บทที่ 2 โรคจิต
Techo Part
ชายหนุ่มมองตามหลังชายรูปร่างสูงใหญ่ที่เดินก้าวเท้าออกไปจากร้าน อดไม่ได้ที่จะก้มมองสิ่งของในตะกร้า พร้อมกับรำพึงรำพันออกมาแผ่วเบา
“เขาคงรักแฟนของเขาน่าดูเลยน้าาาาา” ว่าพร้อมกับเดินไปทางด้านหลังร้าน วางตะกร้าไว้รอคิวซักต่อไปตามลำดับเช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ
เขามีชื่อว่าเตโช หรือ เต เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะพลศึกษา และตอนนี้เขาก็กำลังหารายได้เพื่อไปเลี้ยงเจ้านายของเขา ซึ่งนั่นก็คือแมวสามสีชื่อว่าปริ๊นเซส ในวันหนึ่งที่กำลังวิ่งออกกำลังกายในยามเช้าพร้อมๆ กับแวะซื้อมื้อเช้าของตนก่อนไปเรียน เขาก็วิ่งผ่านหน้าคอนโดแห่งนี้ ติดประกาศรับสมัครพนักงาน เขาจึงเดินเข้ามาสมัครงานเพื่อหารายได้เสริม
ซึ่งเจ้าของร้านชื่อพี่บัวหอม เธอเป็นหญิงสาวที่สวยมาก ดูอ่อนหวานนุ่มละมุนสมชื่อ เพียงแต่เขานั้นไม่ได้ชอบผู้หญิง และสนใจร่างกายของผู้ชายมากกว่า ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกอะไรกับพี่เขามากนัก และปกติแล้วพี่บัวหอมจะเป็นคนที่คอยดูหน้าร้านและต้อนรับลูกค้ามากกว่า แต่เพราะวันนี้พี่บัวไปซื้อของเข้าร้านและดูของตกแต่งอื่นๆ เพิ่มเติม
เพราะเป็นร้านเปิดใหม่ ดังนั้นอะไรหลายๆ อย่างจึงยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่นัก ร้านซักรีดของพี่บัวไม่เหมือนกับร้านทั่วๆ ไปที่เห็นได้ตามท้องถนน แต่เป็นร้านของพวกไฮโซโดยเฉพาะ เช่นรับซักรีดชุดสูทและชุดราตรีของคุณหญิงคุณนาย เพราะคอนโดแห่งนี้มีไว้ให้พวกคนร่ำคนรวยมาอยู่อาศัย ดังนั้นร้านซักรีดของคอนโดจะไก่กาไม่ได้เช่นกัน
ดังนั้นแล้วกว่าที่พี่บัวจะให้เขาเข้ามาซักผ้าที่ด้านในได้ต้องสอนแล้วสอนอีก รู้จักแยกชนิดของผ้า รู้ว่าผ้าแบบไหนต้องซักยังไง และเขาก็เพิ่งได้รู้ว่าชุดสูทราคาแพงเขาซักด้วยวิธีการซักแห้ง!! ตอนที่ได้ฟังเขาก็ เอ๊า! มันจะซักยังไงละวะนั่น แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ได้รู้ว่ามันคือการนำน้ำมันเพริคมาเช็ดเสื้อสูททั้งชุดแล้วรีดด้วยเตารีดไอน้ำ ถือเป็นการเปิดประสบการณ์และเปิดโลกใหม่ให้เขาไปในตัว เตโชทำการซักผ้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงชุดชั้นในที่ชายคนนั้นนำมาส่งซัก
“แฟนเขานมใหญ่น่าดู” พูดพร้อมกับจับๆ บีบๆ ที่ฟองน้ำของบราเซียไซซ์คัพ E ของอีกฝ่าย เนื้อผ้าลูกไม้นุ่มมือ สายรัดไม่บาดผิวจนเกินไป เมื่อชายหนุ่มพลิกดูยี่ห้อที่ด้านหลังก็พบว่าเป็นแบรนด์ดังเลยทีเดียว
