บทที่ 2 2

“อะไรเล่า ไม่ได้เก่งอะไรเลยคิดเลขง่ายๆ”คนได้ยินว่าคิดเลขง่ายๆ ตาโตขึ้น เธอปวดหัวตึบๆ เพื่อนบอกว่าง่ายยอมใจจริงๆ

“ยอมใจเธอจริงๆ”แก้มใสรีบทำงานของตัวเองก่อนที่อาจารย์จะให้ส่งในคาบ

ไม่นานสักเท่าไหร่นักสองสาวก็เดินกันมายังโรงอาหารก่อนจะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนักศึกษาสองกลุ่มกำลังทะเลาะกันอยู่ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อยเลย

“เมื่อคืนแกใช่ไหมที่ไปยุ่งกับพี่เตชินท์ของฉัน!”

“ของแกงั้นเหรอ หึพี่เตชินท์ไม่ใช่ของแกแต่เป็นของฉันต่างหาก”

“นังเจน!”

“ทำไม หรือรับความจริงไม่ได้”

“มึงใจเย็นๆ อย่ามีเรื่องกันเดี๋ยวเป็นเรื่อง”เพื่อนทางฝั่งเจนสะกิดบอกหญิงสาวใบหน้าสวยที่จ้องมองฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่คิดยอม เหตุการณ์ที่เห็นทำให้น้ำหวานเดาได้ว่าเป็นเรื่องอะไรเธอไม่ชอบอะไรแบบนี้การทะเลาะกันเรื่องผู้ชายเธอไม่ชอบจริงๆ อีกอย่างที่นี่คือมหาวิทยาลัยเรามีหน้าที่เรียนแทนที่จะเรียนไป

“น้ำหวาน เราว่าไปกินข้าวที่อื่นดีกว่าไหม เจอแบบนี้ไม่อยากกินเลย”แก้มใสกระซิบบอกทำให้น้ำหวานพยักหน้าเห็นด้วย อีกอย่างเธอมีเรียนอีกทีคือตอนบ่ายสองเหลือเวลาอีกเยอะจึงตกลงว่าจะไปกินข้าวที่ร้านป้าหน้ามหาวิทยาลัยค่อยกลับไปนอนเล่นที่หอก่อน

“เอ๊ะ กลุ่มพี่เหมันต์นี่น่า”แก้มใสพึมพำหลังจากที่มองเห็นกลุ่มวิศวะคนดังกำลังเดินไปยังรถคันหรูที่จอดอยู่

“ใครเหรอ?”

“เอ่อ ก็ต้นเหตุที่ทำให้พวกผู้หญิงเมื่อกี้ทะเลาะกันไง”น้ำหวานที่ได้ยินอย่างนั้นก็มองไปทางกลุ่มรุ่นพี่ที่ยินพิงรถสูบบุหรี่อยู่ ท่าทางของพวกเขาเท่ก็จริงแต่ไม่ใช่แบบที่เธอชอบอะไรแต่อย่างใด สูบบุหรี่ในรั้วมหาวิทยาลัยเนี่ยนะ

“เธอรู้จักเหรอ”

“ก็เห็นในเพจมหาวิทยาลัย เธอเห็นคนนั้นไหมที่ยืนอยู่ข้างรถสปอร์ตสีดำเท่ๆ น่ะ นั่นอ่ะพี่เตชินท์ หล่อรวยสาวๆ หลงกันตรึมแต่จะบอกว่าหล่อทั้งกลุ่มก็ไม่ผิดหมายถึงในสายตาคนอื่นนั้น ฉันว่าก็เฉยๆ โดยเฉพาะผู้ชายที่ถกแขนเสื้อน่ะ”น้ำหวานมองตามคำพูดของเพื่อน

“ชื่อเหมันต์ไม่เห็นจะหล่อตรงไหน อีกคนชื่อสายลมคนนี้เหมือนจะดีที่สุดในกลุ่ม นิ่งๆ ไม่อะไรกับใครมาก”

“อ้อ เราไม่รู้จักเลย”

“ไม่แปลกใจที่เธอไม่รู้จักตั้งแต่เรารู้จักเธอมา เธอแทบไม่สนใจใครเลยจ๊ะ”

“ก็ไม่รู้จะสนใจทำไม อีกอย่างเรามีเรื่องที่สนใจอยู่แล้ว”เรื่องที่น้ำหวานหมายถึงไม่ใช่อะไรเลยนอกจากเรื่องเรียน

“ก็ดีแล้ว เป็นเพื่อนกับเธอสบายใจจริงๆ น่ารักที่สุด”

“อะไรเล่ามาชมทำไมเนี่ย”

“อิอิ น้ำหวานเพื่อนรักของเรา”

“หยุดๆ ขนลุก”น้ำหวานเดินหนีแก้มใสก็ตามเกาะแขนก่อนที่สองสาวจะหยอกล้อตามประสา เสียงหัวเราะทำให้เตชินท์ที่สูบบุหรี่อยู่มองเล็กน้อยเขาไม่ได้สนใจอะไรก่อนจะพูดคุยกับเพื่อนต่อ

