บทที่ 6 บ่อเกิดแห่งความแค้น (100%)

กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย

บริษัทนี้เป็นบริษัทที่สามแล้วที่โรฮันนาตัดสินใจมาสมัครงานในวันนี้ เดินย่ำต๊อกหาสมัครงานจนส้นรองเท้าสึกไปสองคู่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้งานทำซักที งานสมัยนี้มันหายากเหลือเกิน มันเป็นเพราะวุฒิการศึกษาของเธอต่ำหรือเป็นเพราะอะไรกันแน่ หญิงสาวได้แต่นั่งทอดถอนใจและแอบครุ่นคิดอยู่คนเดียวเงียบๆ

‘กรอกใบสมัครทิ้งไว้ แล้วทางเราจะติดต่อกลับไปนะคะ’

นี่คือคำตอบที่เธอได้รับจากห้าบริษัทเป็นอย่างน้อยในรอบสามวันที่ตระเวนไปหางานทำ

วันนี้เป็นวันที่สี่แล้วที่โรฮันนาออกมาเดินย่ำเท้าหาสมัครงาน ร่อนใบสมัครไปหลายที่แต่ผลก็คือ บริษัทที่เธอไปสมัครไว้ไม่มีใครโทรมาเรียกสาวน้อยผู้อาภัพไปสัมภาษณ์งานเลยแม้แต่ที่เดียว ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ยังไม่ถอดใจ ไปกรอกใบสมัครไว้ทุกที่ที่มีการประกาศรับพนักงานวุฒิปริญญาตรี

ไม่ว่าจะได้งานในตำแหน่งอะไรโรฮันนาก็พร้อมที่จะทำมันอย่างตั้งใจ ขอเพียงแค่บริษัทเหล่านั้นให้โอกาสเธอได้เข้าไปทำงาน การโดนปฏิเสธทำให้หญิงสาวถึงกับเดินคอตกน้ำตาซึมออกมา น้อยใจในโชคชะตาของตัวเองเหลือเกิน เธอก็แค่หวังว่าจะออกมาหางานทำ เพื่อจะได้มีเงินเก็บไว้เลี้ยงตัวเองในอนาคต ลำพังเงินจากร้านขนมไทยอย่างเดียวคงจะไม่พอใช้จ่าย เพราะไหนจะต้องเจียดเงินที่ได้มาในแต่ละวันให้ลูกจ้างที่เธอจ้างมาช่วยงานอีก

ครั้นร่างอ้อนแอ้นเดินลงจารถเมล์ กำลังจะไปเรียกวินมอเตอร์ไซค์ที่หน้าปากซอยให้เข้าไปส่งที่บ้าน ก็มีใครคนหนึ่งยื่นวัตถุสีดำมาจี้ที่เอวบางซะก่อน

“อ๊ะ!” หญิงสาวอุทานเสียงดัง สะดุ้งโหยงสุดตัว อยากจะร้องไห้ออกมาให้ก้องโลกนัก ทำไมชีวิตเธอมันถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างนี้ ทำไมมันถึงมีแต่เรื่องร้ายๆ ถาโถมเข้ามาไม่รู้จักจบจักสิ้น เธอทำผิดอะไรนักหนา ไยสวรรค์ถึงได้ลงโทษไม่หยุดหย่อนเช่นนี้

“ถ้าไม่อยากถูกยิงไส้แตกก็อย่ากระโตกกระตากไปคุณผู้หญิง” คนร้ายเอาเจ้ามัจจุราจกระบอกดำจ่อเข้าที่เอวบาง แล้วกระซิบขู่ น้ำเสียงของมันเหี้ยมเกรียมจนหญิงสาวขนลุกซู่

“ยะ…อย่าทำอะไรฉันเลย นายอยากได้อะไรก็เอาไป ฉันยอมแล้ว” เจ้าของใบหน้าซีดเผือด ตัวสั่นงันงก รีบบอกชายร่างยักษ์ที่ยังไม่เห็นหน้าด้วยท่าทางหวาดกลัวจนแทบสิ้นสติ

“หึหึ เงินน่ะเรามีเยอะแล้ว ไม่ต้องการ” มันพูดเสียงกลั้วหัวเราะข้างหูราวกับขบขันเสียเต็มประดา

“แล้วพะ…พวกแกเป็นใคร ต้องการอะไรจากฉัน” โรฮันนารวบรวมสติ แล้วถามกลับไปอย่างหวาดๆ

“อย่าถามมาก ไปกับเราซะดีๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” ไอ้วายร้ายตวาดเบาๆ แล้วรุนหลังให้หญิงสาวเดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

“ไม่นะ! ปล่อยฉัน! ชะ…ช่วยด้วย” เธอพยายามขืนตัวออกจากการคุกคาม ดิ้นขลุกขลักยื้อยุดจะวิ่งหนีออกจากรัศมีอันตราย ลนลานที่จะหาทางให้คนช่วย

“บอกให้หยุดแหกปากไงล่ะ!” มันตวาดลั่นด้วยความโมโห มือแข็งล็อกตัวเธอไว้จนกระดูกแทบหัก

“ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย! ฉันถูกลักพาตัว!”

โรฮันนายังคงตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างคนใกล้ชะตาขาดซะเลย เพราะไม่มีใครให้ความสนใจเสียงเรียกแม้แต่คนเดียว ต่างคนต่างแย่งกันเบียดเสียดขึ้นรถเมล์ที่มาถึงพอดี

“จัดการ” หัวหน้าใหญ่บุ้ยปากให้ลูกน้องโปะยาสลบลงบนจมูกน้อย

“ช่วยด้วย อุ๊บ!” ร่างบางดิ้นพล่านขัดขืน ก่อนที่จะอ่อนระทวยสิ้นฤทธิ์ลง

จากนั้นชายฉกรรจ์ร่างยักษ์ก็นำร่างไร้สติของเชลยสาวมุ่งตรงไปขึ้นเครื่อง เพื่อนำไปส่งให้ถึงอุ้งมือของผู้เป็นนายตามบัญชาการ

ก่อนที่นกเหล็กลำใหญ่จะทะยานขึ้นฟ้าบินถลาไปสู่จุดหมาย หนึ่งในชายฉกรรจ์หน้าโหดก็กดโทรศัพท์ต่อสายไปรายงานผู้เป็นนาย

ตี๊ดๆๆๆ…

เบอนันเดสกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานที่บ้านด้วยสีหน้าเครียดเขม็ง เพราะภายในจิตใจมีแต่เรื่องราวการตายของน้องชายคอยวนเวียนเข้ามารบกวน สมาธิที่ควรจะจดจ่ออยู่กับงานจึงเหมือนขาดๆ หายๆ เมื่อเห็นสายเรียกเข้าเป็นสายจากลูกน้องที่เขาสั่งให้ไปทำงานสำคัญก็รีบกดรับสายทันที

“เออ…ว่าไง” เสียงถามห้วนจัด

“นายครับได้ตัวเธอมาแล้วครับ” ลูกน้องรายงานผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงแข็งขัน

“ดีมาก” ชายหนุ่มยิ้มด้วยความพอใจ

“นายจะให้พวกผมเอาเธอไปส่งที่ฟาร์มเลยหรือเปล่าครับ” ชายร่างยักษ์ถามไถ่ถึงความประสงค์ เพื่อที่พวกเขาจะได้จัดการให้ถูกใจเจ้านายจอมเนี๊ยบ

“ใช่ เอาเธอไปขังไว้ที่แอฟริกา แล้วอย่าให้หนีไปได้ล่ะ”

เบอนันเดสสั่งเสียงเข้มพร้อมเผยอยิ้มเหี้ยมที่มุมปาก ในที่สุดผู้หญิงสารเลวคนนั้นก็มาอยู่ในกำมือเขาจนได้ ทีนี้แหละเธอจะได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม เขาไม่เอาเธอมาสบายที่สวิตเซอร์แลนด์หรอก คนอย่างเธอมันต้องอยู่ที่ทุรกันดารและดิบเถื่อนไร้ทางหนีเช่นแอฟริกาถึงจะเหมาะ

“ครับนาย” ลูกน้องรับคำนายแข็งขัน แล้วรีบหันไปสั่งนักบินทันทีว่าจุดหมายปลายทางของทั้งหมดคือที่ใด

เมื่อจบบทสนทนากับลูกน้องที่เขามอบหมายให้ไปจับตัวผู้หญิงแพศยาคนนั้นมาสำเร็จโทษ เบอนันเดสก็รีบก้าวยาวๆ เดินออกจากห้องทำงานมาสั่งเลขา

“ไอ้เดรค บอกกัปตันให้เตรียมเอาเครื่องออก” คนฟังถึงกับงงกับคำสั่งของผู้เป็นนาย ทั้งที่ในตารางงานไม่น่าจะต้องใช้เครื่องในวันนี้

“นายจะไปไหนครับ ไม่มีในกำหนดการนี่นา” เดรคอดที่จะถามด้วยความสงสัยไม่ได้ แต่ท้ายประโยคเหมือนจะพูดกับตัวเองซะมากกว่า

“ไปแอฟริกา” เบอนันเดสตอบด้วยเสียงห้วนๆ เขาตั้งใจจะเอาเธอไปขังไว้ที่ฟาร์มอันทุรกันดาร ที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากความเจริญ รายล้อมไปด้วยอันตรายรอบด้านและสรรพสัตว์นาๆ ชนิด หากเธอคิดจะหนีสิ่งที่จะพาเธอเล็ดลอดไปได้คือวิญญาณเท่านั้น

“ไปทำไมครับ?” เลขาหนุ่มเลิกคิ้วถามอีกหน ฟังคำตอบแล้วยิ่งมึนเข้าไปอีก เพราะช่วงนี้นายมีประชุมแทบทุกวัน แล้วทำไมต้องบินไปฟาร์มแบบปัจจุบันทันด่วนเช่นนี้ด้วย

“จะไปดูหน้านังเชลยซะหน่อย”

“แต่พรุ่งนี้นายมีประชุมกับผู้ถือหุ้นนะครับ” เดรคเตือนความจำของผู้เป็นนายเสียงแผ่ว เพราะเกรงว่าจะโดนตวาดที่กล้าไปขัดใจคนอารมณ์ร้าย

“ฉันรู้แล้วน่าไอ้เดรค พรุ่งนี้เช้ากลับมาก็ยังทัน” เบอนันเดสตวัดตาคมใส่คนถามนั่นถามนี่ด้วยแววตำหนิ ไม่ค่อยพอใจที่เลขาของตนเอาแต่ซักไซ้อยู่ได้ มันจะสงสัยอะไรนักหนา

บทก่อนหน้า
บทถัดไป