บทที่ 17 Chapter 17

พราวฟ้ายิ้มไม่หุบ หย่อนที่ตรวจครรภ์ลงในถังขยะ ก้าวเดินไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำ ชำระล้างกายไปก็นึกถึงลูกในท้องไป และนึกถึงความดีใจที่จะเกิดขึ้นกับปรินทร์

วินาทีนี้พราวฟ้ามีความสุขมาก...

ความสุขที่เธอไม่รู้เลยว่า มันกำลังจะหมดลงในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า...

“หลานชั่ว หลานเฮงซวย แกทำอะไรลงไป มีความคิดบ้างไหม มีเมียอยู่แล้วยังร่านไปนอนกับผู้หญิงอื่น แล้วที่จะเอากันมีตั้งเยอะตั้งแยะ ไม่มีสมองคิดหรือไง หรือความร่านมันทำให้หน้ามืด หรือใจแกมันชั่วช้าสามารถึงได้พาเปิ้ลมานอนกกที่นี่” บุหงันโกรธจัด โกรธจนอกกระเพื่อม ต่อว่าหลานชายดุเดือด “โตเป็นควายจนหมาเลียตูดไม่ถึง เรียนมาก็สูง แต่ความรู้ที่แกร่ำเรียนมาไม่ได้ทำให้แกมีความคิด ความชั่งใจ สำนึกผิดถูกเลยใช่ไหม ดูแกดูทรายสิ ทรายซื่อสัตย์และรักแกคนเดียว แต่สิ่งที่แกตอบแทนทรายคือความระยำ การนอกใจและนอกกาย ผู้ชายตระกูลนี้เฮงซวยกันหมด ไม่ว่าจะเป็นปู่ เป็นพ่อ แล้วก็ตัวแก ฉันเคยคิดนะว่า คงจะมีแกคนเดียวที่ไม่เจริญรอยตามความชั่วของปู่ของพ่อแก แต่สุดท้ายฉันก็คิดผิด ไอ้หลานเวรตะไล”

ปุริมถึงกับสะดุ้งกับคำต่อว่าของมารดา เนื่องจากตีวัวกระทบคราดมาที่เขาด้วย แน่นอนว่าปุริมไม่กล้าโต้เถียง เนื่องจากเป็นเรื่องจริงล้วนๆ

บุหงันมีเรื่องปักใจไม่เคยลืมเลือน เหตุผลที่นางเกลียดการทรยศหักหลัง และเข้าข้างพราวฟ้าในบางครั้งเป็นเพราะ คุณเดชสามีของนางเคยนอกใจ มีความสัมพันธ์กับพนักงานในบริษัท รักและหลงคนใหม่มาจนขอหย่ากับนาง ผู้หญิงที่คุณเดชไปติดพันชื่อ ประไพ ที่นิสัยดีมาก ประไพถูกคุณเดชหลอกว่า เลิกกับบุหงันแล้ว ประไพจึงมีความสัมพันธ์กับคุณเดช แต่พอรู้ความจริง ประไพเดินออกจากชีวิตคุณเดชทันที แม้ว่าคุณเดชจะไม่มีผู้หญิงอื่นอีกเลย ทว่าบุหงันก็ยังคงเสียใจและไม่เคยลืมความเจ็บปวดครั้งนั้น

ส่วนปุริม เมื่อสิบปีก่อนได้มีภรรยาน้อย เป็นความลับมากกว่าสามปีเรื่องถึงแดง ตอนนั้นอรุณแทบเป็นบ้า บุกไปตบตีเมียน้อยถึงคอนโดที่ปุริมซื้อให้ ไม่เพียงแค่นั้น ยังจัดการคนในครอบครัวเมียน้อยจนกระอัก เพื่อให้เมียน้อยไปจากชีวิตปุริม ไม่เช่นนั้นจะฆ่ายกครัว เมียน้อยมีหรือจะทนฤทธิ์เดชอรุณได้ เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าตามคำขู่ สามีตัวดีก็โดนด้วย ทั้งถูกตี ถูกตบจนหัวแตก นับแต่นั้นก็ไม่กล้าหือกับอรุณอีกเลย และนี่คือเหตุผลที่เขาไม่ห้ามอรุณขณะทำร้ายพราวฟ้า เพราะกลัวลูกหลง

“คุณย่าครับ...คือว่า” ปรินทร์ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เขาสับสน งงงวยไปหมด

“ไม่ต้องมาคงมาคือไอ้หลานเวร ฉันไม่อยากพูดกับแก แม้แต่หน้าฉันก็ไม่อยากมอง” บุหงันตอกกลับ “แกก็สมกับเปิ้ลดีนะ ผีเน่ากับโลงผุ ขี้ก็สมควรอยู่กับขี้”