หลายวันผ่านไป

น้ำหวานนั่งทำบัญชีรายรับรายจ่ายที่เธอมักจะชอบทำเป็นประจำเพื่อที่จะรู้ว่าแต่ล่ะเดือนเธอต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง หญิงสาวได้ทุนก็จริงแต่ค่าใช้จ่ายเธอก็ต้องหาเอง พ่อแม่เธอให้เงินเดือนเธอห้าพันอันที่จริงท่านถามว่าพอไหมไม่พอจะให้เพิ่มแต่คนตัวเล็กรู้ดีว่ารายได้พ่อแม่ของเธอเป็นยังไง แถมท่านก็มีอายุมากแล้วในเมื่อเธออยากมาเรียนที่นี่ก็ต้องรับผิดชอบตัวเองได้ หญิงสาวจึงไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมาย เธอตัดสินใจว่าอยากหางานทำเพิ่มเติม คนตัวเล็กเห็น่าแถมมหาวิทยาลัยมีร้านรับพนักงานพาร์ทไทม์ไม่น้อยเลยแต่ส่วนใหญ่เป็นงานกลางวัน ตารางเรียนของเธอมันไม่ตรงกันอีก หญิงสาวจึงได้แต่คิดว่าจะทำงานอะไรดี

“ทำอะไรอยู่น่ะ”แก้มใสถามอย่างใส่ใจเมื่อเห็นเพื่อนนั่งเงียบมานานแล้ว

“อ้อ ทำรายรับรายจ่ายน่ะ”

“หึ สมกับเป็นนักศึกษาบัญชีจริงๆ”เพื่อนของเธอทำอะไรเป็นระเบียบและจริงจังมาก ขนาดค่าใช้จ่ายยังต้องมาจดทำบัญชีทุกวัน

“ไม่เกี่ยวเลยว่าต้องเรียนบัญชี คนไม่เรียนบัญชีก็ควรทำแบบนี้เราจะได้เก็บเงินได้”

“โห้ น่าสนใจแบบนี้เราจะทำบ้าง”

“ว่าแต่แก้มใสบ้านอยู่ที่นี่ไหม ไกลรึเปล่า”

"บ้านเราอยู่เชียงใหม่น่ะแต่เราพูดเหนือไม่เป็นนะ"เธอตอบด้วยท่าทีโก๊ะๆ ที่แก้มใสพูดเหนือไม่ได้เพราะเธอไม่ได้โตที่เชียงใหม่ไง หญิงสาวไปอยู่ต่างประเทศมาช่วงนึงตั้งแต่อายุสิบห้าจนจบไฮสคูลก่อนจะกลับมาอยู่เชียงใหม่แต่ก็พูดไม่เป็นอยู่ดีแต่ฟังออกนะ

“ก็ไกลน่ะสิทำไมมาเรียนไกลจัง”

“ก็มหาวิทยาลัยที่นี่ดีไง”ก็คงไม่ต่างจากเธอที่อยากเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยดีๆ แบบนี้

“ขอโทษนะถามได้ไหมว่าครอบครัวแก้มใสเป็นไงบ้าง”

“ถามได้สิ ถามเลยเราชอบคุย”ปกติมีแต่เธอที่คุยคนเดียวรู้สึกเหงามากๆ พอได้ยินว่าน้ำหวานอยากจะพูดคุยกับเธอคนตัวเล็กก็ดูตื่นเต้นไม่น้อยเลย ท่าทีของแก้มใสทำให้น้ำหวานนึกขำไม่น้อยเธอเริ่มชินกันนิสันแบบนี้ของอีกฝ่ายแล้ว

“ครอบครัวเป็นไงบ้างเหรอ ก็ทั่วไปนะบ้านเราขายชา”น้ำหวานพยักหน้ารับรู้คิดว่าที่บ้านของแก้มใสคงเปิดร้านน้ำชาอะไรพวกนี้แต่ความหมายของเพื่อนเธอคือเป็นเจ้าของไร่ชาที่ใหญ่ติดอันดับในประเทศเลยล่ะ

“แล้วน้ำหวานล่ะ”

“พ่อเรารับราชการไม่ได้ตำแหน่งใหญ่โตอะไรหรอก”

“พ่อดุเปล่า”

“ไม่นะพ่อใจดีแต่แม่ดุ”

“จริงเหรอ เราน่ะแม่ใจดีมากๆ แต่พ่อนี่สิดุเกิน”แค่นึกถึงใบหน้าของบิดาแก้มใสก็ทำหน้าสยองแล้ว ดุแต่เธอก็ชอบเอาแต่ใจพ่อของเธอพอเห็นเธอร้องไห้เสียใจก็ใจอ่อนแล้วแต่บางเรื่องท่านก็ไม่แพ้น้ำตาเธอหรอก ดุที่สุด

“ดุขนาดนั้นทำไมถึงได้มาเรียนไกลจังล่ะ”

“อยากรู้เหรอ”

“อยากรู้ดิ”น้ำหวานเริ่มทำหน้าสงสัยแล้วเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนที่ดูเจ้าเล่ห์ออกมาแบบนี้

“หนีมาไง”

“ห๊า! พูดจริงดิ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป