บทที่ 4 ตอนที่ 4 ดวงใจที่รัก

ตอนที่ 4 ดวงใจที่รัก

ถึงผมจะพูดกับเธอเสมอว่าเราคือเพื่อนกัน แต่ในใจของผมนั้น เธอเป็นมากกว่านั้น แต่ผมแค่ไปเคยพูดเคยบอกก็เท่านั้น และผมก็คิดว่าเธอก็น่าจะรู้ จากหลายๆ อย่างที่ผมทำให้เธอมาตลอด เมื่อผมหันไปมองหน้าเธออีกครั้ง ผมก็เห็นว่าเธอได้หลับไปแล้ว ผมจึงจับเธอมาซบเอาไว้ที่อกของผม โดยเอาแขนอ้อมไปทางด้านหลังของเธอแล้วโอบเธอไว้อย่างนั้น ผมนั่งมองหน้าเธออยู่สักพัก ใบหน้ารูปไข่สวยหมดจด ขนตายาวเป็นแพ จมูกกับปากเข้ารูป น่าจูบ เมื่อผมนึกมาถึงตรงจูบ สมองของผมมันก็สั่งให้ปากของผม ก้มลงไปจูบปากบางของเธออย่างแผ่วเบา...

เธอรู้สึกตัวเมื่อปากของผมไปสัมผัสกับปากของเธอ เธอลืมตาตื่นขึ้นมา ผมผละจูบออก สายตาสบกันอยู่สักพัก โดยที่ผมก็ยังโอบเธอไว้ ส่วนเธอก็เอาหัวพิงแขนผมไว้ยังไม่ได้ขยับออกแต่อย่างใด เมื่อความเงียบครอบงำ

"เกียร์ทำอะไร" เธอถามขึ้นมาเบาๆ เพราะคงทนความเงียบไม่ไหว

"เรา..." ผม​พูดไม่ออก ไม่รู้จะตอบเธอยังไงดี ว่าผมอดใจไม่ไหว เราน่ารักเหลือเกิน

"แพรเป็นอะไรสำหรับเกียร์​เหรอ" เธอถามผม และการกระทำของเธอตอนนี้ผมคิดว่าความรู้สึกของเธอคงไม่ได้แตกต่างไปจากความรู้สึกของผม เพราะถ้าไม่อย่างนั้นเธอคงโวยวายไปแล้ว

"เราชอบแพร" เมื่อผมพูดออกมาแบบนั้น มันคงทำให้เธอรู้ว่าผมรู้สึกอย่างไรกับเธอ ผมเลือกที่จะกอดเธอไว้แบบนั้นไม่ได้คิดจะทำอะไรเธอมากไปกว่าจูบ ไม่นานเธอก็หลับไปอีกครั้งด้วยลมหายใจที่สม่ำเสมอในอ้อมกอดของผม แล้วผมก็เผลอหลับไปเหมือนกัน เมื่อเวลาผ่านไปผมตื่นขึ้นมาพบว่าข้างนอกเริ่มมืดอีกครั้ง ผมเห็นว่าเธอหลับไม่ยอมตื่น ผมเลยอุ้มเธอไปนอนบนเตียง ผมเอามือไปอังที่หน้าผากของ​เธอเพื่อวัดไข้​ตอนนี้เธอไม่มีไข้แล้วผมจึงกลับห้องตัวเองไป

เช้าของอีกวัน

"อ้าววันนี้จะไปเรียนเหรอ ยังไม่หายดีเลยนะ เดี๋ยวไข้ก็กลับหรอก" ผมเปิดประตูห้องออกมาก็เจอเข้ากับแพรพอดี ตอนแรกว่าจะเข้าไปดูเธอสักหน่อยก่อนไปเรียน

"ปีนี้ปีสุดท้ายแล้ว เกียร์​ก็รู้นี่ หยุดบ่อยเดี๋ยวจบไม่ทันเพื่อนคนอื่นเขาแย่เลย" ช่วงนี้เธอเรียนหนักมาก กำลังจะทำเรื่องจบแล้วด้วย

"แล้วไหวเหรอ ตัวยังร้อนอยู่หรือเปล่า" ผมพูดพร้อมกับเอาหลังมือไปแตะที่หน้าผาก​เธอ​เพื่อวัดไข้อย่างที่ผมชอบทำเป็นประจำ

"แพรไหว เกียร์​ไม่ต้องเป็นห่วงนะ" เธอยิ้มให้ผม รอยยิ้มของเธอผมมองเท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อ

