บทที่ 1 1
“น้ำหวานตื่นได้แล้วเดี๋ยวก็ไปเรียนสายหรอก”เสียงปลุกของแก้มใสเพื่อร่วมคณะแถมยังเป็นรูมเมทเธออีกด้วย ทำให้คนตัวเล็กที่กำลังหลับฝันดีสะดุ้งขึ้นมา อันที่จริงเธอตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้แล้วแต่ดูเหมือนว่าแก้มใสจะกลัวเธอตื่นสายจริงๆ
“น้ำหวาน~~~!”
“โอ๊ยยยยตื่นแล้วๆ ไม่ต้องปลุกแล้ว”คนถูกปลุกอ้าปากหาวหวอดๆ ก่อนจะบิดกายไปมา เธอมองเพื่อนร่วมห้องที่เจอกันตั้งแต่วันย้ายเข้าหอแถมยังเรียนห้องเดียวกันอีกด้วย แก้มใสเป็นคนนิสัยดีเลยพูดคุยรู้เรื่องการที่เธอได้รู้จักเพื่อนคนนี้นับว่าเป็นโชคดีเหมือนกัน
“รีบไปไหนเนี่ย”
“รีบดีกว่าสายนะ เร็วไปอาบน้ำเถอะฉันแต่งหน้าต่อก่อน”
“เคๆ”น้ำหวานพยักหน้าตอบก่อนจะลุกขึ้นเดินไปอาบน้ำ
น้ำหวานเป็นนักศึกษาปี1ในมหาลัยชื่อดังแห่งนี้ เธอเป็นเด็กทุนของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ครอบครัวของเธออยู่ต่างจังหวัดพื้นฐานทางบ้านไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมายแต่ก็ไม่ได้ยากจน ถือว่าอยู่ในระดับปานกลางเพราะบิดาของเธอรับราชการส่วนแม่เป็นแม่ค้าขายขนม น้ำหวานเป็นลูกคนเดียวของบ้านการที่มาเรียนที่นี่คนตัวเล็กต้องอ้อนพวกท่านอยู่นานกว่าเธอจะได้มา
หญิงสาวเป็นคนนิสัยนิ่งๆ ถ้าไม่สนิทคือไม่พูดคุยอะไรเลย ใครๆ มักมองเธอว่าเป็นคนโลกส่วนตัวสูงแต่มันก็คงจริงอย่างที่ใครๆ ว่าเพราะเธอไม่ค่อยอยากจะยุ่งเกี่ยวกับใครมากมายนักอารมณ์เบื่อสังคมยุ่งมากก็ยิ่งปวดหัว เธอชอบความสงบสุขมากกว่า
“เธอแต่งหน้าไหม?”แก้มใสหันหน้ามาถามพร้อมสำรวจใบหน้าของเพื่อนใหม่ที่อยู่ห้องเดียวกัน น้ำหวานเป็นผู้หญิงที่น่าตาสวยใช้ได้เลยแต่ผู้หญิงคนนี้มักจะไม่แต่งหน้าแถมยังชอบทำหน้านิ่งๆ อีก
“ไม่อ่ะ ทาแป้งฝุ่นก็พอ”
“อะไรอ่า เธอรู้ไหมว่าเธอสวยมากนะแต่งหน้าอีกนิดหนุ่มๆ ในมอคงมาต่อแถวจีบกันยาว”
“ไม่เป็นแบบนั้นก็ดีแล้ว ไปได้ยังหิวแล้ว”
“เคๆ เสร็จแล้วๆ”ก่อนเข้าเรียนเธอทั้งสองจะแวะทานอาหารเช้าหน้ามหาวิทยาลัยก่อน ส่วนใหญ่เป็นข้าวไข่เจียวบุฟเฟ่ต์ไม่ก็โจ๊กหมูเด้งราคาไม่แพงแถมอร่อยอีกด้วย สีหน้าของแก้มใสดูตื่นเต้นไม่น้อยเลยที่ได้กินอะไรพวกนี้ มันทำให้น้ำหวานมองอย่างนึกแปลกใจก่อนจะอมยิ้มออกมากับท่าทางของเพื่อน
หลังจากที่กินอะไรกันเสร็จสองสาวก็พากันเดินไปขึ้นรถรางของมหาวิทยาลัยก่อนจะขึ้นตึกเรียนของพวกเธอ ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยปีแรกก็นับว่ามีอะไรให้ทำอยู่หลายอย่างโดยเฉพาะกิจกรรมต่างๆ ที่เด็กปีหนึ่งต้องทำ มันทั้งเหนื่อยทั้งสนุกปนเปกันไปแต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์อย่างนึง
