิกาไม่สามารถฝืนกินได้อีกต่อไป แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามรวบมันให้เบามือที่สุดแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของคนที่ร่วมโต๊ะไปได้
“อิ่มแล้วเหรอครับคุณนิจ เพิ่งจะกินได้นิดเดียวเอง อาหารไม่ถูกปากเหรอครับ” พิทยาหันมาถามอย่างเป็นห่วง เพราะหญิงสาวเพิ่งจะกินได้ไม่กี่คำ
“อาหารพื้นๆ พวกนี้คงไม่ถูกปากคุณนิจของพ่อล่ะมั้งครับ ถึงได้กินน้อยเหมือนแมวดมอย่างนั้น” กฤชเพชรพูดแทน โดยที่คนถูกถามยังไม่ทันได้ตอบด้วยซ้ำ
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะคุณลุง นิจแค่กินเผ็ดไม่ค่อยได้” อนามิการีบอธิบายกับผู้สูงวัย ก่อนจะหันไปมองคนช่างค่อนแขวะตาขุ่น นี่เขาตั้งใจจะพูดให้คนบ้านนี้เกลียดขี้หน้าเธอเพราะเป็นพวกเรื่องมากหรือไง ความจริงแล้วที่เธอกินไม่ลงก็เพราะเขาต่างหาก