"ถ้าไม่ให้เราเป็นห่วงแพร จะให้เราเป็นห่วงใครล่ะ ป่ะเราไปส่ง" ผมเอื้อมมือไปจับมือเธอแล้วพาเดินไปมหาวิทยาลัย​ด้วยกัน โดยที่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร

"แต่ตึกคณะเกียร์​กับคณะแพรอยู่ไกลกันมากเลยนะ"

"ไปเถอะน่า ยังพอมีเวลา เดี๋ยวพาไปทานอาหารเช้าแล้วจะได้ทานยาด้วย" เช้านี้เราก็นั่งทานอาหารด้วยกันอีก ผมรู้สึกมีความสุขมากที่ได้มีเธออยู่ใกล้ๆ แบบนี้ซึ่งผมก็คิดว่าเธอก็น่าจะมีความสุขเหมือนกัน

ช่วงเย็น

ผมวิ่งกระหืดกระหอบ​มาหาแพรที่กำลังเดินออกจากมหาวิทยาลัย​เพราะผมเห็นหลังเธอไวๆ

"แพร... แพร รอเราด้วย" ผมทำท่าหายใจแรงๆ เพราะเหนื่อย​จากการวิ่งกว่าจะทันเธอ เล่นเอาผมหอบเลยทีเดียว

"แพรนึกว่าเกียร์​กลับไปแล้วนะเนี่ย" เธอหันมาพูดกับผมเมื่อผมตามเธอทัน

"ป่ะรีบไปเถอะฝนกำลังจะตกอีกแล้ว" ผมจับมือเธอแล้วรีบพาเดินเร็วๆ เพราะเธอพึ่งจะฟื้นไข้ยังไม่หายดีเลยด้วยซ้ำ แต่ยังไม่ทันจะไปถึงไหน ฝนก็เทลงมาอย่างหนักอีกแล้ว เพราะเป็นฤดูของมัน ผมพาเธอหลบฝนที่ป้ายรถเมล์ถึงจะมีร่ม​แต่ฝนก็สาดเข้ามาเปียก​จนได้

"แพรมานี่" ผมดึงเอาตัวเธอมากอดไว้ เพื่อบังฝนที่มันกำลังสาดเข้ามา ถึงมันจะบังได้ไม่มากนักแต่ก็ดีกว่าที่ไม่ได้ทำอะไรเลย สักพักฝนเริ่มซาผมเลยเรียกรถแท็กซี่​ เมื่อมาถึงห้องผมรีบพาเธอเข้าห้อง เพื่อที่จะให้เธอรีบเข้าห้องไปอาบน้ำ น้ำอุ่นๆ น่าจะช่วยให้อาการหนาวจากที่โดนน้ำฝนดีขึ้นได้

"หนาวมากมั้ย" ผมถามเธอด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าไข้ของเธอจะกลับมาอีก ผมไม่อยากให้เธอไม่สบาย

"หนาวค่ะ" ดูตัวเธอสั่นๆ

"เข้าไปอาบน้ำอุ่นๆ แล้วรีบออกมา” แล้วเธอก็เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ ส่วนผมก็รีบกลับห้องของตัวเองไปอาบน้ำเหมือนกัน ผมรีบอาบแล้วรีบกลับมาหาเธออีกครั้ง พอผมเข้ามาที่ห้องของเธอก็เห็นว่าเธอพึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี เธอใส่ชุดเรียบร้อยแล้วด้วย

"ทานยาก่อน" เขารีบเอายามาให้เธอทานเพื่อดักไว้ แล้วรีบไปหาผ้าขนหนู​มาเช็ดผมให้เธอทันที

"เกียร์ แพรขอบคุณ​เกียร์​มากนะ ที่ดูแลแพรอย่างดีมาตลอด"

"ไม่เป็นไร​เราเต็มใจทำให้แพรนะ"

"เกียร์... จบแล้วเกียร์​จะเรียนต่อหรือจะกลับไทยเหรอ"

