บทที่ 14 ตอนที่14
“ป้าเอ” เรร่าเดินเข้ามาหาเอเรียด้วยรอยยิ้มพร้อมยื่นกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินอันเล็กยื่นให้เธอ
“อะไร” เอเรียแบมือรับอย่างงงๆ
“พี่ออสตินฝากอปป้ามาให้ ลองเปิดดูสิคะ” เรร่าฉีกยิ้มชะเง้อมองกล่องในมือเอเรียที่ขมวดคิ้วเปิดกล่องช้าๆ มองกำไลหยกสีเทาดำอย่างแปลกใจ
ติ้ง
เสียงข้อความดังขึ้นทำให้เอเรียต้องรีบหยิบมือถือขึ้นมาเปิดอ่านอีกมือ
คนบ้า : ได้ของกำนัลแล้วใช่ไหม ชอบหรือเปล่า มันมีความหมายด้วยนะ
ยาหยี : หมายถึงอะไร
คนบ้า : ช่วยต้านพลังงานด้านลบหรือสิ่งไม่ดีเข้ามา ร่ำรวยเงินไหลมาเทมา
ยาหยี : มันก็แปลกดีนะสีเทาดำ เคยเห็นแต่สีเขียว ขอบใจนะ
คนบ้า : คิดถึงนะ ดูแลตัวเองด้วยละ
เอเรียอ่านประโยคสุดท้ายซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบจนหัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นก่อนจะลงมือพิมพ์ ‘นายก็ดูแลตัวเอง…’ เธอหยุดชะงักลบออกแล้วลงมือพิมพ์ใหม่ เรร่าเงยหน้ามองหน้าเอเรียช้าๆ อย่างไม่เข้าใจ
ยาหยี : อืม
คนบ้า : :^
เอเรียลดมือถือลงเก็บใส่กระเป๋าแล้วหันมาเลิกคิ้วมองเรร่าที่หยิบหยกมาสวมใส่ให้เอเรีย
“มันเป็นของป้าเอนะ ต้องใส่สิ เก็บไว้เสียดายของแย่”
“พรุ่งนี้ป้ามีงานนะต้องบินไปจีน เดี๋ยวจะให้เคทมารับไปอยู่ด้วยนะ”
“ค่ะ” เรร่าฉีกยิ้มแป้นแล้น
“เรากลับกันเถอะ”
“ค่ะ วันนี้เรเลี้ยงไก่ทอดเอง ป้าเอต้องพาเรกับเพื่อนมาที่นี่คงเหนื่อยแย่ คืนนี้เรจะนวดไหล่ให้นะคะ” เรร่าคว้าแขนเอเรียมาซบ
“ดีเลย ช่วงนี้เมื่อยๆ ” เอเรียจูงมือเรร่าเดินออกไปพร้อมสาวน้อยอีกสามสหายที่รออยู่ตรงประตูทางออก
เอเรียลากกระเป๋ามาให้คนขับแท็กซี่ก่อนเหลือบมองเรร่าที่ยื่นส่งด้วยรอยยิ้ม เธอมองหน้าหลานสาวอย่างนึกใจหายอย่างที่ไม่เคยเป็นมากวาดสายตามองบ้านจนทั่วทั้งหลัง เรร่าเดินเข้ามาพร้อมอ้อนขอของฝาก
“ป้าเอเอาขนมกลับมาเยอะๆ นะ”
“อืม ห้ามนอกลู่นอกทางละ”
“โอเค สัญญา” เรร่าชูนิ้วก้อยยื่นไปตรงหน้าเอเรียที่พยักหน้าเกี่ยวก้อยก่อนขยี้หัวเรร่าแล้วเดินไปขึ้นรถโบกมือส่งท้ายอย่างหดหู่ใจ รถแท็กซี่ขับออกสู่ถนนมุ่งหน้าไปสนามบินทันทีอย่างทำเวลา เอเรียเอามือลูบแขนที่สัมฟัสได้ถึงความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านเข้ามาในอณูรูขุมขนทะลุผ่านเสื้อแขนยาวที่สวมใส่อย่างน่าประหลาด ความรู้สึกเช่นนี้ยังคงตามติดตัวแม้กระทั่งขึ้นเครื่องบินลัดฟ้าข้ามน้ำข้ามทะเลสู่เมืองจีนแผ่นดินใหญ่
