บทที่ 15 Chapter 15

“ไอ้คนเลว ฉันไม่อยากคุยกับคนแบบคุณแล้ว เอาเถอะ ถ้าเงินน้อยนิดนั่นมันจะทำให้คุณรวยมากขึ้นก็เชิญโกงเราสองคน โกงความไว้ใจของคนตายได้เลย ฮึ!”

ตรีนุชสุดจะทนแล้ว เธอสาดคำด่าทอใส่หน้า แล้วผลุนผลันลุกจะหนีออกจากห้องนั้น แต่เรียวแขนกลับถูกตะปบจับรวดเร็วพอกัน

เพชรพญาหน้าบึ้งตึง ตาแข็งกร้าว มือที่ใหญ่และแข็งไม่ต่างคีมเหล็กบีบมือเล็กแน่น สาวน้อยหน้าเสีย

“คนอย่างฉันไม่เคยโกงใคร แต่ที่เตือนก็เพราะหวังดี ถ้าเธอกับพี่สาวไม่อยากมีชะตากรรมที่เลวร้ายแบบนั้นก็ทำตัวดีๆ โดยเฉพาะเธอ แม่เด็กปากดี ทำตามที่ฉันสั่ง ไม่อย่างนั้นอย่ามาว่าฉันใจร้าย ทุกอย่างที่จะเกิด มันคือผลของการกระทำของตัวเธอเอง”

ถ้อยข่มขู่อย่างทุเรศน่ารังเกียจไม่ทำให้ตรีนุชกลัว แต่บุญคุณที่คุณกอบเกื้อมีให้ มันทำให้เธอไม่อาจพากรณิการ์เดือดร้อนไปด้วยได้

“ได้! รับปากก็ได้ ฉันจะไม่พาอ้อนไปทำตัวเสียหายอย่างที่คุณกลัว แต่ตัวฉันคุณไม่มีสิทธิ์มาบังคับ”

หลังจากที่เปมิศาเข้าทำงานที่บริษัทของเพชรพญาในตำแหน่งพนักงานฝ่ายการตลาดทำให้เธอไม่มีเวลามายุ่งกับเด็กสาวทั้งสองมากนัก แต่เรื่องลำบากใจที่ตามมาคือ เปมิศามักจะพาหนุ่มๆ มาที่บ้าน ซึ่งหลายครั้งก็เป็นอาเสี่ยหัวงูมาดูตัวกรณิการ์ ตรีนุชไม่ชอบใจนัก เพราะเธอคิดว่าพวกเธอยังเด็กและไม่อยากเป็นของเล่นของใคร ที่สำคัญเธอกลัวเปมิศาจะเดือดร้อนเพราะเพชรพญาเคยขู่ไว้ ทุกครั้งที่เปมิศาพาผู้ชายมาดูตัวกรณิการ์ไม่เคยรอดสายตาเขาสักครั้ง

“เจ็บใจฉิบหาย มันทำให้ฉันนึกถึงเรื่องที่พวกนังนันมันวางยาฉันเลยอะ” ตรีนุชโกรธจัด ไม่คาดคิดว่าเพื่อนร่วมชั้นเรียนจะทำกับเธอได้ เธอแทบอยากกราดเข้าไปหาคนต้นเรื่อง “คิดมาทีไร อยากแล่นไปตบพวกมันให้ปากฉีก”

พิริยะส่ายหน้า รีบดึงเพื่อนรักให้นั่งลงเหมือนเดิม เพราะตอนนี้พวกตนอยู่ในบริเวณโรงเรียน

“อะไร พูดเรื่องน้าเปรมไหงไปลงเรื่องเก่าได้ ใจเย็นน่ะ เรื่องผ่านมาตั้งเดือนแล้ว จะไปตบเขาแล้วมีหลักฐานเหรอยัยสาม ดีไม่ดีแกจะโดนทางโรงเรียนภาคทัณฑ์เอานะที่ก่อเรื่องทะเลาะวิวาท ไม่คุ้มหรอกน่า”

“แล้วจะให้ฉันปล่อยพวกมันลอยนวลรึไง”

“ใครว่าปล่อย แกเห็นไหมล่ะ พวกไอ้นิวัติกล้ามาวอแวกับแกหรือก็เปล่า คุณเพชรสั่งพี่โยจัดการพวกนั้นแล้ว”

“อะไรนะ!”

