บทที่ 6 เดินทาง
ชายหนุ่มถอนใจอย่างระอา ในใจตอนนี้มันคิดว่า เขาเคยมองเคยรักผู้หญิงตรงหน้าได้ยังไงกัน
เปมิศาเดือดดาล มือกำแน่น ตัวสั่นเทานิดๆ ดวงตาวาววับจ้องสบตาอดีตคนเคยรักอย่างเหยียดหยาม
“ใช่ เสี่ยอูเขามีเงินมีทองมากองเป็นสินสอด ซึ่งนั่นเปรมคิดว่ามันก็ถูกต้องแล้ว เด็กเราดูแลเลี้ยงกันมา ถึงไม่ใช่ลูกเต้าแท้ๆ แต่เปรมคงไม่ปล่อยให้ยัยอ้อนต้องไประเหเร่ร่อนกับผู้ชายไม่มีอะไรเลยหรอกนะ อ้อ ถ้าคุณอยากได้ตัวเด็กนั่นจริง ก็แต่งงานกับมันสิ เอาเงินทองมากองตรงหน้าเปรมนี่ แล้วเปรมจะให้ไป”
ตาคมวาวโรจน์ขึ้น ปากได้รูปเม้มกันจนเป็นเส้นตรง ชั่วแวบเดียว ก็กลับเป็นปกติ สีหน้าเรียบราบเฉยชากับแววตาไร้ความรู้สึกจับจ้องมองหญิงสาวสวยตรงหน้าอย่างรู้สึกสมเพชใจ
“เปรมไม่ได้ดูถูกคุณ แต่ลูกคุณหนูแบบยัยอ้อนที่ทำอะไรไม่เป็นเลย ไม่เหมาะจะไปกัดก้อนเกลือกินหรือตรากตรำลำบากทำงานหนักหรอกนะ คุณกลับไปเถอะ”
“คุณก็รู้ดีนะว่า สั่งผมไม่ได้ ผมจะไม่แต่งกับเด็กนั่นเพราะคุณบอกให้แต่ง หรือหอบเงินหอบทองมากองตรงหน้าคุณหรอกนะ ถามเด็กดีกว่า ว่าอยากไปลำบากกับผมหรืออยู่กับคุณเพื่อแต่งงานกับเสี่ยบ้าตัณหา” ฟ้าครามคร้านจะต่อปากกับเปมิศา ที่ดูท่าแล้วคงพูดกันไม่รู้เรื่อง เพชรพญาพาสองสาวกลับเข้ามาพอดี เขาจึงหันไปถาม “ว่าไงอีหนู จะอยู่ที่นี่หรือไปกับฉัน”
เปมิศาตวัดตาดุๆ จิกมองหน้าลูกเลี้ยงสาวคนสวย จงใจใช้สายตาแบบที่ทำประจำเพื่อข่มให้เด็กสาวกลัว
กรณิการ์กลืนน้ำลายไม่ลง ลำคอแห้งผาก มองเห็นเส้นทางชีวิตของตนชัดเจนจนน่าใจหาย
ถ้าอยู่ที่นี่...เธอก็ต้องแต่งงานกับคนที่แม่เลี้ยงหาให้
แต่ถ้าไปกับเขา... ผู้ชายหน้าดุ ตัวสูงใหญ่ บุคลิกอย่างกับโจรป่า ชีวิตเธอคง...
สาวน้อยหันไปมองตรีนุช สาวผู้พี่ส่ายหน้าคล้ายจะบอกว่าไม่ให้เธอเลือกสักทาง เธอมองเลยไปที่เพชรพญา ชายหนุ่มใจดีที่คอยช่วยเหลือเธอและตรีนุชมาตลอด เขาเป็นคนดี มีน้ำใจ... แม้ดวงตาที่เธอสบนั้นนิ่งไม่บอกอะไร กรณิการ์รับรู้ได้ว่า เขาอยากให้เธอตัดสินใจยังไง
“อ้อนจะไปกับคุณครามค่ะ”
“ยัยอ้อน!!!” เปมิศากับตรีนุชร้องลั่นพร้อมกัน ฝ่ายแม่เลี้ยงนั้น ตวาดออกมาเสียงลั่นมากกว่า
สถานีรถไฟหัวลำโพง
ร่างแบบบางพร้อมในชุดเดินทางเสื้อยืดกางเกงยีน มีเสื้อแขนยาวสวมทับอีกชั้น สัมภาระไม่มีอะไรมาก เป้เล็กหนึ่งใบ กระเป๋าสะพายใส่โทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ เธอเดินตามคนตัวใหญ่ต้อยๆ ตั้งแต่แยกจากเพชรพญาและตรีนุช ทั้งสองมาส่งที่สถานีรถไฟ
ตรีนุชมีความกังวลกระจายเต็มใบหน้า ส่วนเพชรพญานั้นมีรอยยิ้มให้ตลอดเวลา
กรณิการ์ลอบมองแผ่นหลังกว้าง ไม่รู้ว่าการตัดสินใจของเธอจะถูกหรือผิดที่เลือกมากับเขา...คนแปลกหน้า จะดีขึ้นหรือเลวร้ายกว่าการอยู่กับเปมิศา ใจเธออดหวั่นไม่ได้
มาคิดกังวลตอนนี้คงเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว กรณิการ์ถอนใจยาว...