พูดจบบุหงันสะบัดหน้าเดินกลับไปที่ห้องตัวเองทันที ทิ้งให้ทิวาทิพย์อึ้งกับคำพูดเจ็บๆ คันๆ ของบุหงัน หน้าชาเป็นแถบปรินทร์ก็ยังคงงงไม่หาย มาถูกซ้ำด้วยคำด่าของคนเป็นย่า เขาถึงกับมึนหนักมากขึ้น

“แล้วแกจะทำยังไงต่อไป คุณย่าโกรธมากนะ โกรธแบบนี้แกเข้าหน้าไม่ติดแน่ เรื่องที่แกทำก็ใหญ่มากด้วย” ปุริมตกใจที่เห็นสภาพลูกชายกับทิวาทิพย์ เพราะเขาไม่รู้ว่า เป็นแผนการของอรุณกับทิวาทิพย์

“จะทำยังไงได้คะ ก็ต้องรับผิดชอบเปิ้ลสิ ให้เปิ้ลเข้ามาอยู่ในบ้านในฐานะเมียอีกคนของโดม” อรุณเป็นคนตอบแทนลูกชายที่มองคนพูดนิ่ง ความรู้สึกตอนนี้ของปรินทร์ไม่ดีเอาเสียเลย ใจเขานึกถึงแต่พราวฟ้า อยากวิ่งออกไปจากห้องนี้ ไปหาเมียรัก ทว่าร่างกายกลับไม่ทำตามความคิด “แม่ว่าแกกับเปิ้ลแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า แล้วไปคุยกันต่อทีห้องแม่ แม่ให้เวลาแค่ห้านาทีนะ”

พูดจบอรุณหมุนตัวเดินออกจากห้อง และทันทีที่ประตูห้องปิดลง ทิวาทิพย์เลื่อนผ้าห่มที่ปกคลุมร่างกายส่วนหน้าลง ตวัดขายืนข้างเตียงและแต่งตัวต่อหน้าปรินทร์อย่างไม่มีความอาย

ปรินทร์มองเรือนร่างทิวาทิพย์ที่แต่ก่อน เคยเห็นแบบนี้หลายครั้งหลายหน ตอนนั้นเห็นอารมณ์เขาจะเดือดพล่าน คว้าตัวเธอมากกกอด ทว่าเวลานี้ ความสิเน่หาแทบไม่มี เขานิ่งเฉยกับเรือนร่างสวยงาม ผิวขาวเนียนลออ ปรินทร์กลับนึกถึงพราวฟ้ามากกว่า

“รีบแต่งตัวสิคะโดม เราจะได้ไปหาคุณแม่ที่ห้อง” ทิวาทิพย์บอกปรินทร์ที่ทำตามอย่างว่าง่าย ไม่ถึงห้านาที ทั้งสองเดินออกจากห้องนี้ไปยังห้องของอรุณตามคำสั่ง

ก่อนถึงห้องมารดา ปรินทร์ทำท่าจะเดินไปที่ห้องของตน เพราะรู้ดีว่า พราวฟ้าอยู่ในห้องนั้น แต่มือของทิวาทิพย์ฉุดไว้เสียก่อน ไม่เพียงแค่อดีตคนรักฉุดรั้ง อรุณที่เปิดประตูห้องออกมาพอดีอย่างเหมาะเจาะ ห้ามเช่นกัน แล้วบอกให้ทั้งคู่รีบเข้ามาในห้อง ปรินทร์ก็เหมือนเด็กน้อยที่ทำตามคำสั่ง ก้าวเดินไปยังห้องอรุณ แทนที่จะไปอีกห้อง

ทำตามคำสั่งอรุณที่คอยชักใย...ตลอดทั้งวันตั้งแต่เกิดเรื่อง พราวฟ้าเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง เธอเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด ความเสียใจไม่หลุดพ้นไปจากหัวใจสักนิดเดียว ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นทุกวินาทีที่หายใจ ภาพอันแสนปวดร้าวยังคงอยู่ในแววตา คำพูดทิวาทิพย์ยังคงก้องในหู ยิ่งบาดลึกลงไปในจิตใจมากขึ้น

ปรินทร์โกหกตน เขาไม่ได้ไปกินข้าวกับลูกค้าตามกล่าวอ้าง แต่ไปกับทิวาทิพย์ ทั้งสองมีความสุขด้วยกัน ในเวลาที่พราวฟ้าต้องการเขามากที่สุด พราวฟ้าเจ็บปวดใจมาก เธอร้องไห้ตัวโยนบนเตียงอย่างเดียวดาย

