บทที่ 7 ทดลองงาน
หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะชายหนุ่มกดจูบที่ปากของเธออย่างรุนแรง มือก็จับท้ายทอยเอาไว้ กันไม่ให้หันหน้าหนีได้ ณิชชาเจ็บระบมที่ปากยิ่งกว่าเดิม และเมื่อได้กลิ่นคาวเลือดโชยออกมาก็รู้ว่าปากเธอต้องแตกแน่แล้ว
เธอพยายามช่วยเหลือตัวเอง มองซ้ายมองขวาหาของที่พอจะนำมาทำเป็นอาวุธได้ แต่เพียงไม่นานก็ต้องยอมแพ้ให้กับความเจ็บปวดที่ได้รับ
มือหนากระชากเสื้อเชิ้ตสีขาวเล่นลายตรงเอวทีเดียวกระดุมก็ร่วงลงพื้นเกือบหมด เผยให้เห็นอกกลมกลึงขาวสวย มันน่ามองจนชายหนุ่มอดจะหยุดชะงักตัวเองเอาไว้ไม่ได้
แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายของเขา...เป้าหมายของเขาก็คือ...
“อ๊า...”
เสื้อชั้นในถูกดึงลงมาอยู่ที่เอว แล้วเกสรของดอกไม้กลมขาวก็แสดงตัวออกมาอย่างน่าอับอาย ชายหนุ่มใช้มือข้างหนึ่งขยี้มันไปมา ส่วนอีกข้างก็กวาดข้าวของบนโต๊ะทำงานลงพื้นจนเกลี้ยง แล้วผลักให้ร่างเล็กขึ้นไปนอนหงายหลังอยู่บนนั้น ก่อนจะบดขยี้ตุ่มไตบนหน้าอกกลมกลึงข้างหนึ่งอย่างแรง ส่วนอีกข้างก็กำลังโดนฟันแข็งขบกัดจนเจ็บระบมไปหมด
“นี่คุณบ้าไปแล้วเหรอ คุณสินธุ์!” เสียงนั้นตื่นตระหนก หญิงสาวไม่เข้าใจเลยว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่
แล้วพลันความทรงจำบางอย่างก็ผุดขึ้นในหัว เมื่อประมวลผลแล้ว หญิงสาวก็พอจะเข้าใจอะไรได้บ้าง
“อย่าค่ะ...อย่า คุณกำลังเข้าใจผิดนะคะ” หญิงสาวพยายามพูดให้ชัดเพื่อเรียกสติอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลเลยสักนิด “คุณสินธุ์ หยุดนะ หยุด คุณเข้าใจผิดแล้ว”
“พูดมากนัก” เขาพึมพำแล้วจัดการปิดปากของร่างเล็กๆ ที่อยู่ใต้ร่างเขาอีกหน
“อื้อ...”
ชลาสินธุ์หัวเราะในลำคอ รู้สึกสะใจที่ได้แกล้งคนตรงหน้านี้ อย่างน้อยก็ให้หลาบจำซะบ้าง ว่าคนอย่างเขาไม่ได้ใช้ให้มาเป็นกระเป๋าเงิน หรือที่เกาะหาแสงให้ใครได้ฟรีๆ
แค่นี้ก็คงจะพอแล้ว ผู้หญิงคนนี้คงไม่กล้าทำอะไรเขาอีก ชายหนุ่มคิดก่อนจะผละออกจากร่างของหญิงสาว แต่นั่นมันก่อนที่จะได้ยินเสียงเล็กๆ พูดออกมา
“เลว คุณมันเลวจริง ๆ เลวยิ่งกว่าหมาซะอีก”
“...”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของเขาขรึมลงจนแทบจะไม่เหลือแวว ก่อนที่จะกระชากกระโปรงลงมาจนหลุดหมด
“อ๊า...ไอ้บ้า”
“หึ” ร้องได้แค่นั้น ชายหนุ่มก็ส่งมือหนาเข้าไปในกลีบดอกไม้ลึกลับอย่างพรวดพราดไม่มีการส่งสัญญาณใดๆ ก่อน
“อ๊าย...ฉันเจ็บ แก ไอ้บ้า ไอ้เลว อ๊ะ...อืม...” เสียงก่นด่ากลายเป็นเสียงครางหวานเมื่อเขาใช้ความช่ำชองของนิ้วของตนในช่องทางดอกไม้นั้น