รถไฟตู้นอน คือตั๋วที่ฟ้าครามจองเอาไว้ แต่ตอนที่ขึ้นมายังไม่มืด ลักษณะจึงเหมือนที่นั่งโดยสารทั่วไปที่เป็นเก้าอี้เรียงกันสองฝั่ง ตรงกลางเป็นทางเดิน
“กินอะไรก่อนสิ”
ถุงของกินเล่นถูกวางลงตรงหน้า ในนั้นมีไข่ทรงเครื่อง ลูกชิ้นปิ้ง และน้ำดื่ม เขาซื้อก่อนจะขึ้นมาบนรถนี่เอง
ครั้งนี้เป็นการเดินทางโดยรถไฟครั้งแรกของกรณิการ์ เธอจึงสนใจสถานี รถไฟ ผู้คนมากหน้าหลายตาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ได้เห็นเป็นครั้งแรกมากกว่าจะนึกถึงเรื่องซื้อของกิน
“ให้อ้อนเหรอคะ”
“ใช่ กินรองท้องไปก่อน ไว้รถจอดพักค่อยหาอะไรกิน”
“เอ่อ ขอบคุณค่ะ”
เสียงเขาค่อนข้างราบเรียบแต่มีกระแสเสียงที่ดุอยู่ในที ทำให้สาวน้อยก้มหน้ารับคำอย่างเสียไม่ได้ เธอไม่ค่อยหิว แต่กินรองท้องไว้ก็ดีจึงปอกไข่กินไปสองลูกเท่านั้น
รถเคลื่อนออกจากสถานี เป้าหมายคือจังหวัดใหญ่จังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ ฟ้าครามนั่งกอดอกเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ในท่าสบาย ตามองออกไปนอกหน้าต่าง แต่ลอบสังเกตสาวน้อยตรงหน้าเป็นระยะ
เวลาเงียบๆ ก็ดูเรียบร้อย หน้าตาน่ารักสวยใสผิดกับสาวสวยเย้ายวนที่แต่งหน้าเข้มจัดคืนก่อน นิสัยที่แท้จริงของเจ้าหล่อนจะเป็นยังไงนั้นคงต้องรอดูต่อไป หวังว่าเจ้าหล่อนคงไม่ใช่เด็กใจแตก ไปทำตัวแย่ๆ ให้พ่อเขาต้องหนักใจ
“เรียนจบอะไร”
กรณิการ์เกือบทำขวดน้ำร่วง จู่ๆ เสียงห้าวก็ดังขึ้น เธอเหลือบมอง เขายังอยู่ในท่าเดิมคือมองออกไปนอกหน้าต่างไม่ได้สนใจเธอสักนิด
“ปวส.ค่ะ เรียนทำขนม”
“แล้วจะไปทำอะไรกิน”
เขาไม่ได้นึกดูถูก เพียงแต่แปลกใจเท่านั้นๆ เด็กๆ สมัยใหม่น้อยคนที่นึกอยากเรียนเรื่องพวกนั้น
สาวน้อยอึ้งไปนิด ความทรงจำเมื่อครั้งบิดายังอยู่ผุดขึ้นมาในหัว
“อ้อนชอบทำขนม ตั้งใจจะเปิดร้านเบเกอร์รีเล็กๆ หลังจากเรียนจบแล้วก็หาประสบการณ์ให้ตัวเองสักพัก แต่ว่า...”
เสียงหวานอ่อนลงและเงียบหายไปในที่สุด ฟ้าครามไม่หันมามอง พอจะเข้าใจความรู้สึกของสาวน้อย
“แล้วอยากเรียนอะไรต่อ”
“อ้อนอยากเรียนทำขนม ทำอาหารค่ะ ตอนนี้ก็พอทำได้ ทำเป็นอยู่หลายอย่าง แต่คงยังเปิดร้านไม่ได้”
“นั่นสิ อายุแค่นี้ เรียนให้จบปริญญาก่อนดีไหม”
“อ้อนไม่มีเงินหรอกค่ะ ที่เรียนจบมาได้นั่นก็ดีแล้ว คิดว่าจะหางานทำดีกว่า”
“งานอะไร หรืองานแบบคืนนั้น”
“งานอะไรคะ คืนไหน...”
ดวงหน้าใสเอียงมองคนถามอย่างสงสัยใคร่รู้ ถ้าเขามีงานให้เธอทำก็ดีสิ งานสุจริต ไม่ต้องขายตัว ไม่ต้องแต่งงานกับใคร แต่ว่า... เธอแต่งงานกับใครไม่ได้แล้วสิ!
นั่นเพราะเธอแต่งงานกับเขาไปเรียบร้อย!
