บทที่ 10 10

“นั้นเด็กรับใช้บ้านคุณกรเหรอวะ?” เสียงพนักงานร้านอาหารที่มองตามแผ่นหลังคนตัวเล็กที่เดินเข้าซอยบ้านของคณากรไปอย่างสงสัย

“น่าจะใช่มั้ง เห็นอยู่ที่บ้านหลังนั้น”

“น่ารักเป็นบ้า ไม่คิดว่าเด็กรับใช้คุณกรจะน่ารักขนาดนี้”

“เฮ้อ ยังเด็กอยู่นะเว้ย เดี๋ยวก็คุกหรอก”

“เด็กอะไรนมใหญ่ขนาดนี้แล้ว เดี๋ยววันหลังกูจะไปทักทาย คนนี้ใช่มาก แม่ของลูกกูแน่นอน” คำพูดของพนักงานทำเอาชายหนุ่มที่ยืนสูบบุหรี่อยู่หลังร้านได้ยินทุกคำ คณากรทิ้งบุหรี่ ก่อนจะเหยียบไปมา ปกติแล้วชายหนุ่มไม่ได้สูบบุหรี่อะไรมากมาย เพียงแต่วันนี้อารมณ์เขาได้ เลยมายืนสูบ เขาเห็นคนตัวเล็กลงจากรถพอดี พร้อมทั้งได้ยินคำพูดทุเรศนั้นอีก ไม่รู้เพราะอะไรเขาถึงได้หงุดหงิดขึ้นมามากขนาดนี้ก็ไม่รู้

หลายวันผ่านไป

ชีวิตในโรงเรียนของมะลิวัลย์ถือว่าไปได้ดีเลย เพราะเธอมีเพื่อนอย่างมิ้วที่เคยช่วยเหลือเธอตลอด

“วันนี้พี่ชายฉันจะมารับ เดี๋ยวฉันไปส่งเธอนะ เห็นเธอกลับแท็กซี่ทุกวันเลย”

“ไม่เป็นไรหรอกเรากลับได้ ไม่อยากรบกวนเธอกับพี่” มะลิวัลย์ได้ยินบ่อยครั้งเกี่ยวกับพี่ชายของมิ้วที่ชื่อมีน

“ไม่เอา เราอยากไปส่งเธอ นะ ๆ ให้เราไปส่งนะ”

“งั้นก็ได้ขอบใจนะมิ้ว” คนตัวเล็กยิ้มให้เพื่อนสาว พอมิ้วได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจไม่น้อยที่จะได้ไปส่งเพื่อน

หลังเลิกเรียนรถเก๋งของพี่ชายมิ้วก็มารับที่หน้าโรงเรียน โดยมะลิวัลย์ถูกจับให้นั่งหน้าข้าง ๆ พี่ชายของรุ่งธิดา คนตัวเล็กรู้สึกเกร็งไม่น้อย แต่ก็ต้องทำตัวปกติที่สุด

“นี่มะลิ นี่พี่ชายเรา พี่มีน” หญิงสาวยกมือทักทายพี่ชายเพื่อนที่อายุห่างจากเธอสักสามสี่ปีได้

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องมะลิ ยัยมิ้วพูดถึงเราให้พี่ได้ยินบ่อยมาก” มะลิหันไปมองเพื่อน ก่อนที่มิ้วจะยิ้มร่าออกมา

“ไม่ต้องห่วง เรื่องดีจ้ะคุณเพื่อนรัก”

“แล้วไป นึกว่าไปเผาอะไรเรา” คำพูดของหญิงสาวทำให้มิ้วหัวเราะออกมา เธอเล่าเรื่องมะลิวัลย์ให้พี่ชายฟัง เพราะชอบนิสัยของหญิงสาว แถมตอนนี้พี่ชายเธอก็โสดอยู่ด้วย เผื่อเป็นกามเทพช่วยให้คนมีความรักได้ แค่คิดหญิงสาวก็มีความสุขแล้ว

พอรถเก๋งมาจอดตรงบริเวณร้านอาหาร รุ่งธิดาก็ถามขึ้นมาทันทีว่ามะลิวัลย์อยู่ที่นี่เหรอ คนตัวเล็กจึงพยักหน้าให้

“ฉันเป็นคนงานที่นี่” หญิงสาวจำต้องบอกออกไปแบบนี้ ทั้งมิ้วกับพี่ชายเธอก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ นอกจากพยักหน้ารับรู้

“วันจันทร์เจอกันนะมะลิ คืนนี้เดี๋ยวฉันโทรมาเล่นด้วย”

“ได้จ้ะ ขอบคุณนะคะพี่มีนที่มาส่ง”

“ยินดีครับน้องมะลิ” หญิงสาวหันมายิ้มให้เพื่อน ก่อนจะลงจากรถไป มิ้วเห็นกระเป๋าสตางค์ของหญิงสาวตกก็รีบบอกให้พี่ชายลงเอาไปให้หญิงสาวทันที

“น้องมะลิครับ กระเป๋าสตางค์ครับ” หญิงสาวตาโตตกใจเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าตกไปตอนไหน

“ขอบคุณพี่มีนมากนะคะ”

“ยินดีครับ งั้นพี่ไปก่อนนะ” คนตัวเล็กพยักหน้า มองชายหนุ่มร่างสูงที่เดินขึ้นไปยังรถ ก่อนจะเลี้ยวออกไป โดยมะลิวัลย์ไม่รู้เลยว่ามีใครอีกคนกอดอกมองดูอยู่

“เมื่อกี้ใคร? เรียนไม่ถึงอาทิตย์คือมีผู้ชายมาส่งแล้วงั้นเหรอมะลิวัลย์?” น้ำเสียงเข้มเอ่ยถาม ทำให้คนตัวเล็กที่กำลังจะเดินเข้าซอยต้องหันกลับมาหาเจ้าของเสียง มะลิวัลย์ยกมือสวัสดีชายหนุ่ม ก่อนจะก้มหน้าลง

“เงียบทำไม ที่ถามไม่ได้ยินเหรอ?”

“คะ?” เธอไม่ทันได้ยินคำถามของชายหนุ่ม เพราะมัวแต่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย สีหน้าใสซื่อของคนตัวเล็ก ยิ่งทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของคณากรเพิ่มมากกว่าเดิม

“ให้ไปเรียนไม่ได้ให้ไปหาผัวเพิ่ม หัดอดใจไว้หน่อยไม่ได้รึไงมะลิวัลย์!” สิ้นเสียงของชายหนุ่ม มะลิวัลย์ก็ชักสีหน้าออกมาทันที กลับมาจากโรงเรียนก็ต้องมาเจอคำพูดแบบนี้ เธอไม่ชอบเลย

“คุณกร ถ้าจะชวนทะเลาะหนูขอตัวนะคะ ยังมีงานบ้านต้องทำต่อ” มะลิวัลย์ไม่อยากทะเลาะกับชายหนุ่ม จึงเดินหนีตรงมาที่บ้าน แต่ทว่าคณากรยังเดินตามมาหาเรื่องติด ๆ หญิงสาวถอดรองเท้านักเรียน ก่อนจะเก็บเข้าชั้นอย่างเรียบร้อย ไม่ทันจะได้เข้ามาในบ้าน เรียวแขนเล็กก็ถูกกระชากไปตามแรงของคนตัวสูงเสียแล้ว

“โอ๊ย หนูเจ็บนะคุณกร” มะลิวัลย์ร้องบอกหลังจากที่ชายหนุ่มเหวี่ยงเธอไปที่โซฟา ถึงจะมีเบาะนุ่ม ๆ รองรับแต่แรงกระแทกทำให้เธอรู้สึกเจ็บอยู่ดี ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรกันแน่ถึงได้มาทำแบบนี้กับเธอ

“แล้วไง?” ชายหนุ่มตอบกลับไปอย่างไม่สนใจว่าคนตัวเล็กจะเจ็บหรือรู้สึกยังไง เขาต้องการให้มะลิวัลย์รู้ว่าไม่ควรเดินหนีหรือท้าทายเขาแบบนี้

“คุณกร คุณเป็นอะไรคะ ทำไมต้องมาหาเรื่องหนูด้วย”

“ใครหาเรื่องเธอ มีแต่เธอที่ทำตัวเอง!”

“หนูทำอะไรไม่ทราบ?” เธอไม่เข้าใจ แค่เพื่อนมาส่งที่บ้านนี่ผิดมากรึไงกัน

“หึ! ไม่ยอมรับสินะ ผู้หญิงอย่างเธอนี่มันจริง ๆ เลย ไม่แปลกใจที่ทำไมอยากแต่งงานกับฉันจนตัวสั่นแบบนี้ มันอยากขนาดนั้นเลยเหรอ ถามจริง ๆ เถอะอายุแค่นี้ทำไมถึงยุ่งกับผู้ชายไปทั่ว อ่อยไม่เลือกหน้า”

เพี๊ยะ!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป