บทที่ 2 ต้นเหตุเพราะข้า2/2
ฟางหนิงหลินใช้ปิ่นกระหน่ำแทงอย่างไม่คิดชีวิตราวกับคนเสียสติ นางไม่สนใจว่าปิ่นนั้นจะทิ่มแทงโดนที่ใดบ้าง นางหวังเพียงแค่แทงให้คนที่อยู่ใต้ร่างได้ตายอย่างทรมานเป็นพอ เจียงเจียวซินทั้งปัดป้องและร้องเรียกทหาร แต่แรงของนางก็ไม่สามารถจะสู้ฟางหนิงหลินที่กำลังคลุ้มคลั่งได้เลย
ทหารที่อยู่ด้านนอกเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องก็รีบวิ่งกลับมายังกระโจมทันที เมื่อเขาเปิดกระโจมเข้ามาก็ถึงกับหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นพระชายานอนอยู่ใต้ร่างของฟางหนิงหลิน เนื้อตัวของทั้งคู่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ถึงจะแยกไม่ออกว่าเลือดนี้เป็นของใคร แต่การที่พระชายาถูกทำร้ายขณะที่พวกเขาทำหน้าที่อยู่นั้น พวกเขาก็คงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้เป็นแน่ ทหารนายหนึ่งรีบตวาดเสียงดังเพื่อให้ฟางหนิงหลินหยุด
แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อฟางหนิงหลินหันมาเห็นทหารทั้งสอง ถึงจะทำให้นางหยุดชะงักไปช่วงหนึ่ง แต่ทำให้นางคิดได้ว่าหากครั้งนี้ฆ่าเจียงเจียวซินไม่ได้นางคงไม่มีโอกาสลงมืออีกแล้ว นางจึงใช้ปิ่นแทงลงบนอกของเจียงเจียวซินและใช้แรงทั้งหมดกดย้ำลงไป จนในที่สุดเจียงเจียวซินก็นอนตาเหลือกแน่นิ่งไป
ทหารทั้งสองกระชากฟางหนิงหลินออกจากร่างเจียงเจียวซินทันทีที่ถึงตัวนาง นางตั้งสติได้และรับรู้ชะตาที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง เมื่อเห็นมีดสั้นที่อยู่ข้างเอวของนายทหาร นางจึงลุกขึ้นไปกระชากมีดสั้นนั้นมา ถึงทหารผู้นั้นจะตั้งสติได้อย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่ทันที่จะแย่งมีดนั้นมาได้เพราะบัดนี้นางได้ปักมีดสั้นเล่มนั้นลงบนอกของนางเสียแล้ว
นางล้มลงนอนบนพื้นเลือดค่อย ๆซึมออกมาจนไหลกองนองพื้น ภาพสุดท้ายก่อนนางจะหมดลมหายใจ กลับได้เห็นบุรุษที่นางรักวิ่งเข้ามาในกระโจมด้วยสีหน้าตกตะลึง
“ข้าขอโทษ ความผิดข้าเองหากมีโอกาสอีกครั้ง ข้าจะไม่ขอเป็นชายาของท่านอีก” นางเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาก่อนจะสิ้นใจไปในที่สุด
“คุณหนูเจ้าขา ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ หากไม่ตื่นอีกจะไม่ทันแล้วนะเจ้าคะ”
ลี่อินสาวรับใช้ของฟางหนิงหลินเรียกคุณหนูของนางให้ตื่น เพื่อลุกขึ้นมาแต่งตัวให้ทันไปงานเลี้ยงในวังหลวงที่จัดขึ้นเพื่อฉลองชัยชนะจากการทำสงครามกับแคว้นเหลียง และร่วมแสดงความยินดีกับการแต่งตั้งองค์รัชทายาทและเลื่อนตำแหน่งให้กับเหล่าผู้กล้าที่มีความดีความชอบในการศึกครั้งนี้ด้วย
ลี่อินเห็นว่าเรียกฟางหนิงหลินเท่าใดก็ไม่ยอมตื่นเสียที อีกทั้งใบหน้าของคุณหนูของนางก็ยังมีเหงื่อผุดออกมาเป็นเม็ด ๆสีหน้าของฟางหนิงหลินราวกับคนกำลังเศร้าเสียใจอยู่ก็ไม่ปาน ลี่อินจึงคิดว่าคุณหนูของนางคงจะฝันร้ายอยู่เป็นแน่ นางจึงได้เขย่าแขนเพื่อให้คุณหนูของนางตื่นจากฝันร้ายนั้น
เมื่อหญิงสาวที่หลับใหลลืมตาตื่นจากภวังค์ นางรีบลุกขึ้นนั่งพร้อมสาดสายตามองไปรอบ ๆห้องนอนทันที เมื่อรู้ว่านางเพียงหลับฝันไปหนึ่งตื่นเท่านั้น นางก็ระบายลมหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ
“นี้ข้าฝันไปอย่างนั้นหรือ” ฟางหนิงหลินหันมาเอ่ยกับลี่อิน
“คุณหนูฝันร้ายอย่างนั้นหรือเจ้าคะ ไม่เป็นไรนะเจ้าคะมันเป็นเพียงความฝันเท่านั้น ตอนนี้ท่านรีบแต่งตัวดีหรือไม่ วันนี้ท่านจะได้เห็นบุรุษที่ท่านเฝ้ารอมาตลอดหลายเดือนแล้วนะเจ้าคะ” ลี่อินพูดด้วยรอยยิ้มและกล่าวถึงบุรุษที่ฟางหนิงหลินมีใจถวิลหาเพื่อให้นางผ่อนคลายจากฝันร้าย
แต่ฟางหนิงหลินกลับไม่ลุกขึ้น นางยังคงนั่งคิดถึงความรู้สึกเจ็บปวดทรมานทั้งร่างกายและจิตใจที่เกิดขึ้นจากเรื่องราวในฝัน นางหลับไปเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วยามแต่ในฝันช่างยาวนานราวกับเกิดขึ้นจริง ๆนางนั่งทบทวนเรื่องราวในฝันอยู่พักหนึ่ง จนได้ยินเสียงเร่งเร้าจากสาวใช้คนสนิทดังขึ้น นางจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว
ตลอดเวลาที่สาวใช้คอยปรนนิบัติอาบน้ำแต่งตัวให้นาง นางก็ยังคงไม่เลิกคิดถึงเรื่องราวในฝันนั้น จนสาวรับใช้ข้างกายทั้งสองสังเกตความผิดปกติของคุณหนูของพวกนางได้อย่างชัดเจน
“คุณหนูท่านเป็นกังวลเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” ลี่จินเอ่ยถามฟางหนิงหลินด้วยความเป็นห่วง
ฟางหนิงหลินมองเงาลี่จินกับลี่อินสาวใช้คนสนิททั้งสองในกระจก หน้าตาของพวกนางแสดงออกถึงความสงสัยและเป็นห่วง ในฝันนั้นฟางหนิงหลินเองก็ได้เห็นจุดจบของพวกนางเช่นกัน เพราะลี่อินกับลี่จินยอมรับผิดแทนนางว่าเป็นคนวางยากำหนัดองค์รัชทายาทและเจียงเจียวซิน ทำให้ทั้งสองถูกโบยจนตาย ส่วนนางที่เป็นเจ้านายก็ถูกลงโทษกักบริเวณเพราะดูแลคนของตนเองได้ไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นความฝันหรือความจริงฟางหนิงหลินก็เชื่อว่าสาวใช้ทั้งสองจะยอมตายเพื่อนางได้จริง ๆ เพราะทั้งสองเป็นราวพี่สาวที่เติบโตมาพร้อมกับนาง
ฟางฮูหยินมารดาของฟางหนิงหลินรับลี่จินกับลี่อินมาเลี้ยงตั้งแต่พวกนางอายุได้ราวห้าหกหนาวเท่านั้น ขณะที่ทั้งสองถูกขายให้หอนางโลมฟางฮูหยินได้ไปพบเข้า ฟางฮูหยินเห็นเด็กทั้งสองคนกับผู้เป็นแม่ร่ำไห้กอดกันอย่างน่าเวทนาจึงนึกสงสาร จึงได้ขอซื้อตัวเด็กทั้งสองมาจากหอนางโลม
ฟางฮูหยินไม่เพียงแต่รับซื้อลี่จินกับลี่อินมา ยังขอซื้อแม่ของพวกนางทั้งสองมาจากพ่อที่ติดการพนันของพวกนางอีกด้วย ถึงทั้งสามคนจะเข้ามาอยู่ในจวนในฐานะสาวใช้ แต่พวกนางก็อยู่ดีกินดีมีเสื้อผ้าสะอาดและที่นอนอันอบอุ่น อีกทั้งยังได้นั่งเรียนเขียนอักษรกับฟางหนิงหลินในตอนวัยเยาว์อีกด้วย แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้แม่ของทั้งสองได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว เพราะร่างกายที่อ่อนแอจากโรคเก่าที่รุมเร้ามายาวนาน
“พวกเจ้าคิดว่าความฝันจะเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่” ฟางหนิงหลินเอ่ยถามสาวใช้ทั้งสองด้วยท่าทางจริงจัง
“คุณหนูยังกังวลเรื่องความฝันอย่างนั้นหรือเจ้าคะ อย่าได้กังวลไปเลยเจ้าค่ะ คุณหนูเพียงฟังเรื่องเล่าจากร้านน้ำชาเมื่อวานและเก็บไปฝันเท่านั้น” ลี่อินเอ่ยตอบ