‘ป้าเอ...กลับมาหาเรได้ไหม’
‘เอเรีย ทำไมแกต้องเจออะไรแบบนี้ด้วย’
‘หลับให้สบายนะคะ จะเป็น fc ตลอดไป’
เอเรียสะดุ้งลืมตาตื่นมองเครื่องลงจอดอย่างนิ่มนวล เธอขมวดคิ้วนั่งนึกถึงความฝันที่ได้ยินเพียงคำพูดก่อนลงจากเครื่องไปรอรับกระเป๋าแล้วเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองออกมาหาคนที่รอรับพาไปโรงแรม ระหว่างทางเธอก็ครุ่นคิดมาตลอดเกี่ยวกับสัมผัสและเสียงที่ได้ยินพลางชำเลืองมองป้ายโฆษณาอันใหญ่ขึ้นรูปเอสจีบ่งบอกเวลาคอนเสิร์ตชัดเจน และสิ่งนั้นทำเธอหวั่นใจเมื่อรถที่นั่งมาเลี้ยวเข้าโรงแรมใกล้ๆ ระดับห้าดาว เอเรียลงจากรถมองโรงแรมก่อนเอียงหน้ามองป้ายคอนเสิร์ตข้างๆ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน คนขับรถลากกระเป๋าเธอเข้ามาด้านในพร้อมติดต่อเซอร์วิสแล้วยื่นกุญแจส่งให้ เธอรับมาด้วยรอยยิ้มพร้อมก้มหัวในเชิงขอบคุณ
“จะดื่มกันจริงๆ เหรอเนี้ย” เสียงคุ้นหูดังเข้ามาทำให้เอเรียหันมองพร้อมขมวดคิ้ว จุนแจชะงักถือของมากมายเดินนำเข้ามามองเอเรียตาปริบๆ อย่างแปลกใจ
“เอสจีหรอ” เอเรียเองก็มีอาการไม่แพ้กัน
“เอ้าๆๆ หนักจะตายอยู่แล้ว” สมาชิกเอสจีอีกคนเดินหอบของกินมากมายตามเข้ามาติดๆบ่นหัวเสียก่อนเบรกหน้าเกือบทิ่มอยู่ข้างจุนแจหันมองเอเรียอย่างรวดเร็ว “ตามออสตินมาเหรอ”
“ฉันมาทำงาน เอสจีเปิดคอนที่นี่หรือคะ” เอเรียยังคงถามย้ำเพื่อความมั่นใจ
“ใช่ครับ คุณออสตินไม่ได้บอกหรอ พวกเราเพิ่งมาถึงเมื่อวาน ส่วนคุณออสตินมาจัดแจงเรื่องที่พักและความเรียบร้อยให้พวกเรานะครับ” จุนแจตอบด้วยรอยยิ้ม
“ไหนๆ ก็มาแล้ว ปาร์ตี้กันไหม ออสตินต้องอึ้งแน่ๆ ” สมาชิกในวงคนเดิมชวนเธอที่ส่ายหน้าไปมากำกุญแจห้อง
“ไม่ดีกว่าค่ะ อยากพักผ่อนมากกว่าเพิ่งลงเครื่องมาหมาดๆ ”
“โอเค ตามนั้น”
เอเรียฉีกยิ้มก่อนก้มหัวลาปิดท้ายเดินตามคนที่พามาขึ้นไปหาห้องพักชั้นบน จุนแจมองเลขห้องที่กุญแจในมือเธอก่อนเหลือบมองคนข้างๆ ที่กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์เดินตีคู่กันขึ้นลิฟต์ เอเรียเดินเข้ามาในห้องก่อนฉีกยิ้มส่งคนพามาแล้วปิดประตูห้องลงกลอนมองตู้เตียงทีวี มินิบาร์ฉบับโรงแรมหรูแอร์เย็นฉ่ำโน้มตัวลงบนเตียงนุ่มๆ ยกมือก่ายหน้าผากหลับตาลง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ยังไม่ทันได้ทำอะไรเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เอเรียต้องลืมตาเด้งตัวขมวดคิ้วไม่อยากเดินไปเปิดประตู
