บทที่ 3 ตอนที่ 3
“คอยดูเถอะ ฉันจะตอบแทนความร่าน ความอยากของเธอให้ถึงใจเลยทีเดียว”
ไม่... ไม่... เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับแม่นั่น ไม่ได้รู้สึกอะไรกับลียาแม้แต่น้อย ก็แค่... แค่ไม่อยากให้ผู้ชายคนอื่น ๆ โชคร้าย เพราะถูกมนต์ขลังจากแม่นั่นเล่นงานเท่านั้นเอง
คิดได้เช่นนี้ ร่างสูงใหญ่ของเอโดเกลก็ก้าวพรวดพราดหายเข้าไปในห้องแต่งตัวทันที ไม่นานก็ออกมาพร้อม ๆ กับความหล่อลากดินสมบูรณ์แบบพร้อมออกงานเลี้ยง
“คิดหรือว่าฉันจะยอมให้เธอทำได้สำเร็จ”
แล้วเอโดเกลก็เดินออกจากห้องนอนของตัวเอง มุ่งหน้าไปยังลิฟต์แก้ว แต่ระหว่างทางก็สวนกลับราฟาลที่พึ่งกลับมาจากประชุมงานเสียก่อน
“แต่งตัวซะหล่อ จะไปไหนหรือเอดี้”
“ผมจะไปงานเลี้ยงครับ”
“งานเลี้ยง?” คิ้วเข้มหนาดำของราฟาลเลิกขึ้นสูง ก่อนจะพูดต่อขึ้น “ใช่งานเลี้ยงเดียวกับที่เจ้าแดนไปหรือเปล่า”
“ครับ นั่นแหละ” เอโดเกลรับคำเสียงไร้ความรู้สึก
“อ้าวเหรอ... ไหนเจ้าแดนมันบอกว่านายไม่ไปยังไงล่ะ แล้วทำไม...” ราฟาลยังพูดไม่ทันจบเอโดเกล น้องชายก็รีบตัดบทจบการสนทนาไปเสียก่อน
“ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ เอาละ ผมไปก่อนครับ งานจะเริ่มแล้ว”
“เฮ้... เดี๋ยวก่อนสิ”
ราฟาลพยายามจะเรียกน้องชาย แต่เจ้าตัวแสบหายเข้าไปในลิฟต์เสียแล้ว ชายหนุ่มผู้พี่จึงทำได้แค่ส่ายศีรษะน้อย ๆ และพูดออกมาด้วยความขบขันเท่านั้น
“หวังว่าคงไม่ได้ตามไปหวงก้างใครนะ”
พรมหนาสีแดงที่ทอดยาวไปยังประตูรถเบื้องหน้า ทำให้ลียาขาสั่นเทา หล่อนก้าวตามดานีนลงไป และแอบอยู่ด้านหลังของเจ้านายสาว
“มันไม่มีอะไรน่ากลัว ลียา... ที่นี่มีแต่ผู้คนที่น่าอัศจรรย์ทั้งนั้น เชื่อฉัน” ดานีนหันมองกระซิบบอกลียาเสียงให้กำลังใจ ก่อนจะสอดแขนเข้าไปในลำแขนกำยำของเดนิเรล จากนั้นก็เดินนำหน้าไป ลียารีบเดินตามเข้าไปติด ๆ
สายตาของผู้คนจำนวนมากทั้งผู้หญิงผู้ชายต่างจับจ้องมายังหล่อน มองเขามองหล่อนอย่างสมเพช เหยียดหยาม หรือว่าชื่นชมกันนะ แม้จะพยายามคำตอบให้กับตัวเองยังไง แต่หล่อนก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือการยืนก้มหน้านิ่ง ๆ และอยู่ข้าง ๆ คอยรับใช้ดานีนเท่านั้นเอง
ความจริงหล่อนปฏิเสธดานีนไปตั้งแต่ครั้งแรกที่หญิงสาวออกปากชวนแล้ว แต่ดานีนก็หาข้ออ้างจำนวนมากมายมาเกลี้ยกล่อมหล่อน จนสุดท้ายหล่อนก็ต้องมา มาในสถานที่ที่เต็มไปด้วยความโอ่อ่า ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่ที่ที่หล่อนสมควรจะยืนอยู่
หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบงาน สาวน้อยสาวใหญ่จำนวนมากต่างแต่งองค์ทรงเครื่องมาประชันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทุกคนสวย ทุกคนงดงาม ทุกคนดูเลอค่า ในขณะที่หล่อนเป็นได้แค่เพียงหนูสกปรกเท่านั้น เพราะอย่างนี้ล่ะมั้งเอโดเกลถึงได้บอกว่าหล่อนไม่สมควรจะมา
“ลียารอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันตามคุณแดนไปทักทายท่านทูตก่อน” ดานีนหันมากระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูของหล่อน ก่อนจะเดินจากไป
ลียาระบายยิ้มเศร้า ๆ หล่อนยืนเคว้งคว้างอยู่กลางงานเลี้ยงของผู้มีอันจะกินทั้งหลายอยู่หลายนาทีก็ต้องหน้าชาดิก เมื่อมีสาวสวยสามคนเดินตรงเข้ามาทักทาย ไม่สิ... เข้ามาหาเรื่องต่างหาก
“เธอเป็นลูกเต้าใครกัน พ่อเธอชื่ออะไร ตำแหน่งอะไร” คำถามที่ออกมาจากปากสาวสวยจัดนางหนึ่งทำลียาถึงกับอึ้งไปพักใหญ่
“เอ่อ คือว่าฉัน...”