เขาก่อกวนไปที่จุดหฤหรรษ์ จนหญิงสาวแทบจะทนไม่ไหว รู้สึกทุกครั้งที่มือเขาโดนไปที่จุดภายในแสนกระสันนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อึก ไอ้...อ๊ะ...ฮื้อ” ร่างเล็กครางเสียงแผ่ว สะดุ้งทุกครั้งที่โดนทำร้ายแบบนั้น และยังส่งเสียงครางสะท้านฟังไม่ได้สรรพ
ณิชชาถูกส่งให้ถึงเมฆขาวบนฟ้าทั้งที่เขายังมีเสื้อผ้าอยู่บนตัวครบถ้วน ร่างบางหอบจนตัวโยน
“เธอรู้หรือเปล่า ว่าคนเลวน่ะ จริง ๆ แล้วเป็นแบบไหน เคยสัมผัสมามากเท่าไรแล้วล่ะ ถึงได้กล้าเรียกฉันว่า คนเลว” เขากระซิบเสียงขรึมที่ข้างหู ก่อนจะตวัดร่างนั้นให้คว่ำลงบนโต๊ะอย่างง่ายดายราวกับสะบัดแผ่นกระดาษทิชชู่
“อ๊าย...” หญิงสาวร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อเขาที่ปลดซิบกางเกงลงมาอย่างรวดเร็วนั้น นำลูกชายตัวเขื่องเข้าไปในช่องทางดอกไม้ด้วยความเร็วไม่ต่างกัน
“ฉันเลว แล้วคนที่มันอ่อยฉันไม่หยุดสักวัน เรียกว่าอะไร แรด? หน้าด้าน? หรืออะไร?”
“อ๊ะ...ฉัน...อึก....ฉัน อ๊ะ...”
“หึ เธอต้องได้บทเรียน”
“อึก!”
“อยากเล่นของสูง”
“อึก!”
“ก็ต้องลงทุนสูง”
“อ๊า!”
“แบบ! นี้!”
น้ำตาของณิชชาไหลพรากเต็มหน้า เพราะเขาใส่ตัวตนเข้าไปในช่องทางดอกไม้ไม่เบาเลย สะโพกที่โยกตามคำพูดของตัวเองทำให้หญิงสาวเจ็บปวดอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามหาทางช่วยตัวเองให้ได้มากที่สุด แต่มันไม่ง่ายเลย ร่างกายของเธอส่งสัญญาณความเจ็บปวดจนสั่นสะท้านไปหมด ช่องทางที่ไม่ได้มีใครเข้าไปสำรวจมาหลายปีนั้นมันคับแคบและไม่ยินยอมที่จะให้ใครเข้าไป นั่นยิ่งทำให้ความเจ็บปวดมันแผ่ซ่านไปจนทั่วร่าง
“อ๊า...ปล่อยนะ ฉันไม่ได้ต้องการคุณ ฉันเกลียด อึก ฉันเกลียดคุณ!”
“หึ...เกลียดเหรอ ที่ฉันเห็นมันไม่ใช่แบบนั้นนะ”
เพียะ!!!
บรรยากาศในห้องทำงานของประธานชลาจิราเงียบจนถึงขั้นสงัด มีเพียงเสียงวิ้งอยู่ในหูของคนที่ถูกตบจนใบหน้าสะบัด
“เธอตบฉัน? เธอกล้าตบฉันเหรอ!”
“หึ คนเลว ๆ อย่างคุณก็เหมาะแล้วที่จะโดนแบบนี้” น้ำเสียงของหญิงสาวยังคงเด็ดขาด ผิดกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นบนร่างกายที่หญิงสาวรู้สึกว่าแทบจะรับไม่ไหวอีกแล้ว
“เลว? หึ งั้นเรามันก็เลวพอกันนั่นแหละ” พูดจบชลาสินธุ์ก็โยกสะโพกตัวเองต่อทันที ทั้งยังเพิ่มความเร็ว ถี่รั่วเข้าไปด้วย
“อ๊า...อ๊าก...หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้ อ๊า...” ณิชชาร้องลั่น
“หยุดเหรอ ถ้าฉันหยุด เธอก็ไม่รู้ล่ะสิ ว่าคนเลวอย่างฉัน ทำอะไรเธอได้บ้าง” ชลาสินธุ์พูด พลางขย่มสะโพกตัวเองไปด้วยไม่หยุด