“ใจป้ำชะมัด” ว่าแล้วก็จัดการซักชั้นในด้วยมือตามที่อีกฝ่ายแจ้งไว้ จนกระทั่งมาถึงกางเกงในก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
“ทำไมรูปทรงมันแปลกๆ จังวะ” เตโชหยิบกางเกงชั้นในที่เป็นผ้าลูกไม้สีดำและมีเส้นสายพาดไปมาสองเส้น ก็อดที่จะรู้สึกสยิวกิ้วไม่ได้ เมื่อชุดนั้นมันยั่วยวนแฟนสุดๆ เหมือนชุดนอนแล้วไม่ได้นอน
“สงสัยแฟนเขาคงจะเด็ดจนเข็ดฟันแน่เลย” เตโชอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรือนร่างของหญิงสาวไซซ์คัพ E สวมใส่ชุดเหล่านี้ที่เข้าคู่กันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นชุดชั้นในสีแดงตัดดำ หรือชุดชั้นในสีม่วงตัดดำ บางคราก็เป็นสีชมพูตัดขาว และทุกชุดนั้นแลดูยั่วยวนชวนน้ำลายไหล
“แถมหอมอีกต่างหาก” ว่าพร้อมกับยกชั้นในขึ้นสูง ลองสูดดมดูจนได้กลิ่นกายหอมจางๆ ลอยออกมาจากชั้นใน
“!!!”
เพี้ยะ!!!
“ตายๆๆๆๆ มึงตายแน่ไอ้เต!!! ถ้าลูกค้ารู้ว่ามึงมานั่งดมกางเกงในของเขาแบบนี้เขาต้องว่ามึงเป็นโรคจิตแน่เลยไอเต คุกตารางอยู่ไม่ไกลตัวมึงแล้ว” เตโชพูดพร้อมหน้าซีดลงอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อครู่นี้เขาพลั้งเผลอไปกับชั้นในลายลูกไม้นี้จนถึงขึ้นหยิบยกมันจรดจมูกแล้วสูดดม ทำตัวเหมือนกับพวกโรคจิตก็ไม่ปาน จนกระทั่งชั้นในเนื้อนุ่มนิ่มนั้นแตะกับจมูก เป็นตัวเรียกรั้งให้เขาได้สติจนต้องยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองแรงๆ
หัวใจของเขาเต้นตึกตักขณะมองชั้นในเจ้าปัญหา รู้สึกเหมือนว่าขาตัวเองก้าวเข้าไปในคุกในตารางแล้วก้าวหนึ่ง แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความคิดที่ว่า......
อยากเอากางเกงในตัวนั้นกลับบ้านจังเลยน้าาา
“เฮ้ย!!! ไม่ใช่แล้วไอ้เต!!!” ชายหนุ่มร้องออกมาดังลั่น เอาหัวจุ่มลงในกะละมังที่แช่ชั้นในเอาไว้อยู่เพื่อห้ามความคิดตัวเองสุดความสามารถ จนเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่าบนศีรษะของเขานั้นมีทั้งชั้นในและกางเกงในพาดอยู่ จนปัดมันออกจากศีรษะแทบไม่ทัน วักน้ำล้างฟองออกจากหัวอย่างหงุดหงิดงุ่นง่านใจ
“กูแค่เผลอ กูแค่พลาด กูยังไม่ได้ขโมยชั้นในเขามาใช่ไหมวะ ไม่งั้นผัวเขาเอากูตายแน่” ว่าพร้อมกับจับไปตามเนื้อตัว ก่อนจะพรูดลมหายใจด้วยความโล่งอก พยายามตั้งสติของตนเองอีกครั้ง เอ่ยปากพึมพำเหมือนกับกำลังท่องคาถาขณะซักผ้าไปด้วย
“กูไม่ได้โรคจิต กูไม่ได้บ้า กูไม่ได้เอากางเกงในเขามา รีบๆ ซักให้เสร็จจะได้เลิกฟุ้งซ่านซะที” เตโชพูดพลางเร่งมือซักผ้าไปด้วย จนเมื่อซักชั้นในตะกร้าผ่านนั้นเสร็จสิ้น ก็ขยับไปซักของลูกค้ารายอื่นต่อ น่าแปลกที่คราวนี้เขาหยิบชั้นในทั้งของผู้ชายและผู้หญิงขึ้นมาลองดมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีกลิ่นหอมแต่อย่างใด นอกจากนี้แล้วยังอดนึกกลัวตัวเองไม่ได้ว่าอาจจะถูกมองเป็นโรคจิตเข้าสักวัน
จนกระทั่งจบวันชายหนุ่มก็เดินออกจากร้านหลังจากปิดเสร็จเรียบร้อย มุ่งตรงกลับไปที่ห้องของตน ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีแมวสามสีเดินเข้ามางับเข้าที่ขาทันที
“โอ๊ย!!!” เตโชก้มลงมองที่ด้านล่าง เห็นเจ้านายของตนแสดงออกถึงความกรุ่นโกรธผ่านทางใบหน้า ชายหนุ่มจึงหันไปมองที่ถาดอาหารของเจ้านาย
“เฮ้อ ไม่เกรี้ยวกราดสิคะปริ๊นเซส” ว่าแล้วก็ขยับไปเทข้าวใส่ถ้วยให้เจ้านาย ก่อนจะขยับไปที่ด้านข้าง แล้วหยิบอาหารเหลวมาเทใส่ถ้วยที่อยู่ข้างกัน เตโชนั่งเล่นกับเจ้านายของตนอยู่อีกครู่ใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วไปล้างจานแทน หลังจากปริ๊นเซสทานอาหารเสร็จ ก็เดินเข้ามาไถศีรษะที่ขาของเตโชอย่างออดอ้อนและคล้ายว่าต้องการจะบอกขอบคุณ
เตโชยกยิ้มให้กับความน่ารักนั้น อยากจะเข้าไปนวดเจ้านายใจจะขาด ติดตรงที่มือของเขายังเต็มไปด้วยฟอง ทำให้ไม่สามารถทำได้ดั่งใจ และเหมือนว่ามันจะไปขัดใจปริ๊นเซสเสียมาก จึงทำให้เจ้าแมวสามสีตัวอ้วนกระโดดขึ้นเกาะขาแล้วเริ่มกางเล็บจิกลงไปในเนื้อ ก่อนจะปีนขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดของทาสอย่างเตโช
“โอ๊ย! โอ๊ย ปริ๊นเซสขา พ่อเจ็บค่ะ โอ๊ย! ซี้ดดดดดดดดดด” เตโชเขย่าขาไล่อาการเจ็บปวด ก้มลงมองเจ้านายของเขาที่ตอนนี้ลงไปอยู่ที่พื้น พลางล้างมือไปด้วยเพื่อไล่คราบฟอง ก่อนจะต้องชะงักเมื่อเขาเห็นว่ามันมีบางสิ่งที่ไม่ควรอยู่ที่พื้นพร้อมกับเจ้าหญิงของเขา
“ปริ๊นเซสขา หนูเอาอะไรมาเล่นคะลูก” พร้อมกับทรุดตัวลงนั่ง หัวใจเต้นตึกตัก เมื่อลักษณะของมันนั้นช่างดูคุ้นเคย มันมีสีแดงและดำ มีลูกไม้ระบายริ้วโดยรอบ เตโชทำใจกล้า ยื่นมือออกไปพลางหยิบขึ้นมาดู
“เหี้ย!!!! ไอ้เตตตตตตตตตตตตต” เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นห้องพร้อมกับเจ้าของชื่อที่ทรุดตัวลงไปนั่งกองอยู่ที่พื้นอย่างอ่อนแรง
“นี่.... นี่กู.... ไม่น้าาาาาา” เตโชยกมือขึ้นทึ้งเส้นผมของตัวเอง โดยที่มือยังคงมีกางเกงในของลูกค้าคาอยู่ในมือ เพราะในตอนที่ปริ๊นเซสไต่ขึ้นมาบนตัวเขา และเห็นเส้นสายสีดำที่โผล่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงของทาส จึงใช้ปากคาบไว้แล้วดึงทึ้งออกมาเล่นอย่างสนุกสนาน ทาสมีของเล่นใหม่มาก็ไม่บอก!!!