อีกด้าน
รถสปอร์ตคันหรูแล่นเข้ามาจอดหน้าตึกวิศวะก่อนที่ร่างสูงเกินร้อยแปดสิบห้าจะก้าวขาลงจากรถ เตชินท์หนุ่มหล่อพ่อรวยวิศวะโยธาปีสามที่ใครๆ ต่างก็รู้จักชายหนุ่มเป็นอย่างดี เขาเป็นหนุ่มฮอตที่ทางเพจมหาลัยชอบถ่ายรูปเขาไปลงอยู่ตลอดเวลาทำให้เกิดการปราบปลื้มในตัวชายหนุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“มากันนานแล้วเหรอ?”ร่างสูงมาหยุดที่โต๊ะหินอ่อนที่เดิมที่เก่าของพวกเขาที่มักจะมานั่งรอกันตรงนี้หากยังไม่ขึ้นตึกไปเรียน
“เพิ่งมาถึง มึงล่ะเมื่อคืนได้ข่าวไปกับน้องเจนเป็นไง”เหมันต์เพื่อนในกลุ่มเอ่ยถามเนื่องจากเมื่อคืนพวกเขาไปดื่มกันที่ผับก่อนจะแยกย้ายทางใครทางมันและนิสัยอย่างเตชินท์ที่ไม่เคยว่างเว้นกับเรื่องสาวๆ นั้นก็เหมือนเดิม เขาเห็นเพื่อนออกไปกับน้องเจนดาวคณะนิเทศศาสตร์ปีก่อน
“ก็ไม่ไง”
“หึ ไอ้เสือร้ายแบบมึงคงไม่รอด”
“ไม่ถูกใจรึไง?”เป็นสายลมเพื่อนอีกคนของเตชินท์เอ่ยขึ้นอย่างรู้ทันนิสัยของเพื่อนสนิทที่มีสีหน้าเรียบเฉยเมื่อเอ่ยถึงรุ่นน้องสาว
“เออ เลิกพูดได้ยังขึ้นเรียนสักทีเถอะ”เตชินท์ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก เขาลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปในตึก ภาพของทั้งสามคนที่เดินเข้าไปในลิฟท์ทำให้สาวๆ ที่เห็นถึงกับรีบยกกล้องมาถ่ายรูปในความสุดฮอตของกลุ่มรุ่นพี่วิศวะกลุ่มนี้
“หล่อมากแม่ พี่เตชินท์เท่สุดๆ พี่เหมันต์พี่สายลมก็ดี”
“ฉันชอบพี่เตชินท์ที่สุดแล้วเมื่อคืนเห็นอยู่ที่ผับคิงบาร์หล่อมาก”
“โชคดีชะมัดที่ได้เจอหน้าพวกพี่เขาตั้งแต่เช้าแบบนี้มีกำลังใจเรียนล่ะ”คำพูดของสาวๆ ที่เอ่ยตามหลังรุ่นพี่หนุ่มที่เดินผ่านหน้าไปก่อนจะอัพรูปลงโซเชียลอย่างปราบปลื้มอีกฝ่าย ถ้าเป็นรูปถ่ายชื่นชมไม่มีอะไรเสียหายพวกชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก ถ้าทำอะไรเกินขอบเขตพวกเขาถึงจะจัดการ
“กรี๊ดรูปพี่เตชินท์”เสียงของเพื่อนร่วมชั้นพูดขึ้นหลังจากที่อาจารย์มาสั่งงานก็เดินออกไปข้างนอกแล้ว
“ไหนๆ อร๊ายไม่ได้เจอหน้าเลย หล่อเนาะ”
“พี่เหมันต์ก็เท่”คำพูดของผู้หญิงในห้องทำให้แก้มใสที่กำลังจดงานชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะมองน้ำหวานที่ไม่มีท่าทีจะสนใจอะไรเลย
“ไม่เห็นเท่ตรงไหนเลย”แก้มใสพึมพำ
“หืม? เธอว่าอะไรเหรอ”น้ำหวานหันหน้าไปถามเมื่อได้ยินอะไรแว่วๆ มาจากปากของเพื่อน
“ปะ เปล่าไม่มีอะไร”
“เสร็จยัง เราเขียนเสร็จแล้วนะ”
“อะไรน่ะ เร็วชะมัด เธอเนี่ยจะเรียนเก่งเกินไปแล้วนะ”แก้มใสทำแก้มป่องออกมาเธอชอบน้ำหวานเพื่อนของเธอก็คือความเรียนเก่งนี่แหละ
