บทที่ 2 บทที่ 1 ได้แต่งกับชายคนรัก

บทที่ 1 ได้แต่งกับชายคนรัก

ไป๋เฟิงซี รีบส่งจดหมายแจ้งข่าวให้บุรุษที่นางรัก ข่าวเรื่องที่มารดาเลี้ยงกำลังจะให้นางหมั้นหมายกับบุรุษอื่น เซียวเหวินก็รีบนำเทียบขอหมั้นมาให้นางในทันที เขาเป็นถึง จวิ้นอ๋อง ผู้เป็นรองเพียงตำแหน่งรัชทายาทที่ยังคงว่างอยู่ นั่นเป็นเหตุให้บิดานางและมารดาเลี้ยงของไป๋เฟิงซีไม่อาจจะปฏิเสธได้

นางเห็นความจริงใจ และความรักที่เขามีต่อนาง เมื่อแต่งเข้าจวนอ๋อง ไม่ว่าจะให้นางช่วยเหลือสิ่งใด นางมิเคยปฏิเสธ แต่เมื่อนานวันเขากลับบอกนางว่าจำต้องแต่งหนิงอวี้มาเป็นอนุ เพื่อไม่ให้อ๋องสามแต่งหนิงอวี้เข้าจวนอ๋องสาม เพราะเกรงอ๋องสามจะมีอำนาจมากขึ้น แม้จะเป็นเพียงอ๋องชายพิการ แต่ก็เป็นอ๋องชายที่องค์ไทเฮารักมากที่สุด

มันเป็นความจำเป็น เขาบอกนางเช่นนั้น

ไป๋เฟิงซีก็ยอม

นางเข้าใจว่าการแต่งงานของเขากับหนิงอวี้เป็นเรื่องของบ้านเมือง เป็นเรื่องการคานอำนาจของแต่ละขั้วฝั่ง แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป กลับกลายเป็นว่าสามีของนางหันไปให้ความสนใจกับอนุผู้นั้นมากกว่าที่ควรจะเป็น

นับวันสามีของนางกลับไปใช้เวลาอยู่กับอนุ คนที่เขาบอกว่าแต่งเพราะหน้าที่มากกว่านางที่เป็นพระชายาเอก เป็นสตรีที่เขาแต่งด้วยเพราะรัก

ไป๋เฟิงซีพยายามบอกตนเองว่าทุกอย่างเป็นเพียงหน้าที่ แต่เมื่อเห็นเขาใช้เวลาอยู่กับหนิงอวี้มากขึ้นทุกวัน ขณะที่ตัวนางเองกลับถูกละเลย นางจะยังอดทนต่อไปได้หรือไม่ ต้องอดทนไปอีกนานเท่าไรสามีนางถึงจะกลับเป็นคนเดิม คนที่ให้คำมั่นว่าจะรักนางเพียงผู้เดียว

ความรักที่เขาเคยมีให้ในอดีต เป็นเพียงแค่คำลวงหรือว่าเป็นเพราะความจำเป็นของอำนาจที่ทำให้เขาต้องเปลี่ยนไป

ไป๋เฟิงซียืนมองเงาตัวเองในกระจกทองเหลือง นางเห็นสตรีในชุดเรียบง่าย คนที่เคยเป็นยอดดวงใจของจวิ้นอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ บัดนี้กลับเป็นเพียงเงาจาง ๆ ในชีวิตของเขา

เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังมาจากเรือนด้านข้าง นางรู้ดีว่าเป็นเสียงของหนิงอวี้และสามีของนางเอง ในอดีตเขาเคยมาหานางทุกคืน ยามนี้กลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

นางกำมือแน่น หัวใจปวดร้าวจนแทบแตกสลาย แต่ยังต้องรักษาสีหน้าสงบนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“พระชายา” เสียงสาวใช้ปลุกนางจากภวังค์

ไป๋เฟิงซีปรายตามองหญิงรับใช้คนสนิท ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “มีเรื่องอะไร”

“จวิ้นอ๋องส่งคนมาบอกว่า คืนนี้จะไม่เสด็จมาที่เรือนเจ้าค่ะ”

นางหัวเราะในลำคอเบา ๆ ราวกับได้ยินเรื่องน่าขัน

“เขาต้องบอกด้วยหรือ” นางรู้ดีอยู่แล้ว ต่อให้ไม่มีคนมาแจ้ง สามีก็คงไม่คิดจะมาหานางอยู่ดี

สาวใช้ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา “พระชายา…คืนนี้จวิ้นอ๋องจะเสด็จไปที่เรือนของอนุหนิงอวี้เพคะ”

คำพูดนั้นบาดลึกลงไปในหัวใจของไป๋เฟิงซี นางไม่ได้โง่ นางรู้ว่านางถูกผลักออกจากชีวิตของเขาอย่างช้า ๆ แต่นางก็เลือกจะเงียบ เพราะคิดว่าอาจมีสักวันที่เขาจะกลับมาเป็นเช่นเดิม

แต่นานวัน นางกลับพบว่า ความหวังของนางค่อย ๆ เลือนรางลง

ไป๋เฟิงซีลุกขึ้นจากเก้าอี้ นางก้าวออกไปนอกระเบียง ดวงจันทร์คืนนี้ช่างงดงาม แต่ภายในใจของนางกลับมืดมน

“อาหลิว” นางเอ่ยเรียกสาวใช้คนสนิท “ไปเตรียมของ ข้าจะออกไปข้างนอก”

“แต่พระชายาเพคะ เวลานี้ดึกมากแล้ว”

“ข้าจะไปเยี่ยมท่านพ่อ” นางกล่าวเรียบ ๆ ทว่าดวงตากลับฉายแววแน่วแน่

ไป๋เฟิงซีกลับมายังจวนตระกูลไป๋ในยามดึก แม้จะมิได้แจ้งล่วงหน้า แต่บิดาของนางไป๋ซื่อเหวิน เสนาบดีฝ่ายขวา ผู้กุมอำนาจในราชสำนัก ย่อมรับรู้ถึงการมาของบุตรีคนรอง

ภายในห้องโถงกลาง บรรยากาศเคร่งเครียด

“เจ้ามาดึกถึงเพียงนี้ มีเรื่องใดสำคัญหรือ” ไป๋ซื่อเหวินวางพู่กันลง มองบุตรีอย่างพินิจ

ไป๋เฟิงซีสูดหายใจลึก ดวงตาของนางแน่วแน่ “ท่านพ่อ ข้ามาเพื่อขอให้ตระกูลไป๋สนับสนุนจวิ้นอ๋องขึ้นเป็นรัชทายาท”

บิดาของนางเลิกคิ้ว ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “ตอนนี้เจ้าเป็นคนของจวนจวิ้นอ๋อง แต่ข้ากลับไม่คิดว่าเจ้าจะเอ่ยเรื่องนี้ก่อน” ไป๋ซื่อเหวินมองบุตรสาวด้วยแววตาอย่างไม่อยากจะเชื่อ นางน่าจะเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของเขาที่ไม่มีทีท่าจะยุ่งเกี่ยวกับอำนาจในวัง

แม้ตอนที่จวิ้นอ๋องจะมาสู่ขอนางเป็นชายาจะสร้างความแปลกใจให้เขาไม่น้อย แต่หลังจากนางแต่งออกไป ทุกอย่างกลับนิ่งเงียบราวกับผิวน้ำ

“ข้าเป็นชายาของท่านอ๋อง แม้ข้าจะมิอาจกุมหัวใจพระองค์ไว้ได้ แต่ข้าจะทำให้พระองค์รู้ว่า ข้าสามารถให้ในสิ่งที่เขาต้องการที่สุด..ข้ายังมีประโยชน์ ” ไป๋เฟิงซีกัดริมฝีปากบางจนเลือดห้อ

“แล้วเจ้ามั่นใจหรือไม่ว่า หากตระกูลไป๋ช่วยเขาขึ้นเป็นรัชทายาท วันหนึ่งเขาจะไม่ผลักตระกูลไป๋ออกจากอำนาจ” ไป๋ซื่อเหวินหรี่ตา มองบุตรีของตนอย่างจับผิด

ไป๋เฟิงซีสบตาบิดา นางมิใช่สตรีโง่เขลา ย่อมเข้าใจว่าการเมืองในวังหลวงนั้นเปลี่ยนแปลงได้เสมอ แต่หากวันนี้ตระกูลไป๋ไม่เลือกข้าง ต่อให้ไม่ถูกกำจัดในวันนี้ ก็ต้องถูกกำจัดในวันหน้า

“หากข้าไม่ทำสิ่งใดเลย ตระกูลไป๋ก็อาจจะถูกทอดทิ้งอยู่ดี” นางกล่าว “แต่หากข้าทำให้เขาเป็นรัชทายาทด้วยมือของข้า เขาจะลืมบุญคุณของข้าได้หรือ”

ไป๋ซื่อเหวินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ต่อให้นางไม่มาขอเขา ตัวเขาเองก็อยากใช้สามีของบุตรีที่เป็นถึงจวิ้นอ๋อง กุมอำนาจในวังอยู่แล้ว แต่หนทางย่อมต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่ในเมื่อบุตรสาวของเขาเป็นคนยื่นข้อเสนอมาก่อน มีหรือเขาจะไม่รีบรับไว้

“ดูท่าทางเจ้าจะวางเดิมพันทั้งหมดลงไปแล้วสินะ”

“ข้าทำทุกอย่างเพื่อตระกูลไป๋ และเพื่อตัวข้าเอง” ไป๋เฟิงซีเอ่ยออกมา

บิดาของนางพยักหน้าช้า ๆ “ก็ดี… เช่นนั้นแล้ว พ่อจะลองเดิมพันไปกับเจ้าดูสักครั้ง”

วันรุ่งขึ้น ข่าวลือเริ่มแพร่สะพัดไปทั่วราชสำนักว่า ตระกูลไป๋กำลังเคลื่อนไหวสนับสนุนจวิ้นอ๋อง

และเมื่อจวิ้นอ๋องได้รับข่าวนี้ ก็เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขาก้าวเข้ามาหาชายาเอกที่เรือนนอนด้วยตัวเอง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป