บทที่ 4 ระบายความในใจ

ด้วยความเกรงใจที่ธนวัฒน์อยู่ในเหตุการณ์ คนในตระกูลจรรยชาติจึงรู้งานและไม่มีใครกล้าสอดปากพูดอะไรออกมา ถึงอย่างไรจินต์จุฑาก็ยังได้ชื่อว่าเป็นนายหญิงแห่งตระกูลธนาเศรษฐ์ ส่วนบริษัทของสมชาติกำลังประสบวิกฤตทางการเงินและต้องการเงินทุนอย่างมาก ดังนั้นต่อให้เขาจะเกลียดจินต์จุฑาเข้ากระดูกดำแค่ไหน แต่ต่อหน้าธนวัฒน์ เขาก็จำต้องแสร้งทำเป็นวางตัวเป็นกลาง

"จินต์ ลูกก็ขอโทษน้องเสียหน่อยเถอะ พ่อนึกว่าน้องคงไม่ถือสาเอาความลูกหรอก" สมชาติพูดพลางส่งสายตาให้ญาณิดาเป็นนัยว่าอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่

ทว่าญาณิดากลับแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเสียอย่างนั้น

"ฉันถามว่า เธอแน่ใจเหรอว่าจะให้ฉันขอโทษ?" จินต์จุฑาไม่สนใจคำพูดของสมชาติ เพียงแต่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของญาณิดาแล้วถามย้ำอีกครั้ง

ญาณิดาถูกสายตาอันคมกริบจ้องมองจนเริ่มรู้สึกร้อนตัวขึ้นมา เธอแอบหยิกตัวเองทีหนึ่งแล้วเบือนหน้าหนีหลบสายตาของจินต์จุฑา ก่อนจะหันไปมองธนวัฒน์ด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูน่าสงสาร

"นะ... หนูไม่ต้องการคำขอโทษจากพี่สาวแล้วค่ะ พี่วัฒน์คะ ขาหนูเจ็บจังเลย"

จินต์จุฑายกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน

"ยังไม่รีบพาไปโรงพยาบาลอีกเหรอคะ ขืนช้ากว่านี้แผลคงสมานกันสนิทพอดี"

ธนวัฒน์สูดหายใจเข้าลึกๆ เขามองจินต์จุฑาราวกับว่าความอ่อนโยนและเพียบพร้อมที่ผ่านมาเป็นเพียงภาพลวงตา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นท่าทางร้ายกาจและใจจืดใจดำของเธอเช่นนี้

"จินต์จุฑา คุณดูสภาพตัวเองตอนนี้สิ น่าสะอิดสะเอียนจริงๆ" ธนวัฒน์พูดจบก็ไม่แม้แต่จะชายตามองเธออีก เขาอุ้มญาณิดาขึ้นแล้วเดินดุ่มๆ ออกไปทางประตูทันที

พอธนวัฒน์จากไป ก็เหลือเพียงสมชาติและอัญมณี ส่วนคุณย่านั้นเขาได้ให้คนพาขึ้นไปพักผ่อนข้างบนนานแล้ว

จินต์จุฑาเองก็ไม่อยากทนอยู่ในที่ที่น่าอึดอัดและชวนคลื่นไส้นี้อีกต่อไป เธอก้าวเท้าจะเดินหนี แต่พอถึงหน้าประตู สมชาติและอัญมณีก็รีบตามออกมา

"หยุดนะ" สมชาติตวาดเสียงดัง

"มีธุระอะไรอีกคะ?" จินต์จุฑาหันกลับมามองเขาด้วยสายตาเย็นชา

"ทำไม? แกตบน้องแล้วคิดจะหนีไปดื้อๆ แบบนี้เหรอ?"

จินต์จุฑามองดูเขา ความรู้สึกขยะแขยงตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง

"ตาข้างไหนของคุณเห็นว่าฉันตบหล่อนคะ การแสดงห่วยๆ แบบนั้น ฉันขี้เกียจจะฉีกหน้าหล่อนต่างหาก"

"พ่อรู้ว่าลูกเกลียดพวกเรา แต่ญาณิดาไม่รู้เรื่องด้วย ตอนนั้นแม่ของลูกเขา..."

"หุบปาก! คนที่เป็นมือที่สามอย่างคุณไม่มีสิทธิ์มาเอ่ยถึงแม่ฉัน" จินต์จุฑาตวาดแทรกขึ้นมาเสียงแข็งใส่อัญมณี

"เพียะ!"