“นี่กู... กู..... กูกลายเป็นไอโรคจิตไปแล้ว......”
เช้าวันถัดมา.....
“ไอ้เต มาช้านะมึงอะ” เสียงของเพื่อนสนิทอย่างชินเอ่ยทักทันทีที่เห็นหน้าเขา เตโชทิ้งตัวนั่งลงบนโต๊ะหินอ่อนหน้าคณะ จิตวิญญาณล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อคืนนี้เขานอนไม่หลับ เรียกได้ว่าแทบไม่ได้นอน ในหัวคิดวนเวียนอยู่กับชั้นในเจ้าปัญหา เขาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการนำกางเกงในตัวนั้นไปซักมือและตากให้เรียบร้อย ก่อนจะมานอนครุ่นคิดถึงมัน หวังว่าเจ้าของคงไม่รู้ เพราะน้ำยาหรือผงซักฟอกเป็นของบ้านๆ คงจะไม่เป็นอะไร เจ้าของคงจะแยกกลิ่นมันไม่ออก
“ไอชิน..... กู.....” เพื่อนของเขาหันมองก่อนจะขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แล้วจึงยกมือขึ้นโบกหัวเขาไปเสียหนึ่งที
“อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ได้ ถึงเวลาเข้าเรียนแล้วมึง” ว่าพร้อมกับลุกขึ้น เพื่อมุ่งตรงเข้าชั้นเรียน
เตโชเรียนไปด้วยจิตใจที่ล่องลอย จนถูกลูกบอลกระแทกเข้าใส่หน้าไปเสียหลายที จนหน้าแดงเถือกไปหมด แต่นั่นก็ยังไม่อาจเรียกสติของเขาให้กลับคืนมาได้ จนเมื่อจบคลาสเรียนในช่วงเที่ยง เตโชที่ทั้งร่างชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อก็ทิ้งตัวลงนอนบนพื้นด้วยความอ่อนล้า ห้องเรียนของเขามักจะเป็นโรงยิม ที่มีสนามบอลและสนามบาส รวมถึงแบดมินตัน ดังนั้นพอทุกคนมาอยู่ร่วมกันและเป็นอาคารที่ไม่มีแอร์แบบนี้ ก็ทำเอาเขาเหงื่อท่วมกาย
“ไปกินข้าวกันโว้ยยยยย” เสียงของไอ้หมีดังขึ้นพร้อมกับชักชวนเพื่อนๆ ให้ออกไปพร้อมกัน ทำให้เตโชถอนหายใจแล้วจึงลุกตามไปด้วย แต่เขามีเข้างานตอนบ่าย ดังนั้นสิ่งที่ตกถึงท้องคือขนมปังและนมขวดใหญ่ เตโชบอกลาชินที่จะแยกไปทานอาหารกลางวันกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม แล้วจึงทานขนมปังไปวิ่งกลับหอพักไป เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่ แล้วจึงออกไปทำงาน
ชายหนุ่มไม่ลืมที่จะนำกางเกงในเจ้าปัญหา (ที่ตัวเขาเองทำให้มันเป็นปัญหา) ติดกระเป๋ากลับไปด้วย เมื่อมาถึงร้านแล้วเขาก็เอ่ยปากทักทายพี่บัวที่ดูแลอยู่หน้าร้าน จัดการวางข้าวของของตนเองให้เรียบร้อย ไม่ลืมที่จะเอาชั้นในตัวนั้นออกมา แล้วนำไปหย่อนใส่ตะกร้าเดียวกัน
“ฟู่ววววว”
“ทำอะไรเหรอน้องเต”
“อ๊ะ!!! อ่อ มาเช็กความเรียบร้อยน่ะครับพี่บัว”
“ของลูกค้ารายนี้พี่เช็กแล้วล่ะ ไปเถอะ” ว่าพร้อมกับกับเดินนำไปอีกทางซึ่งเป็นห้องซักรีด พร้อมกับแจกแจงงานของวันนี้ ว่าลูกค้ามีความต้องการอะไรพิเศษ หรือชุดไหนที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ หลังจากอธิบายงานตรงหน้าเสร็จ พี่บัวก็ขอตัวไปดูหน้าร้านต่อ ปล่อยให้เตโชทำการซักรีดเพียงลำพัง เตโชทำความสะอาดผ้าตามที่ได้รับคำสั่งมา จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนถึงเย็น ตะกร้าของชายคนนั้นก็ถูกยกออกไป ทำให้เตโชรู้ว่าชายคนนั้นมารับผ้าของตนกลับไปแล้ว ทำให้เขาพรูดลมหายใจด้วยความโล่งอก
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา......
เขาพยายามสังเกตอาการของตนกับชุดชั้นในของลูกค้าท่านอื่นๆ และสำรวจตัวเองทุกวันหลังเลิกงาน ว่าในกระเป๋าของเขานั้นมีชั้นในของลูกค้าท่านอื่นติดมือกลับบ้านมาด้วยหรือไม่ น่าแปลกที่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนกับว่าเขาแค่พลั้งเผลอไปกับครั้งนั้นเพียงครั้งเดียว และนั่นทำให้เตโชมีความสุขมากขึ้นหลังจากที่นั่งเครียดมาทั้งอาทิตย์ เพราะกลัวว่าตัวเองจะเป็นพวกไอ้โรคจิตที่คิดจะขโมยกางเกงในหญิงสาวกลับบ้านมาด้วยทุกครั้งที่ทำงาน ทำให้ในสัปดาห์นี้เขาอารมณ์ดีกว่ามากกว่าที่เคย
ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังนั่งเล่นอยู่ที่ด้านหน้าเคาน์เตอร์ ในวันอาทิตย์ตอนเย็น เพราะพี่บัวออกไปซื้อมื้อเย็นที่ตลาดใกล้ๆ นี้ ส่วนตัวเขาเองก็จัดการงานที่มีจนเสร็จ จึงได้มานั่งพักหายใจหายคอ ตากแอร์เย็นๆ บ้าง
กรุ๊งกริ๊ง
เสียงของโมบายแขวนด้านหน้าร้านดังขึ้น พร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินเข้ามา เตโชเงยหน้าขึ้นมอง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจเต้นให้กับชายตรงหน้า
ชายหนุ่มมีรูปร่างสูงโปร่ง มีกล้ามเป็นมัดๆ เหมือนพวกชอบเล่นกล้าม ซึ่งไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่นัก ชายคนนั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมลงเล็กน้อยและพับชายแขนเสื้อขึ้น 2 – 3 ทบ นอกจากนี้แล้วช่วงเอวสอบยังเว้าเข้าหากันจนคล้ายกับรูปสามเหลี่ยมหัวทิ่ม ด้วยบ่าที่กว้างและใหญ่แต่กลับมีเอวที่เล็กรับกับสะโพก ยิ่งใส่กางเกงสแลกเนื้อดีก็ยิ่งขับเน้นให้ชายหนุ่มนั้นดูสูงโปร่ง ชายคนนั้นวางตะกร้าผ้าลงตรงหน้าเขาสองใบ เอ่ยด้วยเสียงนุ่มทุ้มน่าฟัง
“ซักรีดครับ ผ้านี้ซักแบบปกติครับ ส่วนตะกร้านี้ช่วย-”
“ช่วยทะนุถนอมเป็นพิเศษ ใช้น้ำยาแบบถนอมผ้า ใช้วิธีการแบบซักมือ และตากในที่ร่มใช่ไหมครับ” ชายคนนั้นชะงัก แล้วจึงเผยยิ้มบาง ก่อนจะพยักหน้ารับ
“ครับ ตามนั้นเลย” เตโชพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว พร้อมกับจดรายละเอียดลงในใบนัดอย่างคล่องแคล่ว
