บทที่ 1 ตอนที่ 1

บ้านไม้สองชั้นหลังกะทัดรัดในเนื้อที่ไม่ถึงงาน ตั้งอยู่ในเขตชุมชนพลุ่งพล่านบรรยากาศบริเวณบ้านไม่ค่อยจะโสภานัก เพราะมีสลัมอยู่ขนาบทั้งสองข้าง แถมยังชุกชุมไปด้วยโจรผู้ร้ายและพวกขี้ยา มันมีมากพอๆ กับจำนวนยานยนต์ที่วิ่งผ่านไปมานั่นแหละ

ถึงแม้ว่าสิ่งแวดล้อมภายนอกจะเลวร้ายเช่นไร แต่ภายในบ้านหลังนี้มันกลับมีมากยิ่งกว่า เสียงคำรามเกรี้ยวกราวของเจ้าของบ้าน คือนางราณี วิโชคาศักดิ์ เศรษฐิณีตกยาก ที่กำลังด่าทอเด็กสาวที่สามีผู้ล่วงลับไปแล้วเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เด็กเสียงระงม

“นังอรแกมานี่เลย!”

อรลออที่กำลังล้างจานอยู่ภายในครัวรีบวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา “มีอะไรหรือคะน้าณี...”

“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ชอบกินผักบุ้ง แล้วแกผัดมาให้ฉันกินทำไม... หมู เห็ด เป็ด ไก่ ทำไมไม่ทำมาให้ฉันกินฮะ!”

นางราณีแยกเขี้ยวใส่ ก่อนจะกระชากผมสาวน้อยที่มีหน้าที่ไม่ต่างจากคนใช้แรงๆ ให้มาดูจานกับข้าวที่อรลออทำให้ทานมื้อเย็น

“อร... อรมีเงินแค่นี้... เงินเดือนอรยังไม่ออก...”

“แล้วเงินเดือนที่แล้วไปไหนหมด แกเอาไปทำอะไร หรือว่าเอาไปเสริมสวย ถึงได้หน้าเนียนขนาดนี้...”

ผู้เป็นน้าสะใภ้พูดถึงเงินเดือนที่อรลออออกไปรับงานเสริฟอาหารในตอนกลางคืน และนี่ก็คือแหล่งเงินเดียวในบ้านหลังนี้ เพราะหล่อนกับลูกสาวไม่ได้ทำงานทำการอะไร นอกจากใช้เงินไปวันๆ

“น้าณี... อรเจ็บ...”

หญิงสาวแทบร้องไห้ออกมา ยกมือจับผมที่ถูกทึ้งแรงๆ ของตนเองด้วยความเจ็บ แต่แทนที่นางราณีจะเห็นใจกับจับหน้าของอรลออทิ่มลงกับจานผักเต็มแรง จนสาวน้อยร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“เจ็บสิดีจะได้ตายไปสักที...!”

“มีอะไรกันคะคุณแม่... แล้วนั่น... ต๊าย...ตาย... ทำไมหน้านังอรถึงได้...”

รุจิราที่พึ่งจะกลับเข้าบ้านหลังจากออกไปผลาญเงินที่เอาจากอรลออไป ร้องออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะหัวเราะชอบใจที่เห็นอรลออร้องไห้ด้วยความเจ็บ

หล่อนไม่เคยชอบขี้หน้านังกาฝากที่คุณพ่อของตัวเองเก็บมาเลี้ยงคนนี้เลย... แม้ทุกวันนี้จะต้องพึ่งพาเงินเดือนจำนวนน้อยนิดของอรลออก็ตาม เพราะหลังจากบิดาเสียไป เงินทองก็ร่อยหรอ และก็หมดไปพร้อมๆ กับบ้านหลังใหญ่ที่ถูกนำไปจำนองและก็ถูกธนาคารยึดไปในที่สุด จนต้องมาเช่าบ้านหลังเล็กๆ หลังนี้อยู่

อรลออสวยกว่าหล่อน... รูปร่างก็ดีกว่าหล่อน... แถมยังมีแต่คนรุมรักมากกว่าหล่อน ทั้งๆ ที่อรลออไม่ได้แต่งตัวเฉิดฉายแบบหล่อนเลยแม้แต่น้อย

“แม่กินผักจนหน้าจะเป็นผักแล้ว นังอรมันยังทำมาให้แม่กินอีก แม่ก็เลยจัดการสั่งสอนมันซะ”

นางราณีหันไปพูดกับลูกสาว คล้ายกับว่ามันคือเรื่องปกติธรรมดา แต่ก็คงจะใช่... เพราะอรลออถูกโขลกสับแบบนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน

วันไหนโชคดีหน่อยก็จะถูกแค่ผู้เป็นแม่... แต่ถ้าวันไหนพระเจ้าไม่เห็นใจหล่อนก็ถูกรุมยำจากทั้งสองคนจนสะบักสะบอม

ป้าเอิบแม่ค้าขายกล้วยทอดที่หน้าตลอดเคยถามหล่อนว่าทำไมถึงทนอยู่รองมือรองเท้าแม่ลูกคู่นี้ และสิ่งที่หล่อนตอบไปก็คือ... ทดแทนบุญคุณ เพราะหากไม่ได้ครอบครัวนี้ ป่านนี้หล่อนก็คงจะอดข้าวตายไปกับกองขยะเมื่อสิบห้าปีก่อนแล้วล่ะ

“คุณแม่ก็อย่าไปทำมันหนักมือนักนะคะ เดี๋ยวคืนนี้มันไปเสิร์ฟอาหารไม่ได้ เราก็จะไม่มีเงินกินกันนะคะ เชื่อรุเถอะนะคุณแม่ ปล่อยมันไปเถอะ”

รุจิรามองอรลออที่นั่งน้ำตาไหลพรากอย่างเหยียดหยาม ใบหน้างามที่ไม่ต้องแต่งเติมใดๆ เต็มไปด้วยก้านผักบุ้ง

นางราณีตวัดสายตาไปมองอรลออ เห็นด้วยกับคำพูดของลูกสาว ใช่สิ... หากไม่มีอรลออสักคนหนึ่ง หล่อนกับลูกก็คงต้องอดตาย ไม่มีคนใช้ แถมยังไม่มีเงินใช้อีก และก็ด้วยเหตุผลนี้แหละที่ทำให้หล่อนไม่ยอมปล่อยให้อรลออหลุดไปจากชีวิตของตนเอง

เมื่อก่อนหล่อนเคยให้มันกิน เคยให้มันอยู่ ถึงแม้จะไม่ได้ให้แบบเต็มอกเต็มใจก็ตาม พอมาถึงตอนนี้... ตอนที่หล่อนตกยาก นังอรลออก็ควรจะตอบแทนหล่อนบ้าง

“จะไปไหนก็ไปเลยไป๊... ไปให้พ้นหน้า”

นางราณีหันไปไล่เสียงแหลม อรลออรีบลุกขึ้นและวิ่งหายไปด้วยความหวาดกลัวอย่างรวดเร็ว สองแม่ลูกหัวเราะไล่หลังไปด้วยความสะใจ

บทถัดไป