บทที่ 2 2 คนขี้เล่น
“ตามสบายครับ ผมชอบกินเหล้าเงียบๆ มากกว่า”
“แล้ว... ไม่อยากออกไปกินในที่ที่มัน...เงียบกว่านี้เหรอคะ” ดวงตาสวยคมจากอายไลเนอร์ช้อนขึ้นมองอย่างมีความนัย
ฟ้าครามกระตุกยิ้ม เสียงพยับหมอกครวญเพลงซึ้งๆ ลั่นห้องกระจกที่เก็บเสียงอย่างดี หน้าคมเข้มก้มลงมาใกล้ดวงหน้าสวยคมบาดใจชาย
“เรื่องบางเรื่อง ผมไม่ชอบกินแบบเงียบๆ ชอบเสียงดังๆ มากกว่า”
“งั้นเราก็คิดเหมือนกันสิคะ” สาวสวยยิ้มหวานหยด ปากเผยอ สายตายั่วเย้าทอดส่งใส่ตาคมกริบ ขณะหัวใจในอกสั่นรัวด้วยความกระสันหา ปรารถนาเรือนร่างแข็งแกร่งของชายหนุ่มตรงหน้า เพราะเขาถูกตาต้องใจเธอตั้งแต่แรกเห็น
คนหน้านิ่งไม่ตอบ สาดเหล้าลงคอเงียบๆ นั่นเพราะคืนนี้ ฟ้าครามไม่คิดจะสานต่อสัมพันธ์ใดๆ กับผู้หญิงคนไหน
เมื่อหนุ่มหล่อไม่ตอบ สาวสวยไม่เร่งเร้า เฝ้าคอยดูแล บริการชงเหล้าให้พร้อมๆ กับพูดคุยร้องเพลงกับคนอื่นๆ อย่างสนุกสนานตามอาชีพของเธอ ไม่ว่าลูกค้าจะหน้าตายังไง เธอก็ต้องบริการอยู่แล้ว เพียงแต่คืนนี้โชคดีที่ได้ดูแลลูกค้าหุ่นกำยำล่ำสัน กล้ามเนื้อแน่นด้วยซิกซ์แพ็ก หน้าตาหล่อเหลาถูกสเปก ถึงจะหน้าครึ้มแนวหนวดเคราสั้นๆ แต่พิมพ์นี้สาวนิยมจึงยิ่งทำให้อารมณ์ดีและมีความรื่นเริงมากเป็นพิเศษ
อีกสองสาวก็เฝ้านัวเนียแนบชิดสองหนุ่ม คอยเอาอกเอาใจเป็นอย่างดี เพราะนอกเหนือจากรายได้หลัก เธออาจจะได้ทิปพิเศษเพิ่มเติม รึไม่ก็ได้หนุ่มหล่อไปออกรอบร้องเพลงรักกันบนเตียงด้วย
ยิ่งดึกยิ่งเมา ยิ่งเมาความทะเล้นทะลึ่งก็ยิ่งมีมากขึ้น เมื่อร้องเพลงจนคอแหบแห้งก็พากันนั่งซบอิงแอบดื่มกินสุราเคล้านารีให้กระชุ่มกระชวยปอด พลางบอกเล่าเรื่องของตนเองคร่าวๆ อันเกิดจากการเล่นเกมที่เล่นกันง่ายๆ ว่าด้วยการหมุนขวดบนโต๊ะ ปากขวดชี้ไปที่ใครคนนั้นต้องดื่มหมดแก้ว พร้อมตอบคำถามที่คนหมุนขวดจะถาม
“บ้านพี่ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่พ่อค้าขายส้มธรรมด๊าธรรมดาครับ” จอมทัพ หนุ่มจอมทะเล้นพูดพลางทำตากรุ้มกริ่ม กะลิ้มกะเหลี่ยใส่สาวสวยที่นัวเนียแนบชิด
“แหม... น่ากินจังนะคะ ภาคเหนืออากาศดี ได้ยินว่าส้มอร่อย แถมลูกใหญ้...ใหญ่” หญิงสาวยิ้มหวาน ส่งเสียงยั่วเย้า ทั้งเบียดตัวเข้าแนบชิดลำแขนแข็งแน่นกำยำ เสียดสีเนื้อตัวนุ่มกรุ่นกลิ่นน้ำหอม ด้วยหวังว่า จะได้ลองลิ้มรสชาติส้ม
“อยากรู้ต้องชิม... นะครับ” พ่อค้าส้มขยิบตาทำท่าเจ้าชู้ใส่...
“แล้วสุดหล่ออย่างพี่ครามคนนี้ล่ะคะ ที่บ้านทำอะไรเอ่ย น่ากินเหมือนพี่จอมมั้ย แต่กี้ว่า...รสชาติคงอร่อย...ไม่แพ้ส้มมังคะ อยากลองชิมจัง” สาวสวยที่เพียรทอดสะพานฉะอ้อนหน้าถาม เลื่อนฝ่ามือสัมผัสแผ่นอกกว้างแน่นตึงออกไปทางกระด้าง ส่งเสียงหวานกับหนุ่มหล่อคมข้างกาย
ฟ้าครามกดยิ้ม สาดเหล้าลงคอทีเดียวหมดแก้ว
“บ้านผม เลี้ยงไส้เดือนขายครับ”
จอมทัพสำลักเหล้าพรวด ขณะที่พยับหมอกสะดุ้งโหยง ตวัดสายตาขวางมองเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด
ดูมันทำ! ไอ้เวร! มันกำลังจะทำให้เขาชวดอดกินเนื้อนมไข่
ไอ้หอกคราม!