"ป๊ะป๋า​เราให้ต่อโท อีกสองปีเราถึงจะกลับ แล้วแพรล่ะ" ผมต้องเรียนต่อที่นี่อีกสองปี เพื่อที่จะกลับไปบริหารงานต่อจากคุณพ่อของผม ซึ่งท่านหวังกับผมไว้มาก เพราะผมเป็นลูกคนโต ผมมีน้องอีกสองคน ผู้ชายหนึ่งคน และผู้หญิงอีกหนึ่งคน แต่ทั้งสองคนไม่ได้มีแม่คนเดียวกับผม แต่เราเป็นลูกป๊ะป๋าเหมือนกัน หลังจากที่แม่แท้ๆ ของผมคลอดผมออกมา ท่านก็ได้จากโลกนี้ไป ส่วนมามี้คนปัจจุบันถึงท่านจะไม่ใช่แม่แท้ๆ ของผมแต่ท่านก็เลี้ยงผมมาด้วยความรักเท่าๆ กับน้องๆ อีกสองคน ผมรู้สึกได้ว่าทั้งป๊ะป๋ากับมามี้คนนี้นั้น ท่านไม่ได้ลำเอียงเลย ท่านรักลูกเท่ากัน ผมจำได้วันที่ผมต้องเดินทางมาเรียนต่อที่ต่างประเทศ ตอนอายุสิบห้ามามี้ร้องไห้ ไม่อยากให้ผมมา ท่านกลัวว่าผมจะมาลำบาก แต่ป๊าป๋าท่านก็ไม่ยอม ท่านยืนยันว่ายังไงผมก็ต้องมาเรียนต่อที่นี่เพื่อที่จะหัดใช้ชีวิตด้วยตัวเอง และฝึกความอดทน แล้วผมก็ได้มาเจอกับแพร ผู้หญิงที่น่ารัก ยิ้มเก่งขี้อ้อน ผมรักเธอ...

"แพรยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย แต่ถ้าแพรจะขอเรียนต่อคุณพ่อก็คงให้เรียนมั้ง" อีกไม่กี่เดือนก็จะจบแล้ว

"ถ้างั้นแพรเรียนต่อกับเรานะ แล้วอีกสองปีเราค่อยกลับไทยพร้อมกัน" ผมชวนเธอเรียนต่อยังไม่อยากให้เธอกลับไปตอนนี้ ถ้าเธอไปผมคงคิดถึงเธอมากแน่ๆ ถ้าเธอกลับไปก่อนผมคงเหงา

"แพรขอถามคุณพ่อก่อนนะ แล้วจะมาบอกเกียร์นะ" ขณะที่เราคุยกันไป ผมก็เป็นคนเช็ดผมให้เธอไป

"ได้ดิไปถามคุณพ่อของแพรก่อนก็ได้" เมื่อจบประโยค​พูด ผมก็เช็ดผมให้เธอต่อ ตอนนี้ผมกับเธอหันหน้าชนกัน เธอนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ส่วนผมก็ยืนหันหน้าชนกับเธอ แล้วเช็ดผมให้เธอไป และแล้วผมกับเธอก็มองหน้ากัน สายตาของเราผสานกัน ผมหยุดขยี้ผมที่ศีรษะของเธอ ผมเผลอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่ผมเผลอไปจูบเธอเข้า ที่จริงผมตั้งใจเองนั่นแหละ แล้ววันนี้ตอนนี้ ผมก็อยากจะลองสัมผัสริมฝีปากบางของเธออีกครั้ง ผมจึงใช้มือของผม ที่กำลังเช็ดผมให้เธออยู่ สอดไปที่ท้ายทอยของเธอ แล้วจับให้เธอเชิดหน้าขึ้นหน่อย จากนั้นผมก็กดปากของผมไปที่ปากบางของเธออีกครั้งทันที ผมค่อยๆ จูบซับความหวานที่ริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา ซึ่งผมก็เห็นว่าเธอหลับตาลงรับสัมผัสจูบที่ผมกำลังมอบให้เธอ ผมจูบเธอได้สักพักแล้วผมก็ผละปากของผม ออกจากริมฝีปากของเธอ เธอลืมตาขึ้นมามองหน้าผม สายตาของเราผสานกันอีกครั้ง แล้วตอนนี้สายตาของเรามันก็กำลังบอกว่าเรากำลังต้องการกันและกัน ใช่ครับผมต้องการเธอ ผมจึงก้มลงไปจูบเธออีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมคงไม่ได้จูบเธอแค่อย่างเดียว ผมจูบเธอพร้อมกับค่อยๆ ลูบไล้เนื้อตัวของเธอผ่านเสื้อผ้าที่เธอใส่อยู่

"เกียร์…เกียร์​จะทำอะไรน่ะ" เธอดันตัวผมออก ร้องประท้วง ผมไม่รู้ว่าเธอไม่ให้หรือว่าเธอกำลังกลัว

"เราต้องการแพรนะ" ผมพูดแค่นั้นแล้วจูบเธอต่ออีกครั้ง จากนั้นผมก็จับเธอนอนลง

“เกียร์แพรกลัว”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป