บทที่ 1 ชายายอดเสน่หา บทที่ 1

ชายา

ยอดเสน่หา

แม้หมื่นชัง หากหนึ่งรักนั้นแนบแน่นเสน่หา

ยิ่งแค้นก็ยิ่งรัก ยิ่งชังก็ยิ่งปรารถนา และต้องพ่ายแพ้องค์ชายาผู้ซึ่งเขาเคยตั้งปณิธานไว้ว่าจะฆ่านางให้สมแค้น


องค์ชายหลีเจี๋ยตอบรับข้อเสนอแต่งงานกับธิดาของลุงตัวเอง

หากแต่มิเคยปรารถนาองค์ชายาผู้ซึ่งเขา

ตั้งปณิธานไว้ว่าจะฆ่านาง

องค์ชายหลี เจี๋ย

องค์ชายใหญ่แห่งแคว้นหลู่ ผู้เก็บความคั่งแค้นที่พระบิดาต้องสังเวยพระชนม์ชีพด้วยถูกคำสั่งประหารจาก

ฉีหวนกง พี่ชายแท้ๆ เมื่อครั้งแย่งชิงราชบัลลังค์ระหว่างรัฐ

เขาตอบรับข้อเสนอแต่งงานกับธิดาของลุงตัวเอง

หากแต่มิเคยปรารถนาองค์ชายา

จางลี่ ธิดาเกิดแต่สนมของพระเจ้าฉีหวนกง

ผู้ครองรัฐฉี มหาราชยุคชุนชิว

ตอบรับการแต่งงานกับเจ้าชายระหว่างรัฐ

ผู้ซึ่งนางรู้เต็มอกว่าเขาคือลูกพี่ลูกน้องแท้ ๆ

เพื่อหลีกหนีจากพี่ชายต่างมารดาที่อยากได้นางเป็นอนุลับๆ

การออกจากวังหลวงอาจช่วยให้นางพ้นจากการมีสามีที่ไม่ปรารถนา

ชายายอดเสน่หา

1

ชายาต่างเมือง

“หลินเจิน...เจ้าคิดว่าข้าใจเร็วไปหรือไม่เล่า?”

คำถามถูกตั้งขึ้นโดยหญิงสาวเรือนร่างบอบบางในชุดเสื้อคลุมผ้าไหมบ่งบอกฐานะของผู้สวมใส่ว่ามิใช่ปุถุชนธรรมดาทั่วไปขณะนั่งในรถม้าและมีหญิงสาวอีกนางนั่งอยู่เคียงข้างแต่การแต่งกายนั้นบอกสถานะต่ำกว่า หลินเจินเลื่อนผ้าม่านในรถเทียมม้าเพื่อมองภาพเบื้องนอกก่อนหันมาถามว่า

“เรื่องอะไรหรือเจ้าคะ ท่านหญิงจางลี่?”

“ก็เรื่องที่ข้ารับคำท่านพ่อ ตอบตกลงเดินทางมาเพื่อเป็นชายาให้อ๋องแห่งแคว้นหลู่นี่อย่างไรเล่า”

“ข้าว่าท่านคิดถูกแล้วที่เดินทางมายังแคว้นหลู่ ดู ๆ ไปบ้านนี้เมืองนี้ก็ไม่เลวเลยนะเจ้าคะ”

“ข้ามิได้หมายถึงบ้านเมือง แต่ข้าหมายถึงองค์ชายหลี่เจี๋ย อ๋องแห่งรัฐหลู่ต่างหาก ข้ายังเป็นกังวล มิรู้ว่าเขาเป็นคนเช่นไร ใจหนึ่งข้ามิได้คิดจะจากบ้านเกิดแต่ข้าก็กลัวเหลือเกินว่าหากยังอยู่แคว้นฉี วันดีคืนดีข้างต้องกลายเป็นอนุลับ ๆ ของพี่ชายข้าอย่างแน่นอน”

จางลี่ถอนหายใจ นัยน์ตากลมโตของนางมีประกายของความกังวลมากล้น ธิดาแห่งฉีหวนกง ผู้ปกครองรัฐฉี ซึ่งถือว่ามีอิธิพลมากกว่าแคว้นใด ๆ ทั้งที่เกิดการแย่งชิงความเป็นใหญ่ระหว่างแคว้นต่าง ๆ อยู่เนือง ๆ ครั้งหนึ่งองค์ชายเสี่ยวป้ายหรือฉีหวนกงผู้ปกครองรัฐฉีและองค์ชายจิวแห่งรัฐหลู่เคยเป็นพี่น้องแต่ด้วยเคราะห์กรรมและวิบากทางการเมืองทำให้เกิดความขัดแย้งและการแก่งแย่งอำนาจ มารดาของจางลี่เคยเล่าให้ฟังว่าเมื่อฉีหวนกงเป็นใหญ่จึงยกทัพไปตีรัฐหลู่ เมื่อได้ชัยชนะก็เป็นผู้ออกคำสั่งให้ประหารองค์ชายจิวซึ่งเป็นพี่ชายเพื่อล้มล้างอำนาจและได้รัฐหลู่ไว้ในกำมือ