“แหม... พี่ครามนี่ขี้เล่นจังนะคะ ชักอยากรู้แล้วสิว่า จะเล่นเก่งขนาดไหน” สาวสวยสะอึกไปเล็กน้อยแต่รีบปรับสีหน้า แสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน เธอหมายตาหนุ่มหล่อแบบเขานี่นา
“ถ้ามีโอกาส” ชายหนุ่มตอบเสียงขรึม นอกจากเขาไม่อยากเล่นแล้ว ยังรู้สึกเบื่อๆ กับเสียงเพลงเสียงหัวเราะรื่นระริกของสาวๆ และเพื่อนของเขา
ฟ้าครามทำไม่รู้ไม่ชี้กับรัศมีอาฆาตที่เพื่อนรักทั้งสองส่งมาทางสายตาเอาเรื่อง
“เฮ้ย! เดี๋ยวกูกลับก่อนนะ นัดไอ้เพชรไว้ คืนนี้จะไปค้างกับมันก่อนกลับว่ะ”
“อ้าว ไอ้เพชรรุ่นน้องมึงน่ะเหรอ ไม่นัดมันมากินเหล้าด้วยกันวะ”
“มันยุ่ง กูมีธุระกับมันนิดหน่อยด้วย จะแวะหามันก่อนแล้วค่อยกลับบ้านเลย”
“เออๆ เดินทางดีๆ นะเพื่อน ไว้มาชนแก้วกัน”
“เออ เจอกันเมื่อชาติต้องการโว้ย กูไปละ”
“แหม... พี่ครามไม่น่ารีบกลับเลยนะคะ” สาวกี้ทำเสียงเสียดาย มองแผ่นหลังกว้างที่ลับหายออกประตูไปแบบไม่เหลือบแลมาทางเธอสักนิด
“อย่าไปสนไอ้บ้านั่นเลยจ้ะ พี่จอมยังอยู่ มามะ มานั่งใกล้ๆ พี่นี่มา”
เสียงแว่วๆ ก่อนประตูจะปิดตามหลังเรียกรอยยิ้มประดับมุมปากได้รูปของฟ้าคราม เขารู้ว่าสาวสวยปรารถนาอะไร แต่เขาไม่คิดเสียดายและไม่มีอารมณ์เรื่องนั้นสักนิด เพราะมีเรื่องอื่นที่มันกวนใจอยู่ นับแต่รับโทรศัพท์จากบิดาเมื่อเช้า
คำไหว้วานยังแว่วอยู่ในหู เมื่อท่านรู้ว่าเขาจะเดินทางขึ้นอีสานจึงฝากฝังให้จัดการเรื่องบางเรื่องให้
นั่นคือการรับเด็กคนหนึ่งกลับไปบ้านด้วย เพื่อเลี้ยงดูอุ้มชู เท่าที่มิตรคนหนึ่งจะทำให้กับคำขอร้องสุดท้ายของคนตาย
จะเลี้ยงคนอีกสักสิบคนฟ้าครามไม่มองว่าเป็นปัญหา แต่เด็กที่จะไปรับนี่สิ ดันเป็นเด็กผู้หญิง แถมยังเกี่ยวข้องกับคนที่เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวเสียอีก
ทฤษฎีว่าด้วยโลกกลม มันคงจะกลมเกินไปจริงๆ แถมยังเล่นตลกร้ายกับชีวิตคนเสียด้วย
ใช่ว่าเขาจะยี่หระ เพียงแต่รำคาญที่ต้องข้องแวะกับใครคนนั้น คนที่ถีบตัวเองหนีจากเขาเพื่อไปแต่งงานกับหนุ่มใหญ่ ที่มีเงินถุงเงินถังมากกว่า เพราะคิดว่าเขามันแค่นักศึกษาจนๆ
ตลกร้ายคือผู้ชายคนนั้น นายกอบเกื้อ พุทธรัก ดันเป็นเพื่อนรุ่นน้องของบิดาของเขาเสียนี่ ครั้นพอจะจากโลกนี้ไปได้ ไหว้วานฝากฝังให้พ่อเขารับลูกสาวคนเดียวมาช่วยดูแลเลี้ยงดูอุปการะ
ที่จริงแล้ว บิดาตั้งใจจะเดินทางไปเจรจาขอรับตัวเด็กคนนั้นด้วยตัวเอง แต่เนื่องจากท่านอายุมากแล้ว ฟ้าครามไม่อยากให้ต้องตะลอนๆ จากใต้ขึ้นมากรุงเทพฯ เขาจึงอาสา ทั้งที่ไม่อยากเลยสักนิดเดียว