เรื่องลูกเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่พราวฟ้าคิดหนัก เธอตั้งใจว่าจะบอกให้ปรินทร์รู้ว่าสายใยตัวน้อยๆ ที่รอคอยมานานแรมปี ตอนนี้การรอคอยสิ้นสุดลงแล้ว พอมาเห็นภาพบาดอุรา พราวฟ้าไม่กล้าบอกปรินทร์ กลัวว่าเขาจะไม่ต้องการลูกของตน เขาคงอยากมีลูกกับอดีตคนรักที่ลมพัดหวน พัดความรักกลับมาสู่หัวใจอีกครั้ง เวลานี้เธอสับสนมาก ไม่รู้จะเดินต่อไปทางใด

ทั้งยังมีความกลัวขึ้นมาจับจิตจับใจ ทิวาทิพย์คือผู้หญิงที่ปรินทร์ไม่เคยลืม และกลับมาคบหากันอีกครั้งที้งที่มีเธออยู่ตรงนี้ นั่นหมายความว่า ปรินทร์ไม่นึกถึง ไม่ต้องการเธออีกต่อไปแล้ว การเลิกลาคงต้องเกิดขึ้น หากปรินทร์หรือคนในครอบครัวรู้ว่า เธอมีลูก คงรั้งให้เธออยู่ที่นี่ พอคลอดก็พรากลูกไปจากตน

ไม่ได้...พราวฟ้าไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด

เมื่อปรินทร์ไม่ต้องการ ไม่สนใจความรู้สึกเธอ ก็เท่ากับว่า ไม่ต้องการลูกคนนี้เช่นกัน พราวฟ้าตั้งมั่นไว้ว่า จะไม่บอกเรื่องน่ายินดีนี้ให้ใครรู้ หากตนออกไปจากบ้านหลังนี้ เธอก็จะดูแลลูกให้ดีที่สุด เท่าที่สองมือแม่จะทำได้

พราวฟ้านอนร้องไห้นานเป็นชั่วโมง นานจนไม่มีน้ำตาจะไหล นานจนตาทั้งข้างบวม ไม่นานนักก็หลับไปไม่รู้ตัว...หลับไปพร้อมกับเสียงสะอื้นและความเดียวดาย

15.30 น.

ปรินทร์ขับรถมาจอดหน้าประตูมุขของบ้าน โดยที่นั่งด้านข้างมีทิวาทิพย์ครอบครองอยู่ เธอเปิดประตูรถแล้วก้าวลงมาเป็นคนแรก ส่วนเจ้าของรถยังคงนั่งนิ่ง เหมือนคนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“โดมคะ ถึงบ้านแล้วลงมาสิคะ” ทิวาทิพย์ก้มตัวเล็กน้อย บอกกล่าวคนในรถ

“อ๋อ ครับๆ” ปรินทร์รู้สึกตัว หันมาตอบรับ รีบลงจากรถทันที

“นุ่น หน่อง” ทิวาทิพย์เรียกชื่อคนรับใช้ “นุ่น หน่อง”

น้ำเสียงเรียกดังขึ้น เมื่อเห็นว่า สองสาวใช้ยังไม่มา สีหน้าทิวาทิพย์มีความไม่พอใจเปิดเผย

“ค่ะ มาแล้วค่ะ” เจ้าของชื่อทั้งสองรีบวิ่งออกมาหน้าประตูบ้าน

“มัวทำอะไรอยู่ ฉันต้องตะเบ็งเสียงเรียกจนเอ็นคอจะขาดแล้วนะ” ทิวาทิพย์เปิดฉากต่อว่า นุ่นกับหน่องหน้าเสียเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ทิวาทิพย์ขึ้นเสียงใส่ ปกติจะพูดจาอ่อนหวานและนุ่มนวล ทำไมเวลานี้ถึงได้เสียงคล้ายนางมารร้าย “ที่ฉันว่า ไม่ใช่เพราะโกรธนะ แต่อยากให้นุ่นกับหน่องใส่ใจเวลาเจ้านายเรียก เผื่อวันหนึ่งคนในบ้านนี้มีแขกสำคัญ แล้วให้เจ้าของบ้านร้องตะโกนเรียก มันจะไม่งามนะ เธอสองคนเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม”

ทิวาทิพย์รีบปรับสีหน้าและเปลี่ยนโทนเสียงให้เป็นปกติ อยากเขกหัวตัวเองที่เกือบพลาดเปิดเผยธาตุแท้ของตัวเองที่ชอบกดขี่คนรับใช้ สองสาวใช้ยิ้มได้เมื่อฟังเหตุผล

