บทที่ 4 เหล่าแมลงเต็มตัวนาง
ยังดีที่ชาวบ้านในหมู่บ้านมีน้ำใจกับนางไม่น้อย พวกเขาต่างนำข้าวสาร ผัก ของแห้งมาให้นางใช้ที่เรือนไปก่อน
จิ่วเม่ยจึงเข้าครัวไปจัดการหุงหาอาหาร เพราะมีเพียงปากท้องเดียวที่กิน นางจึงทำออกมาเยอะ ซูเจินนางก็เพียงได้แต่ดื่มนมเท่านั้น
มื้อนี้เป็นมื้อที่นางกินข้าวได้อิ่มท้องตั้งแต่แต่งให้ซูเต๋อมา นางก็แทบจะไม่ได้กินจนอิ่มสักมื้อ กินข้าวไปน้ำตาก็ไหลไป เพราะคิดถึงสามี แต่ไม่รู้จะส่งข่าวให้เขาเช่นไร
รุ่งเช้าวันใหม่ จิ่วเม่ยที่กำลังจัดการบุตรสาวตัวน้อยอยู่ ป้าหวงก็ร้องเรียกนางอยู่ที่หน้าเรือน
“อาเม่ย อาเม่ย”
“มาแล้วเจ้าค่ะ” นางรีบเดินไปเปิดประตูเรือน ก็เห็นป้าหวงยืนรอนางอยู่
“เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ”
“ข้ามาถามเจ้าว่าจะปลูกข้าวเลยหรือไม่” เพราะที่นาของจิ่วเม่ยที่เก็บเกี่ยวไปนานแล้ว ยังว่างเปล่าอยู่
ในช่วงนี้เป็นช่วงที่ชาวบ้านกำลังเริ่มต้นการเพาะปลูกอีกครั้ง ป้าหวงเห็นว่าจิ่วเม่ยนางตัวคนเดียวจึงได้มาถามด้วยความเป็นห่วง
“เรื่องนี้ข้าก็กำลังจะไปหาท่านอยู่พอดีเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ไปกันเถิด ว่าแต่เจ้าเสร็จแล้วหรือยัง เจินเออร์เล่า” นางชะเง้อคอมองหาเด็กตัวน้อย
“ไปได้เลยเจ้าค่ะ ท่านป้ารอข้าประเดี๋ยว” จิ่วเม่ยเข้าไปอุ้มบุตรสาว ใช้ผ้าผูกมัดตัวนางไว้ที่ด้วยหน้า ก่อนจะเดินออกจากเรือนไปพร้อมป้าหวง
นางไม่มีเมล็ดข้าวที่จะใช้ปลูก ป้าหวงจึงได้แบ่งจากที่เรือนของนางมาให้ แต่จิ่วเม่ยก็ไม่กล้าเอาเปล่าๆ ป้าหวงจึงได้คิดเงินนางเพียงสองตำลึงเท่านั้น
นับว่าไม่มาก เมื่อเทียบกับที่นาของจิ่วเม่ยที่เพิ่มมาอีกเกือบสิบหมู่ ตอนนี้นางจึงมีที่ทำนาถึงสิบหกหมู่ หากจะให้นางทำผู้เดียวคงไม่ไหว ชาวบ้านจึงได้มาช่วยนางทำนาในครั้งนี้ด้วย
แต่ต้องรอให้ชาวบ้านจัดการแปลงของตนเองเรียบร้อยเสียก่อน จิ่วเม่ยนางให้ค่าแรงพวกเขาคนละสามสิบอิแปะ เท่ากับราคาค่าจ้างในเมือง เพียงแต่ไม่มีอาหารให้เท่านั้น
“ไม่ต้อง เจ้าเก็บเงินไว้ดูลูกเถิด” ป้าหวงและชาวบ้านต่างตำหนินาง
“ไม่ได้เจ้าค่ะ พวกท่านช่วยเหลือข้าบ่อยครั้ง แต่ข้าไม่มีสิ่งใดที่จะตอบแทนพวกท่านได้เลย” จิ่วเม่ยมองพวกเขาทุกคนอย่างซาบซึ้ง
“เช่นนั้นก็ให้เพียงยี่สิบอิแปะพอ ข้าวกลางวัน พวกข้าจะจัดการกันเอง” เมื่อป้าหวงเอ่ยเช่นนี้ ชาวบ้านที่เหลือต่างก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ในหมู่บ้านหากไม่ใช่พวกเห็นแก่ตัวที่อยู่ไม่กี่เรือน พวกเขาต่างช่วยเหลือกันอยู่แล้ว จึงไม่คิดอยากจะได้เงินจากสองแม่ลูกที่น่าสงสารเช่นนี้ ในเมื่อจิ่วเม่ยนางไม่ยอม ทุกคนจึงได้ทำอย่างที่ป้าหวงว่า
ซูเจินน้อยมองพวกเขาพูดอย่างอบอุ่นหัวใจ ในโลกที่นางจากมามีแต่การแข่งขัน น้อยนักที่จะเห็นผู้คนที่มีน้ำใจเช่นนี้ นางอยากจะรีบโตแล้วช่วยพวกเขาทำมาหากินนัก
จิ่วเม่ยวางบุตรสาวให้นอนที่ใต้ต้นไม้ นางลงไปช่วยชาวบ้านลงนา ซูเจินนางมองฟ้ามองต้นไม้ใบหญ้ารอบตัวอย่างสนใจ
ซูเจินนางไม่ได้ร้องไห้โยเยกวนมารดายามที่นางทำงาน แม้จะหิวจนท้องน้อยๆ เริ่มร้องแล้ว แต่ก็ยังนอนรออย่างเชื่อฟัง
น่าแปลกบริเวณที่ซูเจินนอนรอมารดาของนางอยู่ มีเหล่าผีเสื้อ แมลง ผึ้งบินวนที่ตัวนางอยู่ตลอด แต่เหมือนทั้งหมดมาหยอกล้อกับนางแม้แต่ผึ้งก็ยังไม่มีสักตัวที่จะทำร้ายนาง
“อาเม่ย!!! ไปดูเจินเออร์ เร็วเข้า” ป้าหวงหันมามองซูเจินที่มีแมลง ผึ้ง ผีเสื้อบินตรอมนางอยู่ นางจึงได้ร้องเสียงดังออกมา
จิ่วเม่ยทิ้งของในมือ แล้ววิ่งไปทางบุตรสาวทันที แต่เมื่อเข้าไปไกล แมลงที่เห็นก็ไม่ได้คิดจะผละหนี ทั้งยังบินลงอยู่ด้านข้างอย่างเป็นระเบียบ
เมื่อสำรวจเนื้อตัวของบุตรสาวเห็นว่าไม่ได้รับบาดเจ็บที่ใด นางก็มองเหล่า แมลงที่อยู่ด้านข้างตัวบุตรสาวอย่างแปลกใจ
ซูเจินนางอยากจะสื่อสารให้มารดาเข้าใจ ใจแทบขาด ว่านิ้วมือของนางมีบางสิ่งที่เกิดขึ้น
นางไม่รู้ว่าแสงสว่างที่เกิดขึ้นเหมือนตอนที่อยู่ในป่าเหอหนาน เกิดขึ้นอีกครั้งได้อย่างไร แม้แต่เสียงแมลงที่อยู่รอบตัวนาง นางยังได้ยิน
เมื่อครู่ก่อนที่มารดาจะเดินมา นางสามารถสื่อสารผ่านทางจิตกับผีเสื้อตัวใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของแมลงที่บินวนรอบตัวนาง
"นายหญิง ท่านมาแล้ว พวกข้ารอท่านมานานเหลือเกิน”
“รอข้า รอทำไม” ซูเจินเอ่ยถาม แต่ดูเหมือนว่านางเป็นเพียงเด็กน้อยที่พ่นน้ำลายออกมาเสียมากกว่าที่จะเป็นการเอ่ยพูดกับผีเสื้อ
“เพราะมือของท่านจะช่วยฟื้นคืนต้นไม้ในมิตินี่ได้”
“ห๊า มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรอ”
“เมื่อท่านเติบโตขึ้นจะเข้าใจเจ้าค่ะ แต่ท่านไม่ต้องห่วงตอนนี่ที่ท่านยังช่วยเหลือตนเองไม่ได้ พวกข้าจะคอยอยู่ดูแลท่านเจ้าค่ะ”
“ดีดี ข้าจะเรียกเจ้าว่าอะไร”
ผีเสื้อสีสันสวยงามมีนามว่า เสี่ยวเตี๋ย จะคอยแจ้งเรื่องสื่อสารกับเหล่าสัตว์ปีก หัวหน้าผึ้ง เสี่ยวมี่ นางจะสื่อสารกับสัตว์มีพิษทุกชนิด หัวหน้ามด เสี่ยวอี่ สัตว์ที่อยู่ใต้ดินและในป่าทั้งหมดจะถูกส่งต่อเรื่องราวต่างๆ จากเสี่ยวอี่
เมื่อเห็นสายตาที่มองมาอย่างสงสัยของจิ่วเม่ย ซูเจินจึงให้ทุกตัวแยกย้ายกันไปก่อน เหลือเพียงแต่เสี่ยวเตี๋ย เสี่ยวมี่ และเสี่ยวอี่ เท่านั้นที่อยู่ข้างนาง
“หิวแล้วใช่ไหมลูก” จิ่วเม่ยอุ้มตัวบุตรสาวขึ้นมาป้อนนม เมื่อเห็นว่าแมลงต่างๆ ถอยหายไปจากที่ลูกสาวนอนแล้ว
พอจิ่วเม่ยวางซูเจินที่กินอิ่มแล้วและหลับสนิท นางก็กลับไปช่วยชาวบ้านทำงานต่อ ระหว่างที่ซูเจินนางหลับ แมลงทั้งสามก็กลับมาอยู่ที่บนหน้าอกของนางอีกครั้ง
ราวกับกำลังเฝ้าเจ้านายตัวน้อยให้นอนหลับอย่างปลอดภัย
