บทที่ 3 เพื่อนใหม่
“ออกัส...ออกัส” เธอเอื้อมมือไปจับไหล่ลูกชายที่ยังหลับสนิท “ตื่นได้แล้วลูก หนูต้องไปโรงเรียนนะ”
“กัสง่วงจังเลยฮะ” ออกัสพลิกตัวหนีหนึ่งครั้ง
“ลุกขึ้นอาบน้ำเดี๋ยวก็หายง่วงครับ”
“ฮะ”
เด็กน้อยค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งตัวตรงก่อนจะมองซ้ายมองขวา มือเล็ก ๆ ยกขึ้นมาขยี้ตาสองสามครั้งก่อนจะส่งยิ้มหวานให้แม่
“หลับสบายมั้ยลูกหมา” ด้วยความมันเขี้ยวใบเฟิร์นก็ยกมือขึ้นไปบีบแก้มลูกชาย”
“หลับสบายมากเลยฮะ”
“ไปครับ เดี๋ยวหม่าม๊าอาบน้ำให้”
“ฮะ”
สองแขนชูขึ้นเหมือนทุก ๆ ครั้งเวลาที่อยากให้แม่อุ้ม ใบเฟิร์นอุ้มลูกชายเข้าไปอาบน้ำถูสบู่ให้จนหอมไปทั้งตัว ก่อนจะจัดแจงแต่งตัวในชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียน วันนี้เป็นวันที่สองที่ออกัสไปโรงเรียน โชคดีที่ลูกชายของเธอไม่ค่อยงอแงเวลาไปส่งที่โรงเรียน ทำให้เธอไม่ค่อยเป็นห่วงสักเท่าไหร่
“อย่าดื้อกับคุณครูนะคะ” ใบเฟิร์นบอกลูกชายขณะที่เธอส่งเขาถึงหน้าประตูโรงเรียน
“ออกัส”
เสียงเล็ก ๆ ที่ดังขึ้นทำให้ใบเฟิร์นหันไปมอง ก็เห็นเด็กน้อยรุ่นราวคราวเดียวกับออกัสกำลังเดินจูงมือมากับหญิงสาวคนหนึ่ง คาดว่าคงจะเป็นแม่ของเขากำลังโบกไม้โบกมือให้ลูกชายของเธอ
ใบเฟิร์นนิ่งไป เธอเข้าใจได้ว่าเด็กน้อยอีกคนคงจะเป็นเพื่อนใหม่ของออกัส แต่ที่ไม่เข้าใจคือ จะมีคนที่หน้าตาคล้ายกันขนาดนี้ได้ยังไง ในเมื่อไม่ได้เป็นญาติกัน
“เพื่อนกัสเหรอ” เธอหันไปถามลูกชายเพื่อความแน่ใจ
“ฮะ...” ออกัสแต่สายตากลับมองไปยังเพื่อนของเขาที่กำลังวิ่งเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ
“ไปเล่นกัน” มาถึงเด็กน้อยก็จับมือออกัสแล้วเดินเข้าโรงเรียน ซึ่งออกัสเองก็ไม่ได้อิดออด เดินตามเข้าไปอย่างง่ายดาย ปล่อยให้ใบเฟิร์นได้แต่มองตามหลังอย่างแปลกใจว่าลูกชายมาโรงเรียนแค่วันเดียวแต่ทำไมสนิทกันเร็วขนาดนั้น
ตลอดทางกลับบ้านใบเฟิร์นก็เอาแต่คิดถึงเด็กน้อยสองคนที่จับมือกันเข้าโรงเรียน
“เหมือนกันขนาดนั้นได้ยังไง” เธอพูดออกมาเบา ๆ “เธอไม่มีญาติที่ไหน หลังพ่อกับแม่เลิกกันเธอก็โตมากับแม่ จนแม่ของเธอจากไปตอนที่เธอเรียนอยู่ปีหนึ่ง เธอก็อยู่คนเดียวมาตลอดไม่เคยติดต่อญาติไม่ว่าจะเป็นฝ่ายพ่อหรือฝ่ายแม่ จะเป็นไปได้หรือเปล่าว่าเด็กคนนั้นอาจจะเป็นลูกของใครสักคนที่เป็นญาติกับเธอ
“แปลกจริง ๆ นะ”
ถึงวันสัมภาษณ์งาน ใบเฟิร์นแวะส่งลูกชายที่โรงเรียนก่อนจะเดินทางไปยังบริษัท เธอมีท่าทีประหม่าเล็กน้อยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสได้สัมภาษณ์งานในบริษัทใหญ่แบบนี้ จากข้อมูลคร่าว ๆ ที่เธอพอจะทราบมาบ้าง ถึงบริษัทแห่งนี้จะเพิ่งก่อตั้งขึ้นมาไม่ถึง 5 ปี แต่ก็สามารถพัฒนาจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางภายในเวลาไม่นาน