“เข้าใจค่ะคุณเปิ้ล”

“งั้นก็ดีแล้วจ้ะ” ทิวาทิพย์ยิ้มให้ทั้งสอง “เอากระเป๋าของฉันที่อยู่ท้ายรถไปไว้ในห้องคุณโดมนะ ห้องที่คุณทรายอยู่น่ะ แล้วขนย้ายของคุณทรายไปไว้ที่ห้องรับรอง ต่อไปนี้ฉันจะไปอยู่ห้องคุณโดมแทนคุณทราย”

นุ่นกับหน่องไม่ได้ติดใจสงสัยกับคำสั่ง เพราะรู้ว่า อะไรเป็นอะไร และตอนนี้ทั้งสองก็จะมีเจ้านายคนใหม่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน เป็นคนที่ปุริม อรุณและปรินทร์อยากให้มาอยู่มากที่สุดด้วย

“ค่ะคุณเปิ้ล” สองสาวใช้กำลังเดินไปท้ายรถ แต่เท้าก็ต้องชะงักเมื่อเสียงของปรินทร์ดังขัดขึ้น เป็นประโยคที่ทำให้ทิวาทิพย์ถึงกับหน้าตึง

“นุ่น หน่อง เอากระเป๋าคุณเปิ้ลไปไว้ที่ห้องรับรอง” เจ้าของชื่อหันหน้ามองปรินทร์ เช่นเดียวกับทิวาทิพย์

“ทำไมล่ะคะโดม เปิ้ลเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ในฐานะเมียคุณนะ ก็ต้องอยู่ห้องเดียวกับคุณสิ”

“ทรายก็ใช่เมียผม ทรายมีสิทธิ์อยู่ในห้องผมเหมือนกัน” นางมารร้ายคราบนางฟ้าหน้าตึง แต่ยังไม่ทันเอ่ยคำใด ปรินทร์ก็พูดประโยคถัดมา “ทรายยังไม่รู้เรื่องที่คุณมาอยู่ที่นี่ ให้ผมคุยกับทรายก่อนละกัน ถ้าทรายยอมย้ายไปอยู่ห้องรับรอง คุณค่อยย้ายไปห้องผม”

ประโยคนี้เรียกรอยยิ้มให้ทิวาทิพย์ในทันที

“ค่ะ ตามนี้ค่ะ” ทิวาทิพย์ตอบกลับ “นุ่น หน่องยกกระเป๋าฉันไปห้องรับรองนะ”

“ค่ะคุณเปิ้ล” สองสาวใช้รีบทำตามคำสั่ง ปรินทร์เดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับทิวาทิพย์ที่เกาะแขนแจ ใบหน้าทิวาทิพย์ระบายด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจและสมหวัง ในที่สุดเธอก็ได้เข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ในฐานะสะใภ้ แม้ว่าจะยังไม่เป็นทางการ แต่ทันทีที่พราวฟ้าทนอยู่ที่นี่ไม่ได้ ทิวาทิพย์ก็จะก้าวขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งนั้นเต็มตัว โดยไม่มีใครขัดขวางเพราะเธอมีผู้สนับสนุนตัวหลักอย่างอรุณหนุนหลังอยู่

ย้อนกลับไปตอนปรินทร์กับทิวาทิพย์เข้าไปในห้องอรุณ อรุณเปิดปากพูดเรื่องที่เกิดขึ้น บอกความต้องการของตัวเองคือ ให้ปรินทร์รับผิดชอบทิวาทิพย์ด้วยการพามาอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ให้เหตุผลว่า บิดามารดาทิวาทิพย์เป็นคนมีชื่อเสียง หากเรื่องนี้หลุดรอดออกไป มีหวังถูกนินทากันสนุกปาก คนที่เสียหายที่สุดคือครอบครัวทิวาทิพย์

“ที่สำคัญที่สุด เรื่องเมื่อคืนนี้แกผิดเต็มๆ แกเมาไม่ได้สติ เลยไม่รู้ว่าตัวเองปล้ำเปิ้ล แต่คนที่รู้คือเปิ้ล แม่คิดว่าเปิ้ลคงไม่โกหกเราทุกคนด้วย อีกอย่างสภาพของแกกับเปิ้ลมันก็ฟ้องว่า มีอะไรเกิดขึ้น” อรุณย้ำ ปรินทร์เถียงไม่ออก “ฉะนั้นเปิ้ลมาอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป