บทที่ 6 เจ็ด หูของคุณแดงมาก
อลีนามองดูทั้งสองคนที่รีบมุดหัวขึ้นรถอย่างทุลักทุเล เธอยืนเท้าเอวแล้วด่ากราดว่า "คู่รักชู้สาวก็เหมาะสมแล้วที่ต้องเจอหมาไล่ ถ้าคราวหน้ากล้ามาก่อเรื่องอีก แม่จะปล่อยให้กัดให้ตายเลยคอยดู"
สุพรรณีทั้งโกรธทั้งเจ็บ น้ำตาไหลพรากราวกับไข่มุกสายขาด ร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสงสาร "พี่ธงชัย ดูนังนั่นรังแกหนูสิคะ พี่ต้องแก้แค้นให้หนูนะ"
ธงชัยตวาดลั่น "อลีนา เธออย่าได้ใจไปหน่อยเลย ทำร้ายร่างกายคนอื่นมันผิดกฎหมาย ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่"
อลีนาไม่มีท่าทีเกรงกลัวแม้แต่น้อย "ไสหัวไปซะ ถ้ายังกล้าพล่ามอีกคำเดียว ฉันจะโยนหมาเข้าไปในรถแก คอยดูซิว่าจะยังปากเก่งได้อีกไหม"
สิ้นเสียงขู่ คนในรถก็ไม่กล้าหืออีก ตอนนี้ทั้งคู่ต่างได้รับบาดเจ็บต้องรีบไปทำแผล
"อลีนา ฝากไว้ก่อนเถอะ เรื่องนี้ไม่จบแค่นี้แน่"
"เออ ไม่จบก็ไม่จบ"
พอเห็นอลีนาทำท่าจะเรียกหมาอีกรอบ ธงชัยก็ไม่กล้าอยู่ต่อ รีบเหยียบคันเร่งบึ่งรถหนีไปทันที
กรณ์ชะโงกหน้าออกมาเล็กน้อย ไม่คิดว่าวันนี้จะได้ดูละครฉากใหญ่
"เขาเป็นสามีคุณเหรอ?"
อลีนาสวนกลับทันควัน "แมงดาซะมากกว่า คนพันธุ์นั้นมีชีวิตอยู่ก็เปลืองข้าวสุกเปล่าๆ"
ปากจัดจริงๆ ดูจากท่าทางเมื่อกี้ อย่างกับนางพญาคุมทัพนับหมื่น
"ดูคุณเกลียดเขามาก แล้วเด็กๆ พวกนี้ล่ะ?"
"เด็กๆ ไม่เกี่ยวกับเขา จะว่าเกลียดก็ไม่เชิง เรียกว่าขยะแขยงจะถูกกว่า"
พอเห็นเขาทำหน้าสงสัย อลีนาก็พูดดักคอเสียงเย็น "ฉันกับคุณไม่ได้สนิทกัน เรื่องชาวบ้านอย่ารู้เยอะ รีบๆ รักษาตัวให้หายแล้วก็ไปซะ อ้อ ค่าดูแลช่วงนี้ฉันจดบัญชีไว้หมดแล้วนะ ห้ามเบี้ยวเด็ดขาด"
กรณ์พิสูจน์แล้วด้วยตัวเอง ผู้หญิงคนนี้งกไม่ใช่เล่น
เจ้าตัวเล็กทั้งสามปรบมือดีใจ "หม่ามี้เก่งที่สุดเลย ไล่คนนิสัยไม่ดีกระเจิงไปเลย"
แต่อลีนากลับไม่รู้สึกดีใจ การปรากฏตัวของสองคนนั้นหมายความว่าวันเวลาอันเงียบสงบกำลังจะจบลง วันนี้พวกเขาตามมาเจอแล้ว วันหน้าคงไม่ยอมรามือง่ายๆ แน่
เมื่อก่อนตัวคนเดียวก็พอรับมือไหว แต่ตอนนี้มีลูกสามคน แถมยังมีคนเจ็บความจำเสื่อมอีกหนึ่ง จะใช้ไม้แข็งอย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องหาวิธีโต้กลับ
"พวกหนูจำไว้นะลูก ถ้ามีคนแปลกหน้ามา ห้ามเปิดประตูให้เด็ดขาด"
น้องแชมป์ตบอกตัวเอง พูดอย่างภูมิใจว่า "หม่ามี้วางใจได้เลยฮะ ป้าแม่บ้านคราวก่อน พวกเราก็ไม่ได้ให้เข้ามาเหมือนกัน"
อลีนา: "......"
เอาเถอะ เรื่องแบบนี้คงเหมารวมไม่ได้ แต่ระวังไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย
น้องเบนซ์พูดขึ้นบ้าง "หม่ามี้เจออันตรายไม่ต้องกลัวนะฮะ ผมกับพี่เป็นลูกผู้ชาย จะปกป้องหม่ามี้เอง"
นิน่าลูบหัวน้องสาม พูดเสียงใสซื่อ "หนูก็ช่วยหม่ามี้ได้นะ หนูจะให้น้องสามกินเยอะๆ โตขึ้นจะได้ปกป้องหม่ามี้"
อลีนาอ้าแขนรับร่างเล็กทั้งสามเข้ามากอด ตลอดหลายปีมานี้ไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไร เธอกับลูกทั้งสี่คนก็ผ่านมันมาได้เสมอ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
กรณ์รู้สึกสงสัยจริงๆ ได้ยินมาว่าธงชัยรักใคร่กลมเกลียวกับภรรยามาหลายปี แล้วอลีนาท้องกับใคร แถมตอนนั้นทำไมจู่ๆ ถึงหายตัวไป
แล้วพ่อของแฝดสามนี่คือใครกัน?
เมื่อกี้เห็นสีหน้าเรียบเฉยของเธอ ชัดเจนว่ามีเรื่องปิดบัง
ค่ำคืนในแถบชานเมืองมักมาเยือนเร็วกว่าปกติ เรื่องวุ่นวายวันนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแม่ลูก อลีนาพาเด็กๆ เข้านอนแต่หัวค่ำ
เดือนมืดลมแรง เงาดำร่างหนึ่งเพิ่งจะเข้าใกล้ตัวบ้าน ก็ถูกเสียงหมาเห่าไล่ตะเพิดจนต้องถอยร่น พร้อมกับปลุกกรณ์ที่อยู่ในบ้านให้ตื่นขึ้น
กรณ์พยายามพยุงตัวนั่งบนรถเข็นอย่างยากลำบาก ชำเลืองมองห้องข้างๆ พอแน่ใจว่าไม่มีความเคลื่อนไหว เขาจึงค่อยๆ เข็นรถออกมาเงียบๆ
หลังจากอยู่ร่วมกับพวกแม่ลูกมาหลายวัน เจ้าหมาพวกนี้คุ้นกลิ่นเขาแล้วจึงไม่เห่า
กรณ์เห็นแสงไฟกะพริบอยู่ใต้ต้นไม้ข้างหน้า จึงเข็นรถเข็นตรงเข้าไป
ชัยวัฒน์เดินออกมาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
"ท่านประธาน ขอโทษครับที่ผมไร้ประโยชน์"
แผนเดิมคือเขาจะลอบเข้าไปหาท่านประธาน แต่ไม่คิดว่าในบ้านจะมีหมาดุๆ อยู่หลายตัว ขืนบุ่มบ่ามปีนเข้าไป พรุ่งนี้คงกลายเป็นศพแน่
กรณ์เข้าใจการกระทำของอลีนาดี เธอต้องเลี้ยงลูกตามลำพังในที่เปลี่ยวแบบนี้ จำเป็นต้องมีบอดี้การ์ด
และหมาพวกนี้ก็ซื่อสัตย์กว่าคน ไม่มีวันทรยศเธอ
"ท่านประธาน ปลอดภัยดีใช่ไหมครับ พวกเรานึกว่าท่าน..."
กรณ์เห็นเขาตาแดงก่ำ "วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นไร ที่บ้านสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?"
"ท่านเจ้าสัวพอได้ข่าวร้ายของท่านก็เป็นลมล้มพับไปเลยครับ ถึงจะฟื้นแล้วแต่อาการยังทรงๆ ทรุดๆ ท่านเจ้าสัวรองกับพี่น้องคนอื่นๆ ผลัดกันเฝ้าไข้"
เป็นไปตามที่คาดไว้ คุณปู่รับไม่ไหวจริงๆ
"นายกลับไปหาทางเข้าพบคุณปู่ บอกท่านว่าฉันยังไม่ตาย ให้ท่านไม่ต้องเป็นห่วง"
ชัยวัฒน์ก้มศีรษะรับคำ "ท่านประธานไม่กลับไปพร้อมผมเหรอครับ? ดูท่านบาดเจ็บไม่น้อย น่าจะไปรักษาที่โรงพยาบาลดีกว่า"
กรณ์ส่ายหน้า "ตอนนี้ฉันยังกลับไปไม่ได้ วันที่เกิดเรื่อง เส้นทางเดินรถของฉันถูกเปลี่ยน รถก็ถูกดัดแปลงเบรก จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ มีคนจ้องจะเอาชีวิตฉัน การที่ฉันไม่กลับไป ก็เพื่อจะดูว่าคนบงการจะทำอะไรต่อไป"
กรณ์รู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา การที่เขาขึ้นเป็นผู้นำบ้านตระกูลศิริเอกตั้งแต่อายุยังน้อย ย่อมกลายเป็นหนามยอกอกของใครหลายคน
รอดูกันว่าพอเขาหายตัวไป ใครจะได้ผลประโยชน์มากที่สุด คนนั้นแหละคือคนร้าย
ชัยวัฒน์ถามด้วยความเป็นห่วง "แล้วอาการบาดเจ็บของท่านประธานจะทำยังไงครับ ให้ผมแอบตามหมอประจำตัวมาไหม"
ภาพใบหน้าดุๆ ของใครบางคนลอยเข้ามาในหัว กรณ์หลุดขำออกมา "คนที่ช่วยฉันไว้เป็นหมอ ขนาดฉันเจ็บหนักเธอยังทำให้ลุกมานั่งได้ ก็ต้องทำให้กลับมายืนได้เหมือนกัน"
ชัยวัฒน์เพิ่งเคยเห็นท่านประธานให้ค่าใครสูงขนาดนี้ พอจะเอ่ยปากถาม ไฟในบ้านก็สว่างขึ้น
"นายเจ็ด? นายอยู่ข้างนอกหรือเปล่า"
ทันทีที่เสียงอลีนาดังขึ้น ชัยวัฒน์ก็รีบหลบหลังต้นไม้อย่างไว กรณ์ส่งสายตาบอกให้เขารีบกลับไปก่อน
"นายเจ็ด นายทำอะไรอยู่น่ะ?"
ตั้งแต่รู้ที่มาของชื่อตัวเอง กรณ์ก็รู้สึกทะแม่งๆ ทุกทีที่ได้ยิน เขาต้องหาทางเปลี่ยนชื่อใหม่ให้ได้
เห็นเธอเดินออกมาแล้ว เขาเลยต้องหาข้ออ้าง "เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงหมาเห่า กลัวว่าผู้ชายกับผู้หญิงเมื่อตอนกลางวันจะกลับมาก่อเรื่องอีก เลยออกมาดูความเรียบร้อยครับ"
คำตอบนั้นทำให้อลีนาอุ่นใจขึ้นมานิดหน่อย "ไม่นึกว่านายจะพอมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ไม่ต้องห่วงหรอก หมาพวกนี้ฝึกมาดี ถ้าคนพวกนั้นกล้าโผล่มาอีก รับรองไม่เหลือแม้แต่กระดูก"
ชัยวัฒน์ที่ยังหนีไปได้ไม่ไกลถึงกับเหงื่อตก ถ้าเมื่อกี้เขาเสี่ยงเข้าไป มีหวัง...
ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวชะมัด ท่านประธานดูแลตัวเองด้วยนะครับ
"ฉันเข็นนายเข้าไปเอง นายเจ็บอยู่ห้ามขยับตัวซี้ซั้ว วันหลังมีอะไรก็เรียกฉัน"
มือขาวผ่องของอลีนาจับด้ามจับรถเข็น สายลมหอบเอากลิ่นหอมหวานจางๆ จากตัวเธอมาแตะจมูก ปลุกเร้าประสาทสัมผัส
กรณ์รู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นนี้อย่างประหลาด เหมือนเคยได้กลิ่นที่ไหนมาก่อน มันทำให้จิตใจเขาว้าวุ่น
อลีนาพาเขามาส่งถึงห้อง แสงไฟที่ตกกระทบลงมาทำให้เธอดูอ่อนหวานละมุนตา พาลให้นึกถึงค่ำคืนเมื่อสี่ปีก่อน ผู้หญิงตัวนุ่มนิ่มที่อยู่ใต้ร่างเขา...
แค่คิดถึง ร่างกายเขาก็ร้อนรุ่มขึ้นมา คืนนั้นมันช่างหอมหวานเหลือเกิน
"นายเจ็ด หูนายแดงมาก ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?"
อลีนานึกว่าเขาออกไปตากลมจนเป็นไข้
กรณ์ยกยิ้มมุมปาก "ชายหญิงอยู่กันสองต่อสอง แถมมีคนสวยอยู่ตรงหน้า นี่เป็นปฏิกิริยาปกติของผู้ชายครับ"