ตรีนุชหน้าตาเหลอหลา เพชรพญาน่ะเหรอจะทำแบบนั้น

“ฉันได้ยินกับหู ไอ้พวกนั้นมันคงไม่กล้ามาวอแวกับเด็กเสี่ยเพชรหรอก ขืนมายุ่งมีหวังคอขาด” พิริยะพูดกลั้วหัวเราะ มองเด็กเสี่ยตรงหน้าอย่างนึกขำ

หน้าตามันแผล็บ เนื้อตัวมีแต่เหงื่อไคล เพราะนิสัยลุยๆ ของเจ้าหล่อน นี่ตรีนุชก็เพิ่งเล่นตะกร้อมา ทำให้เหงื่อเปียกชุ่มทั่วร่าง

“หึ นึกว่าจะดีเด่นมาจากไหน ที่แท้ก็แค่มีเสี่ยเลี้ยง ทำตัวเลิศหรูดูแพง... พูดให้ง่ายมันก็ขายตัวนั่นล่ะว้า...”

ตรีนุชยังอ้ำอึ้ง สุดานันท์ที่ตั้งใจเดินเข้ามาหาก็ส่งเสียงหยามเยาะ ปรายตามองมาที่เธอด้วยสายตาชนิดหนึ่งที่ทำให้ตรีนุชฉุนวูบ เลือดขึ้นหน้า

“ใครขายตัว พูดดีๆ นะ”

“ไม่รู้สินะ ที่ฉันรู้ๆ พวกเด็กเสี่ยทั้งหลายมันแค่เมียเก็บเมียน้อย ขายตัวให้พวกป๋ากระเป๋าหนักคอยสนองอารมณ์ใคร่ของพวกนั้นนั่นละ ใช่มั้ยพวกเรา” สุดานันท์หันไปพยักพเยิดหน้ากับเพื่อนๆ ในกลุ่มที่เดินมาด้วย

ตรีนุชกำลูกตะกร้อในมือแน่น ส่งสายตาดุกร้าวมองคนปากพล่อย

“ฉันไม่ได้เป็นเด็กเสี่ย”

“แล้วจะอธิบายเรื่องที่แกไม่ถูกจับได้ยังไง พวกฉันโดนกันทุกคน ไหนจะเรื่องที่มีคนมาข่มขู่พวกนิวัติอีก แล้วอย่าคิดว่าพวกฉันไม่รู้ คนที่มาจัดการเรื่องค่าเรียนของแกกะนังอ้อน คนของเสี่ยเพชรไม่ใช่รึไง”

ตรีนุชไม่เคยรู้สึกโกรธใครจนควันออกหูแบบนี้มาก่อน เธอรู้เรื่องที่คุณกอบเกื้อไหว้วานเพชรพญาเป็นธุระเรื่องค่าเล่าเรียนให้ เพราะกลัวเปมิศาจะไม่ยอมให้เธอสองคนเรียนต่อถ้าท่านเป็นอะไรไป แต่พวกนี้ไม่รู้เรื่อง แล้วยังกล้ามาพูดว่าเธอให้เสียหายอีก

พิริยะเห็นท่าเรื่องจะบานปลายจึงรีบห้าม

“ไม่เอาน่านัน อะไรที่แล้วก็แล้วไปเถอะ เธออย่านึกนะว่า เราไม่รู้เรื่องที่เธอทำ เธอผสมอะไรในน้ำให้สามกินน่ะ”

“อะไร อย่ามาพูดพล่อยๆ”

“เราไม่พูดพล่อยหรอก ถ้าเธอเชื่อว่าสามเป็นเด็กเสี่ยเพชร ทำไมไม่คิดว่า อิทธิพลระดับเสี่ยเพชรจะหาหลักฐานเรื่องที่เธอทำไม่ได้ ในผับนั่นมันมีกล้องเยอะแยะ เธอไม่เห็นเหรอ”

“ปากเปราะแล้ว ไอ้! ว้าย!”

สุดานันท์ร้องลั่น เมื่อจู่ๆ ลูกตะกร้อหวายก็พุ่งมาที่หน้าเธอเต็มๆ เพื่อนในกลุ่มแตกกระจาย หลบกันไปคนละทาง

ความเจ็บแสบแปลบไปทั่วแก้ม แต่นั่นไม่รวมความอายที่ใครในบริเวณต่างหันมามอง

“นังสาม! ฉันจะฟ้องครู”

“ไปเลย ขี่ม้าสามศอกไปฟ้องเลย แล้วทีนี้ฉันจะดูเหมือนกัน ถ้าฉันเอาวิดีโอที่เธอทำมาแฉบ้าง ใครมันจะเน่ามากกว่าใคร อย่าลืมสิ ฉันมันเด็กเสี่ยไม่ใช่เหรอ”

“แก!” สุดานันท์เดือดดาลแต่ทำอะไรคนตรงหน้าไม่ได้ เพื่อนๆ เห็นท่าเรื่องจะไปกันใหญ่จึงรีบลากตัวออกไป

พิริยะได้สติเช่นกัน เขารีบฉวยมือเพื่อนรักออกไปจากบริเวณนั้น

บทก่อนหน้า
บทถัดไป