“หรือว่าเป็นลูกสาวของรัฐมนตรีท่านไหน แต่ถ้าใช่ ทำไมฉันไม่คุ้นหน้าเธอเลยล่ะ” ผู้หญิงอีกคนถามขึ้นด้วยความสงสัย ตวัดสายตามองหล่อนตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพิจารณา ก่อนจะมาหยุดที่สร้อยคอเพชรของดานีนที่หล่อนได้สิทธิ์สวมใส่ในค่ำคืนนี้ตาเขม็ง
“แล้วนั่นเพชรจริงหรือเปล่า”
“ใช่... แล้วมันของเธอหรือเปล่า”
แม่สาวทั้งสามคนยื่นห้อมล้อมและกดดันหล่อนด้วยสายตา วาจา และกิริยา
“เพชรจริงค่ะ”
ลียาเม้มปากแน่น ตอบออกไปเสียงแผ่วเบา และพยายามจะปลีกตัวเดินหนี แต่แม่สาวทั้งสามคนก็ยังราวีไม่เลิก
“อย่าพึ่งไปสิ บอกมาก่อนว่าเธอเป็นใคร”
หากหล่อนไม่ตอบออกไป สาวสวยทั้งสามคนนี้ก็คงจะไม่หยุดราวีหล่อนอย่างแน่นอน ลียาฝืนยิ้มบาง ๆ ก่อนจะตอบออกไปตามความจริง
“ดิฉันเป็นสาวใช้ที่ติดตามคุณดานีน ภรรยาของคุณเดนิเรล การ์รัสโซ่มาค่ะ”
“ฮะ! สาวใช้?!”
เสียงอุทานของแม่สามสาวพยายามสวยดังพอที่จะทำให้ผู้คนบริเวณใกล้เคียงหันมาจ้องมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น และแม่พวกนี้ก็คงจงใจจะทำให้หล่อนอับอายมากยิ่งขึ้น
“นี่เธอเป็นแค่สาวใช้ แต่สะเออะมางานนี้เหรอ น่าทุเรศสิ้นดี นี่ไม่รู้หรือไงว่างานนี้มีแต่ผู้รากมากดีเท่านั้นถึงได้มีสิทธิ์ได้เข้ามาน่ะ”
คนถูกประณามเพียงเพราะเกิดมาต่ำต้อยหน้าชาดิก ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
“คือดิฉันแค่... ตามคุณดานีนมา”
“น่ารังเกียจที่สุด ออกไปเลยนะ ไปเลย ไปสิ เดี๋ยวเชื้อโรคสกปรกของเธอจะมาติดตัวพวกฉัน ไปสิ ไปให้พ้นเลย!”
ร่างของลียาเซถลา เพราะถูกหนึ่งในสามสาวสวยนั้นผลัก แต่ก็ไม่ได้ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างที่หวาดกลัว เพราะมีอ้อมแขนกำยำของใครคนหนึ่งมาคว้าเอวคอดของหล่อนเอาไว้ได้ทันเวลา
“พวกคุณทำบ้าอะไรกันน่ะ?!”
แม่สามสาวนั้นอึ้งไปประมาณสามวินาทีเมื่อได้เห็นหน้าเจ้าของเสียงกระด้าง จากนั้นก็อุทานออกมาราวกับคนเสียสติ
“โอ้พ่อเทพบุตร นี่ฉันคิดว่าในโลกนี้มีแค่หนุ่มการ์รัสโซ่เท่านั้นที่หล่อลากดิน ไม่อยากจะเชื่อว่ามีคุณอีกคน...” คนหนึ่งอุทานเลื่อนลอย และก็ตามด้วยอีกคนหนึ่ง
“ลูเซียโน ปาสเก้... เจ้าพ่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังในอิตาลีนี่นา”