จินต์จุฑาถูกสมชาติตบหน้าเข้าฉาดใหญ่โดยไม่ทันตั้งตัว แก้มซ้ายแดงก่ำขึ้นทันตาเห็น ผิวที่ขาวเนียนบัดนี้ปรากฏรอยนิ้วมือทั้งห้าอย่างชัดเจน

อัญมณียืนมองอยู่ข้างๆ ด้วยความสะใจและสมน้ำหน้า

"แกพูดจากับน้าแบบนี้ได้ยังไง ไม่มีคนสั่งสอนหรือไง!" สมชาติเท้าเอวตะคอกด้วยความโมโห

จินต์จุฑายกมือขึ้นลูบหน้า คาดว่าคงจะบวมเป่งแน่ๆ

"ใช่ค่ะ ฉันมันไม่มีคนอบรมสั่งสอน ก็เพราะพ่อไม่สั่งสอนลูกยังไงล่ะคะ" จินต์จุฑาตอกกลับทีละคำอย่างชัดถ้อยชัดคำ ความเกลียดชังที่มีต่อสมชาติพุ่งทะยานถึงขีดสุดในวินาทีนี้

สมชาติข่มอารมณ์โกรธ พลางนึกขึ้นได้ว่าเรียกเธอกลับมาเพื่ออะไร

"จินต์ พ่อจะไม่ถือสาลูก เรื่องที่ลูกตบน้องก็จะถือว่าแล้วกันไป ขอแค่ลูกไปกล่อมให้ธนวัฒน์ยอมร่วมลงทุนกับบริษัทจรรยชาติ พ่อจะกลับมารักและเอ็นดูลูกเหมือนเดิม"

จินต์จุฑาได้ยินดังนั้นก็เข้าใจแจ่มแจ้ง ที่แท้สมชาติบังคับให้เธอกลับมากินเลี้ยงต้อนรับอะไรนี่ ก็เพราะวางแผนเรื่องนี้ไว้นี่เอง เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยความโกรธจัด

"อย่าว่าแต่ฉันจะสั่งธนวัฒน์ได้ไหมเลย ต่อให้ทำได้ ทำไมฉันต้องช่วยคุณด้วย?" จินต์จุฑาพูดจบก็ไม่อยากจะเสวนาต่อแม้แต่คำเดียว เธอหันหลังเตรียมเดินหนี

"จินต์จุฑา แกไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร ขอแค่แกยอมหย่ากับธนวัฒน์ เดี๋ยวญาณิดาก็จะช่วยพวกเราเอง" คำพูดของอัญมณีทำให้เธอชะงักฝีเท้า

"หมายความว่าไง?" สมชาติดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องระหว่างธนวัฒน์กับญาณิดา

"คุณยังดูไม่ออกอีกเหรอคะว่าลูกเขยตัวดีของคุณเขาชอบลูกสาวคนไหนของคุณกันแน่? เห็นได้ชัดว่าเขาใส่ใจญาณิดามากกว่าตั้งเยอะ" อัญมณีทุบไหล่สมชาติเบาๆ เชิงหยอกล้อ

เมื่อสมชาติโดนทักท้วงเช่นนั้นก็ถึงบางอ้อ มิน่าล่ะเมื่อกี้ธนวัฒน์ถึงได้อุ้มญาณิดาออกไป ที่แท้เขาก็มีใจให้นี่เอง

นิ้วมือของจินต์จุฑากำแน่นจนซีดขาว

"อีกอย่าง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ธนวัฒน์ขอแกหย่าแล้วใช่ไหมล่ะ ถ้ารู้จักเจียมตัวก็รีบเซ็นใบหย่าซะ หลีกทางให้ญาณิดาของพวกเราได้แล้ว" อัญมณียกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ

จินต์จุฑาจำไม่ได้ว่าตัวเองเดินออกมาจากคฤหาสน์หลังนั้นได้อย่างไร ครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นวิมานอันแสนสุขของเธอกับแม่ สมชาติในตอนนั้นยังเป็นพ่อที่เมตตาและสามีที่อ่อนโยนเอาใจใส่ ทุกอย่างดูเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่ก็ดูเหมือนห่างไกลออกไปนับพันปี

ตอนนี้เธออยากจะหนีไปให้พ้นจากที่นี่ อยากลบคำพูดของพวกเขาออกจากสมอง

การแต่งงานที่เธอพยายามไขว่คว้ามา บัดนี้กลับกลายเป็นดาบคมที่หันกลับมาทิ่มแทงเธอเอง

ภายในรถที่มุ่งหน้าสู่โรงพยาบาล ญาณิดากอดธนวัฒน์ไว้แน่น แต่ทว่าธนวัฒน์ในตอนนี้กลับรู้สึกพะอืดพะอมอยากจะอาเจียน เขาขมวดคิ้วแน่น หรือจะเป็นเพราะจินต์จุฑาอีกแล้ว?

"เป็นอะไรไปคะพี่วัฒน์?" ญาณิดาสังเกตเห็นความผิดปกติ

"ไม่เป็นไร กลิ่นน้ำหอมของคุณฉุนเกินไป" พูดจบธนวัฒน์ก็เอื้อมมือไปเปิดกระจกรถ ญาณิดาได้ยินดังนั้นจึงค่อยๆ ผละออกจากอ้อมกอดของเขาอย่างเงียบๆ เธอรู้ดีว่าอะไรที่มากเกินไปย่อมไม่ดี

ถึงอย่างไรเวลาก็ยังมีอีกถมเถ เธอไม่รีบ

จินต์จุฑาขับรถหนีออกมาอย่างคนเสียสติ หลังจากขับมาได้สักพัก ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวจอดรถข้างทาง ซบหน้าลงกับพวงมาลัยแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกเธอจากภวังค์

"ฮัลโหล นิรา" เธอปรับอารมณ์ พยายามบังคับเสียงให้ฟังดูปกติที่สุด

สายนี้โทรมาจากนิรา เพื่อนสนิทของเธอ น่าจะเป็นเรื่องงาน

"จินต์ ฟังเสียงแกดูไม่ค่อยดีเลย เป็นอะไรหรือเปล่า?" นิราถามด้วยความเป็นห่วงทันที

"แกว่างไหม? ออกมาเจอกันหน่อยสิ"

นิรานั่งรอที่ร้านกาแฟบาบาต้านานถึงครึ่งชั่วโมง กว่าจะเห็นจินต์จุฑามาถึง

"ทำไมมาช้าจัง?" แต่พอเห็นเพื่อนขับรถมาเธอก็เข้าใจทันที จินต์คงกลับไปบ้านพ่อมาแน่ๆ

จินต์จุฑาเห็นหน้านิราถึงได้ยิ้มออกมาจากใจจริงเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน แต่แล้ววินาทีต่อมานิราก็ร้องอุทานเสียงหลง

"จินต์ หน้าแก! พ่อแกตบแกเหรอ?" นิราลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ดังนั้นต่อให้โกรธแค่ไหนก็ดูไม่มีความน่าเกรงขามเลยสักนิด

แต่จินต์จุฑากลับยิ้มออกมาด้วยความซึ้งใจ ดึงเพื่อนให้นั่งลง รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ แล้วจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันนี้ให้ฟังจนหมดเปลือก

ผ่านไปพักใหญ่ นิรายังคงอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

จินต์จุฑาสั่งนมสดมาแก้วหนึ่ง นั่งรอให้นิราประมวลผลเรื่องที่เธอเล่า

"เดี๋ยวนะ แกท้อง? ธนวัฒน์จะขอหย่า? ญาณิดากลับมาแล้ว? แล้วพ่อแกก็ตบแก?"

"ฉันควรจะตกใจเรื่องไหนก่อนดีเนี่ย?"

สุดท้ายนิราก็ด่าธนวัฒน์ไปชุดใหญ่ เพราะถ้าไม่มีเขา เรื่องพวกนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น

"แล้วแกจะเอายังไงต่อ? จะเก็บเด็กคนนี้ไว้เหรอ?" นิรามมองเพื่อนด้วยสายตาเป็นห่วง

จินต์จุฑาพยักหน้า ในเมื่อตัดสินใจแล้วเธอก็จะไม่เสียใจภายหลัง

"โอเค จินต์ ไม่ว่าแกจะทำอะไรฉันจะคอยสนับสนุนแกเอง แต่แกไม่คิดจะบอกธนวัฒน์หน่อยเหรอว่าเด็กคนนี้เป็นลูกเขา? ถึงยังไงเขาก็เป็นพ่อเด็ก เขามีสิทธิ์ที่จะรู้นะ"

จินต์จุฑาส่ายหน้าเบาๆ

"ไม่ล่ะ เขาจะเชื่อหรือเปล่าว่าเป็นลูกเขาก็เรื่องหนึ่ง ถ้าเขารู้เข้าฉันกลัวว่าเขาจะไม่ยอมให้ฉันเก็บเด็กคนนี้ไว้ แบบนี้แหละดีแล้ว ยังไงเราก็จะหย่ากันอยู่แล้ว หลังหย่าฉันจะพาลูกหนีไปเอง"

นิรามมองดูเพื่อน ในแววตามีแต่ความสงสารจับใจ และแอบด่าธนวัฒน์ในใจแบบสาดเสียเทเสียอีกรอบตั้งแต่หัวจรดเท้า

บทก่อนหน้า
บทถัดไป