บทที่ 3 ตอนที่ 3
“มีอะไรหรือคะคุณแม่...”
รุจิราในชุดนอนที่ก้าวลงมาจากบันไดร้องถามมารดาด้วยความอยากรู้ เมื่อเห็นนางราณีนั่งฉีกยิ้มอยู่กับกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งในจำนวนหลายต่อหลายแผ่นที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกเตี้ยตรงหน้า
นางราณีหันไปมองลูกสาว แล้วก็รีบกวักมือเรียก “มานี่เร็วยายรุ เรากำลังจะสบายแล้ว...”
คิ้วเส้นบางๆ ที่ถูกตกแต่งมาอย่างดีด้วยดินสอเขียนคิ้วของรุจิราเลิกขึ้นสูง ขณะทรุดนั่งลงบนโซฟาข้างๆ กับมารดา
“ใครส่งอะไรมาให้หรือคะ ทำหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้”
“เรากำลังจะรวยกันแล้วลูก เรากำลังจะรวย นี่ไงจดหมายยืนยันการแต่งงานของแกยายรุ กับคุณริคคาโดลูกชายของมหาเศรษฐีพันล้านเจ้าของธุรกิจสายการบิน ยานยนต์ โรงแรม และก็ห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่มีสาขาไปทั่วโลก...”
“จริงหรือคะแม่... รุไม่คิดว่าคำพูดของคุณพ่อก่อนตายจะเป็นเรื่องจริง...” รุจิกายิ้มกว้าง ตาโตเท่าไข่ห่านด้วยความดีใจ
“แม่ก็ไม่คิดว่าจะจริงเหมือนกัน แต่มันคือความจริงลูก นี่ไง อ่านดูสิ...”
ผู้เป็นแม่รีบส่งกระดาษที่เขียนรายละเอียดส่งให้ลูกสาวอ่าน หล่อนเคยได้ยินผู้เป็นสามีเอ่ยถึงเรื่องนี้บ่อยๆ แต่หล่อนไม่คิดจะสนใจไต่ถามอะไร เพราะตอนนั้นมีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อม ไม่เหมือนตอนนี้ที่กำลังต้องการขอนไม้เกาะ
รุจิราไล่สายตามองตามตัวอักษรที่ถูกพิมพ์ไว้ในกระดาษในมือนิ่ง ใจความในจดหมายก็ไม่มีอะไรมาก แค่ยืนยันเรื่องการแต่งงานที่เคยสัญญากันไว้ของบิดาทั้งสองฝ่าย โดยมีสินสอดถึงยี่สิบล้านบาท
“แม่ตั้งยี่สิบล้านบาทแน๊ะ มหาศาลเลย...”
“ใช่... แถมถ้าแกแต่งงานเข้าไปในตระกูลอภิมหาเศรษฐีพันล้านอย่าง เมเนนเดซ แกก็จะสบายไปตลอดชาติ ไม่ต้องดิ้นรนไปนอนกับผู้ชายคนไหนอีกเพื่อให้ได้เงินซื้อเสื้อผ้าแพงๆ พวกนั้น...”
ผู้เป็นลูกสาวยิ้มอย่างเห็นด้วย แต่ก็อดบ่นไม่ได้ “ฝรั่งนี่แม่ รุไม่ค่อยชอบฝรั่งเท่าไหร่... แล้วคุณพ่อไปรู้จักกับพวกเขาได้ยังไงกันคะ”
นางราณีส่ายหน้าไปมา “แม่ก็ไม่รู้ละเอียดมากนักหรอก รู้แต่ว่าตอนสมัยหนุ่มๆ พ่อของแกเคยอยู่ที่กรีซ แล้วก็เคยช่วยชีวิตกันไว้ และทางนู้นคงอยากตอบแทนบุญคุณมั้ง...”
ผู้เป็นบุตรสาวยิ้มไม่หุบ เนื้อตัวเต้นระริกด้วยความดีใจ กับความโชคดีของตัวเอง “ไม่ใช่แค่ใหญ่ในกรีซหรอกแม่ รุเคยอ่านเจอในหนังสือพิมพ์ตอนที่เขาจัดอันดับเศรษฐีโลกเมื่อต้นปี เมเนนเดซเป็นตระกูลที่รวยที่สุดในโลกต่างหากล่ะ”
ยิ่งฟังคำพูดของบุตรสาว ความกระหายในความร่ำรวยก็ฉายชัดอยู่ในดวงตาของนางราณีปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีสดคลี่ยิ้มไม่หยุด
“นี่ไงล่ะคือความโชคดีของพวกเรา...”
“ค่ะแม่โชคดีสุดๆ แต่ว่าหน้าตาของคุณริคคาโดนี่เป็นยังไงก็ไม่รู้นะคะ ไม่รู้ว่าจะหล่อเหลาสมกับความร่ำรวยหรือเปล่า...”
“เอ่อ... มีรูปมาด้วยนะ อยู่ในซอง แม่เห็นแว๊บๆ เดี๋ยวหยิบให้ดู”
นางราณีรีบล้วงมือเข้าไปในซองจดหมายสีน้ำตาลขนาดใหญ่ และคว้ารูปถ่ายสองสามใบที่อยู่ในนั้นติดมือขึ้นมาส่งให้บุตรสาว
“นี่ไง... ดูสิ...”
รุจิรารับมาดู แล้วก็ต้องตกใจตาค้าง ร้องออกไปเสียงหลง “ทำไมอัปลักษณ์อย่างนี้ล่ะแม่... ดูสิ น่าเกลียด ยี้... รุไม่แต่งด้วยหรอก แค่อยู่ใกล้ก็แทบจะอ้วกแล้ว...”
หญิงสาวรีบส่งรูปในมือให้กับผู้เป็นแม่ดู และนางราณีก็มีสีหน้าไม่ต่างไปจากบุตรสาวแม้แต่น้อยเมื่อได้เห็นบุรุษในภาพถ่ายสีในมือ
ผู้ชายตัวใหญ่ผมเผ้ารุงรัง ดวงตาข้างหนึ่งถูกปิดด้วยผ้าสีดำคล้ายที่พวกโจรสลัดมันปิดกัน แถมใบหน้าที่หาเค้าความเป็นคนไม่ได้แล้วนั้น ยังเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นน่าหวาดกลัว หนวดเคราขึ้นรกทมึน
น่าเกลียด... น่ากลัว จนพูดไม่ออกเลยทีเดียว...
“รูปผิดหรือเปล่าเนี่ย...”
นางราณีรีบหยิบรูปอื่นขึ้นมาดู แต่ผู้ชายในรูปก็ยังเป็นคนเดิมที่หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวจนแทบจะเรียกว่าอสูรกายได้เลย
“จะผิดได้ยังไงล่ะแม่ ก็ตานี่แหละ นึกแล้วเชียวว่าทำไมถึงได้ติดต่อมาหารุ ที่แท้ก็อัปลักษณ์อย่างนี้เอง รุไม่เอาด้วยนะแม่ ต่อให้ร้อยล้านก็ไม่เอา ไม่แต่ง...”
รุจิราส่ายหน้าพัลวัน พร้อมกับยื่นคำขาดว่าถึงยังไงหล่อนก็ไม่มีวันยอมแต่งงานกับผู้ชายหน้าตาอัปลักษณ์คนนี้อย่างเด็ดขาด
นางราณีรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้น่าเกลียดน่าขยะแขยง แต่ก็อดเสียดายเงินยี่สิบล้านซึ่งเป็นค่าสินสอดไม่ได้ จึงพยายามหว่านล้อมลูกสาว
“แต่แม่อยากได้เงินนะลูก ยี่สิบล้านเลยนะ เราสบายกันทั้งชาติ...”
“ก่อนจะสบาย รุมีหวังขาดใจตายไปก่อนน่ะสิแม่ ไม่เอาหรอก รุไม่ยอมแต่ง...” รุจิราตวาดมารดากลับมาด้วยสุ่มเสียงไม่พอใจ
“แต่แม่เสียดาย...”
“เสียดายแม่ก็ไม่หาคนอื่นเถอะ รุไม่เอา...”
“แล้วจะให้แม่ไปหาใครล่ะ อีกอย่างเขาก็ต้องการแกนะยายรุ...”
นางราณีพูดอย่างจนปัญญา อยากได้เงินก็อยาก แต่ก็ไม่กล้าบังคับใจลูกสาว เพราะตั้งแต่เกิดมาหล่อนยังไม่เคยบังคับใจลูกสาวเลยแม้แต่ครั้งเดียว และนั่นก็เป็นสาเหตุให้รุจิรากล้าตวาดแว้ดๆ ใส่หน้าหล่อนอย่างไม่มีความเคารพยำเกรงแบบนี้
“แม่ก็ไปหาใครมาอุปโลกน์เป็นรุสิคะ ใครก็ได้ พวกนั้นมันไม่รู้หรอก มันคงอยากได้เมียจนตัวสั่น...”
ความคิดเห็นของลูกสาวทำให้นางราณีถึงกับยิ้มกว้างออกมา ดวงตาเป็นประกายวิบวับชั่วร้าย ก่อนจะหัวเราะร่วนออกมาด้วยความพึงพอใจ
“แม่คิดออกแล้ว...”
รุจิราหันไปกลับมามองมารดา “คิดอะไรออกคะแม่ คงไม่ใช่จะมาบังคับรุนะ รุไม่ยอม...”
“แม่ไม่บังคับแกหรอกยายรุ แม่จะหาคนไปแทนแกยังไงล่ะ เงินยี่สิบล้านจะได้ไม่ไปไหนเสีย...” นางราณีกระหยิ่มยิ้มย่อง