ใบเฟิร์นเดินเข้าไปในบริษัท ขณะเดินผ่านป้ายทำเนียบผู้บริหาร เธอนิ่งไปเพราะผู้บริหารระดับสูงสุดของบริษัทแห่งนี้คือหญิงสาวที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ เธอจำใบหน้าหวานนั้นได้ดี ช่างเป็นเรื่องบังเอิญอะไรขนาดนี้
“ขอเชิญคนต่อไปค่ะ” ใบเฟิร์นหันมองตามเสียงก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วตามพนักงานคนดังกล่าวเข้าไป
ใบเฟิร์นเดินไปหยุดอยู่กลางห้อง เบื้องหน้าเป็นหญิงสาวที่เธอเห็นตรงป้ายทำเนียบผู้บริหาร ‘คิดถึง’ คำนี้ลอยเข้ามาในหัวของเธอ นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ไม่รู้ว่าจะจำกันได้หรือเปล่า
ความสงสัยของใบเฟิร์นได้สิ้นสุดลงเมื่อหญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงมาหาเธอ
“เฟิร์น” ทันทีที่เข้าใกล้เธอก็โผเข้ากอดใบเฟิร์นจนแน่น “ดีใจจังเลยที่ได้เจอ”
ด้วยความตกใจ ใบเฟิร์นเองก็ทำตัวไม่ถูก วันนี้เธอมาสัมภาษณ์งาน และหญิงสาวที่กอดเธออยู่คือผู้บริหารระดับสูงของที่นี่
“คิดถึงจังเลย” เธอยังคงแสดงท่าทางดีใจโดยไม่ได้สนใจว่ามีอีกสามชีวิตที่มองมาอย่างส่งสัย
“คุณอลินคะ” ใบเฟิร์นพยายามผลักอลินให้ออกห่างจากตัว เพราะตอนนี้อลินกำลังทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม
“คุณอะไรกัน เรียกลินเฉย ๆ สิ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้คุณคือผู้บริหารสูงสุดของที่นี่นะคะ” ใบเฟิร์นพูดเตือนสติเพื่อนของเธอ
“อะไรกัน ยังไงเราก็เพื่อนกัน” เธอไม่ได้ถือตัว และไม่ได้สนสายตาของใครด้วย “คุณแหม่มคะ”
“คะคุณลิน” เลขาสาวรีบขานรับทันทีทันใด
“ลินเอาคนนี้ค่ะ” อลินเปลี่ยนมาเป็นกอดแขนของใบเฟิร์นแทน
“แต่...” เลขาสาวมีท่าทีลังเล
“ไม่มีแต่ค่ะ”
“คุณลินคะ ดิฉันว่าเราปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนดีกว่ามั้ยคะ” กรรมการสอบสัมภาษณ์อีกคนที่นั่งอยู่ในห้องพูดแย้งขึ้น
“ถ้าอย่างนั้น ลินจะเปิดตำแหน่งใหม่ค่ะ ลินต้องการผู้ช่วย” เธอพยายามหาทางเพื่อที่จะรับเพื่อนของเธอเข้าทำงานทันที
“แต่คุณลินมีเลขาส่วนตัวแล้วนะคะ”
“คุณแหม่มก็ยังคงเป็นเลขาของลินเหมือนเดิม แต่เฟิร์นจะมาเป็นผู้ช่วยอีกคนของลิน” เธอยืนยันหนักแน่น “เอาตามนี้นะคะคุณแหม่ม จัดการให้ลินด้วย”
“แต่เรายังไม่เคยมีประสบการณ์เลยนะ” ใบเฟิร์นเองก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่อลินทำ