“อ่อ ขอทราบชื่อได้ไหมครับ” ชายตรงหน้าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ เพราะคราวก่อนอีกฝ่ายไม่ได้ถามชื่อ แต่ลงเลขลำดับให้เขาแทน ทำให้เขาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“พอดีผมจะทำประวัติลูกค้าน่ะครับ เพื่อที่ว่าหากมาใช้บริการบ่อยๆ เกิดมีการเปลี่ยนคน หรือเปลี่ยนพนักงานรับเรื่อง เขาจะได้ใช้ข้อมูลเดียวกันนี้ คุณลูกค้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาสั่งใหม่ซ้ำๆ ทุกครั้งที่มาใช้บริการน่ะครับ”
“รอบก่อนไม่เห็นคุณทำให้?” ชายหนุ่มพูดพลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบเอานามบัตรสีดำขลิบทองออกมาวางลงตรงหน้า เพื่อใช้เป็นข้อมูลให้อีกฝ่ายได้ใช้ในการลงบันทึก เตโชที่ได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยขอโทษขอโพยออกไปทันที
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมยังเป็นพนักงานใหม่ ทางผู้จัดการเพิ่งจะสอนวิธีการลงข้อมูลให้น่ะครับ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะเอ่ยออกมา
“เข้าใจได้ ร้านเพิ่งเปิดล่ะนะ” ว่าจบก็ยืนมองเขาด้วยรอยยิ้มนิ่งๆ เขาจึงก้มลงอ่านชื่อบนนามบัตรอย่างตั้งใจ
“สิงห์ สิงหราช นั่นคือชื่อของผม” เตโชสะดุ้ง เงยหน้ามองอีกฝ่ายทันควัน อาจจะเป็นเพราะเขาเพ่งมองนามบัตรนานไป อีกฝ่ายจึงบอกออกมาเสียเอง นั่นก็เป็นเพราะเขาอ่านภาษาอังกฤษที่เป็นตัวเขียนไม่ออก!!! ชื่อบนนามบัตรนี้เป็นสีทองสวยตวัดกันไปมาอย่างงดงาม แต่มันกลับเป็นปัญหาสำหรับเขาคนที่พยายามหนีจากการสอบหรือเรื่องอะไรที่มันยากๆ ด้วยคิดว่าวิชาพละตอบโจทย์เขามากที่สุด เขาไม่ต้องเจอฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แคลคูลัส หรือภาษาอังกฤษเยอะเท่ากับการเรียนสาขาวิชาอื่นๆ
“ครับๆ” เตโชเอ่ยปากพร้อมกับพยายามตั้งสติไม่ให้ล่กจนเกินไป คุณสิงหราช หรือคุณสิงห์ มองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มบางเบาดังเดิม ไร้การหัวเราะขบขันหรือเย้ยหยันอย่างที่ไฮโซชอบทำกันทำให้เขาพอใจชื้นได้บ้าง
จวบจนกระทั่งเขาลงบันทึกข้อมูลในระบบเสร็จ และบันทึกไว้ถึงวิธีการซักที่ลูกค้าต้องการเป็นพิเศษเรียบร้อยแล้วก็พยักหน้ารับ พร้อมกับดันนามบัตรคืนกลับไปให้อีกคน
“ไม่เป็นไรครับ คุณเก็บไว้เถอะ” คุณสิงห์พูดพร้อมกับหมุนตัวหันหลัง เตรียมออกจากร้าน ในตอนนั้นเองที่เตโชก้มลงแล้วมองเห็นสิ่งแปลกปลอมในตะกร้าผ้า ชายหนุ่มจึงร้องบอกออกไปทันที
“คุณสิงห์ครับ!!” เตโชหยิบคว้าสิ่งนั้นมาไว้ในมือ แล้วจึงวิ่งออกจากหลังเคาน์เตอร์ นำไปยื่นให้กับชายหนุ่มที่หยุดชะงักและหันกลับมามอง
“คุณลืมของครับ”
“อ้อ ขอบคุณครับ” สิงหราชรับของชิ้นนั้นมาถือไว้ในมือ แล้วจึงก้มหน้าลงเล็กน้อยเชิงขอบคุณ ก่อนจะออกจากร้านไป
“คาลาไมน์.... เอาไปทำอะไรนะ” เตโชพูดพึมพำ ก่อนจะหันกลับมาที่ตะกร้าผ้าที่เขาต้องจัดการ เขาจัดการเขียนรายละเอียดของผ้าทั้งสองตะกร้าแล้วทำการติดแท็กให้เรียบร้อย ก่อนจะยกเข้าไปไว้ด้านใน เพื่อทำความสะอาด
ชายหนุ่มก้มลงมองตะกร้าชั้นในของอีกฝ่าย อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึก ในคราวนี้ก็ยังคงเป็นชั้นในที่เซ็กซี่ขยี้ใจเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และเหมือนว่ามีชั้นในตัวใหม่เพิ่มเข้ามาอีกด้วย เขายื่นมือไปลูบชั้นในเนื้อนุ่มนั้นแผ่วเบา อดไม่ได้ที่จะยกบราเซียขึ้นจรดจมูกแล้วสูดดมผิวกายเหมือนอย่างที่เคยทำมาตลอดทั้งสัปดาห์
“หอม....” เขาพูดด้วยอาการเหม่อลอย กลิ่นกายของผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่ผ่านมา กลิ่นกายหอมกรุ่นติดผิวผ้าทำให้เขาหลงใหลและเคลิบเคลิ้มได้ไม่ยาก จนรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่แล่นไปทั่วร่างเพียงเพราะได้สูดดม เตโชตกใจตาตั้ง ยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองเต็มแรง ร้องออกมาสุดเสียง
“นับวันมึงยิ่งโรคจิตเข้าไปทุกทีแล้วไอ้เตตตตตตตตตตตต”
ย้อนกลับไปก่อนหน้า.....
สิงหราชกำลังสวมใส่ชั้นในเข้าชุดกันทั้งบนและล่าง แต่เมื่อขอบชั้นในหยุดลงที่เอวสอบ ความรู้สึกบางอย่างก็กระจายไปทั่วร่างทันที จนเขาต้องก้มลงมองพร้อมขมวดคิ้ว ความรู้สึกนั้นยังคงมีอยู่ไม่คลายจนสุดท้ายเขาต้องถอดชั้นในตัวนั้นออกพร้อมกับก้มลงมองดูผิวเนื้อของตัวเองที่ขึ้นตุ่มไตและเห่อแดงไปทั่ว
“แพ้น้ำยาเหรอ” เสียงทุ้มพึมพำแผ่วเบา ก่อนจะตัดใจ ถอดชุดที่กำลังสวมใส่ออกจากตัวแล้วเปลี่ยนเป็นชุดอื่นแทน ความรู้สึกคันยิบ ๆ แผ่กระจายไปทั่วตัว จนเขาทนไม่ไหว ต้องไปที่ร้านขายยาและซื้อยาแก้คันมาทาให้ทั่ว อาการคันยิบๆ นั้นจึงพอจะเบาบางลงไปได้บ้าง
“เฮ้อ แย่จริงๆ” เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่พอเขาลองสวมใส่ชั้นในตัวอื่น อาการที่ว่านี้ก็ไม่มีปรากฏให้เห็น ดังนั้นแล้วเขาจึงเปลี่ยนชุดชั้นใน โดยหลงลืมยาคาลาไมน์ที่ใช้ทาแก้คันในตะกร้าไปเสียสนิทใจ.......