ฟังดูแล้วเป็นเรื่องน่าหดหู่ใจ แต่จะทำประการใดได้ในเมื่อนี่คือยุทธวิธีใช้กลศึกเพื่อเอาชนะทุกรูปแบบ ทิ้งไว้ก็แต่เพียงเรื่องเล่าขานสืบต่อถึงความยิ่งใหญ่ของผู้กำชัยชนะ แต่ด้วยเหตุใดเล่าจางลี่จึงตัดสินใจยินดีรับข้อเสนอของบิดาให้มาเป็นชายาของหลานชายตัวเองทั้งที่ครั้งหนึ่งองค์ชายหลี่เจี๋ยเคยเป็นลูกของพี่ชายที่กลายเป็นศัตรูในสนามรบ ด้วยวัยสาวสะพรั่งเพียงสิบเจ็ดปี หากความงามไม่เป็นสองรองเจ้าหญิงองค์ใดของฉีหวนกง แม้เป็นธิดาของสนมปลายแถวแต่จางลี่กลับยิ่งงามดึงดูดใจพี่ชายต่างมารดาที่เพียรบังคับให้นางรับเป็นอนุลับ ๆ

จางลี่รู้ว่ากำลังตกอยู่ท่ามกลางวังวนอันน่าหวาดหวั่น เป็นแค่ธิดาเกิดแต่นางสนม มิมีปากเสียงทัดทานหากพี่ชายของนางอยากได้ไปร่วมเรียงเคียงห้อง มารดาของนางอ่อนแอและต้อยต่ำเกินกว่าจะต่อต้านหากเป็นเช่นนั้น แล้วนางจะรออยู่ฉันใดให้พี่ชายต่างมารดาในวังหลวงปิดประตูตายมิให้นางได้พบผู้ใดและต้องกลายเป็นนางบำเรอของผู้มีสายเลือดเดียวกัน

และเมื่อฉีหวนกงต้องการส่งนางมาเป็นชายาของหลานชายตัวเองทำให้จางลี่ได้พบทางออกแม้ว่าองค์ชายหลี่เจี๋ยจะมีศักดิ์เป็นพระญาติผู้พี่ เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่ก็ยังดีกว่าที่นางจะต้องกลายเป็นเมียลับของผู้มีสายเลือดใกล้ชิดกว่านั้นมิใช่หรือ อย่างน้อยนางก็ยังมีศัดิ์ศรีของการเป็นชายาของอ๋องผู้ครองแคว้นหลู่ หากแต่เมื่อเดินทางใกล้ถึงวังของอ๋องหลี่เจี๋ยกลับทำให้จางลี่เกิดความสับสนใจขึ้นมาตามประสาเด็กสาวผู้ยังไม่คุ้นเคยกับการออกเรือน และการเดินทางมาต่างแคว้นครานี้ก็มีเพียงหลินเจิน นางต้นห้องคนสนิทและเป็นผู้ที่นางไว้วางใจเพียงผู้เดียวติดตามมาด้วย

“ข้าเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับองค์ชายท่านนี้” หลินเจินเอ่ยขึ้น “ผู้สืบทอดอำนาจแต่องค์ชายจิว พระเชษฐาของอ๋องแห่งแคว้นฉีเป็นผู้มีความรู้ทั้งบู๊ทั้งบุ๋น เป็นชายชาตรีรูปงามและแข็งแกร่ง ชอบเขียนบทกวีและศึกษาตำราจากพระอาจารย์ทั่วสารทิศ เก่งกาจเรื่องศาสตราวุทธมิเป็นสองรองผู้ใด"

“เท่าที่ฟังเจ้าเล่ามาข้ามิได้ยินเลยว่าเขาจะมีข้อเสียที่ตรงไหน”

“เช่นนี้มิดีรึท่านหญิง แม้องค์ชายหลี่เจี๋ยจะเป็นพระญาติผู้พี่หากก็ถือว่าท่านจะได้มีศักดิ์เป็นถึงชายาแห่งแคว้นหลู่ ผู้ใดจักข่มเหงหรือทำให้ท่านไม่สบายใจมิได้”

“ข้าคิดถึงท่านแม่ขึ้นมาแปลก ๆ อย่างไรมิรู้...หลินเจิน...ข้าหวังอย่างยิ่งว่าองค์ชายจะเป็นคนดีดังที่เจ้าว่า หากเป็นเช่นนั้นข้าคงอยู่ที่แคว้นหลู่ได้อย่างสบายใจ”

“อย่ากังวลไปเลยนะเจ้าคะ”

หลินเจินดึงมือนายหญิงมาจับไว้และบีบเบา ๆ

“หากท่านมิมีผู้ใดก็จะมีหลินเจินอยู่ใกล้ ๆ ข้าจะมิมีวันทิ้งให้ท่านเดียวดายอย่างเด็ดขาด”

บทถัดไป