บทที่ 2 ไร้ตัวตน
เพชร หรือ พีรภัทร บุรณากรณ์ เด็กชายตัวผอมสูง หน้าตาคมคายถอดแบบมาจากคุณพราวพิไลผู้เป็นมารดา หากแววตาและรอยยิ้มอ่อนโยนละม้ายคุณไกรภพผู้เป็นบิดาไม่ผิดเพี้ยน
“ได้สิครับ แต่คราวหน้าต้องชวนนายฟ้ามาด้วยนะ” นายฟ้าหรือเหนือฟ้าคือเพื่อนสนิทและเป็นพี่ชายคนเดียวของเด็กหญิง
“ไปกันได้แล้วจ้ะลูก ฉันไปก่อนนะยัยพราว มีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันนะจ๊ะ” ท้ายประโยคคนพูดแอบกระซิบเบาๆ กับคนเป็นเพื่อนรัก ที่รู้จักนิสัยใจคอกันมานาน พีรภัทรส่งยิ้มให้เด็กหญิงในรถอีกครั้ง รอยยิ้มนั้นทำให้คนยืนหลบอยู่ด้านหลังคุณไกรภพถึงกับแอบชะโงกหน้าออกมามองอย่างลืมตัว
“เด็กคนนั้นใครคะ!” คนถูกถามทำเป็นไม่สนใจคำถามของภรรยา แต่กลับหันไปเอ่ยกับลูกชายคนเดียวแทน
“ตาเพชร มานี่สิลูก พ่อมีคนจะแนะนำให้รู้จัก” คุณไกรภพยิ้ม พลางเบี่ยงตัวให้เด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนตัวสั่นอยู่ด้านหลังตัวเองออกมายืนด้านหน้า “หนูทรายคะ นี่คือพี่เพชร ลูกชายของลุงเอง”
เด็กหญิงส่งยิ้มให้เด็กชายที่ตัวโตกว่าอย่างเป็นมิตร ขณะที่อีกฝ่ายยืนนิ่ง ดวงตาคมกริบถือโอกาสสำรวจผู้มาใหม่อย่างถี่ถ้วน
“ตาเพชร นี่น้องทรายนะลูก ตั้งแต่วันนี้ไปน้องจะมาอยู่บ้านเราในฐานะน้องสาวของลูก รู้จักกันไว้สิ...”
“ว่าไงนะคะ” เสียงแหลมปรี้ดตวาดแว้ด “คุณว่ายัยเด็กนี่เป็นอะไรนะ...”
“เข้าไปคุยกันข้างในเถอะคุณพราว อายเด็กๆ บ้างสิ”
“ช่างหัวมันเหอะ คุณยังไม่ตอบฉันเลย ว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร อย่าบอกนะว่ามันเป็นลูกเมียน้อยของคุณ?”
“เหลวไหลน่าคุณ” คุณไกรภพปราม นึกสงสารเด็กหญิงข้างกายไม่น้อย “แก้วพาคุณทรายไปที่ห้องนั่งเล่นก่อน แล้วให้ใครไปทำความสะอาดห้องข้างบนไว้ด้วย หนูทรายเข้าไปในบ้านก่อนนะคะ เดี๋ยวลุงตามไป ขอคุยธุระกับคุณป้าเดี๋ยว”
“ใครเป็นป้ามันไม่ทราบ ฉันไม่มีหลาน มีแต่ลูกชายคนเดียวคือลูกเพชรคนนี้ต่างหาก” คนพูดกระชับร่างลูกชายเข้ามากอด“แล้วก็ห้องพักข้างบนน่ะ มีไว้สำหรับคนในครอบครัวฉันเท่านั้น ส่วนคนอื่นที่ไม่ใช่ ถ้าอยากให้อยู่นักล่ะก็ ไปอยู่ที่ห้องเก็บของหลังบ้านก็แล้วกัน”
“คุณพราว!”
“อย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ บุญเท่าไหร่แล้วที่ฉันไม่ไล่ตะเพิดมันไป คุณเองก็เถอะ จำไม่ได้หรือไงว่าแม่มันทำอะไรไว้บ้าง คอยดูเถอะ อีกหน่อยยัยเด็กนี่ก็ไม่พ้นต้องทำให้พวกเราเดือดร้อนเหมือนแม่มันนั่นแหละ”
“หยุดนะ คุณพราว!” คุณไกรภพตวาดอย่างเหลืออด
“ฉันไม่หยุด คุณจะทำไม จะฆ่าจะแกงฉันเพราะเด็กคนนี้ก็เอาสิ ให้มันรู้ไปว่าคุณจะเห็นคนอื่นดีกว่าลูกเมียตัวเอง”
“พราวพิไล!” คราวนี้ร่างสูงตรงเข้ากระชากแขนของผู้เป็นภรรยาบีบอย่างแรงด้วยความโกรธจัด จนอีกฝ่ายน้ำตาคลอเบ้า แต่ด้วยทิฐิแรงกล้าทำให้คุณพราวพิไลต้องกัดฟันไม่ยอมร้องออกมาสักแอะ
“คุณพ่อ ปล่อยคุณแม่เถอะครับ ดูสิ คุณแม่เจ็บจนร้องไห้แล้ว คุณพ่อไม่รักคุณแม่แล้วเหรอครับ” พีรภัทรต้องรีบเข้ามาขวาง
“คุณพราว ผมขอโทษ” คุณไกรภพได้สติคลายมือ หากอีกฝ่ายกลับรีบสะบัดออกอย่างรังเกียจ
“ไปกันเถอะตาเพชร ใครจะไม่รักเราก็ช่าง จำไว้ว่าแม่รักลูกคนเดียวก็พอแล้ว ” คุณพราวพิไลจูงมือลูกชายเดินผละไปอย่างไม่ไยดี พีรภัทรเหลียวกลับไปมองผู้มาใหม่ด้วยสายตาเย็นชา ไม่ว่าพ่อของเขาจะยกย่องให้เด็กคนนี้อยู่ในฐานะใดก็ตาม แต่สำหรับเขาแล้ว ศุภิสรา คือ ศัตรูของเขา ได้สถานเดียวเท่านั้น
“คุณลุงคะ ทำไมคุณป้ากับพี่คนนั้นถึงไม่ชอบหนูล่ะคะ”
“อย่าคิดมากเลยนะลูก จำไว้แค่ว่า ต่อไปนี้หนูจะต้องเข้มแข็งและอดทนมากๆ ถ้าหนูเป็นเด็กดี สักวันหนึ่งทุกคนก็จะเห็นความดีของหนู และรักเอ็นดูหนูเองนั่นแหละนะ” คำปลอบโยนของคุณไกรภพดูห่างไกลเกินความเป็นจริงไปมากมายทีเดียว เพราะนับจากวันนั้น ทั้งภรรยาและลูกชายของเขายิ่งมีแต่ความเกลียดชังเด็กน้อยเป็นทวีคูณ
//////////
แม้คุณไกรภพจะบอกว่ายกย่องศุภิสราในฐานะเท่าเทียมกับลูกหลานตัวเองก็ตาม แต่ลับหลังประมุขของบ้าน ศุภิสราก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น นับแต่วันแรกที่เข้ามา เธอต้องระเห็จไปอยู่ที่ห้องเก็บของหลังบ้าน แถมยังต้องช่วยทำงานในบ้านทุกอย่างเพื่อแลกกับที่ซุกหัวนอน และการศึกษา ตามคำสั่งของ ‘คุณผู้หญิง’ ที่คอยกำชับอยู่ร่ำไปว่า
“ที่นี่เป็นบ้านของฉัน ถ้าอยากอยู่ก็ต้องทำงานแลก อ้อ แล้วก็อย่าคิดเผยอจะมาเทียบกับลูกชายฉัน คุณเพชรน่ะเป็นเจ้าของทุกอย่างในบ้านหลังนี้ เขาเป็นเพชรแท้ ไม่ใช่เม็ดทรายต้อยต่ำไร้ค่าอย่างแก เข้าใจที่พูดรึเปล่า หา” เด็กน้อยสะอึก เพราะคำว่าต่ำต้อยไร้ค่ากระแทกใจอย่างจัง
“ขะ...เข้าใจค่ะ ” เด็กน้อยรับคำเบาๆ ด้วยความอดสู โดยที่ไม่เข้าใจว่าเธอไปทำอะไรให้นักหนา คุณผู้หญิงของบ้านจึงเจาะจงเกลียดชังเธอมากเป็นพิเศษแบบนี้ แม้แต่ลูกชายคนโปรดก็แทบไม่ต่างกัน
คุณเพชร ขวัญใจของคนทั้งบ้าน ไม่เคยลดตัวลงมาเสวนาอะไรกับผู้อาศัยตัวน้อย คนเดียวที่พอพึ่งพาได้คือคุณไกรภพ ก็แทบไม่อยู่บ้าน ฉะนั้นสิ่งที่ทำได้คือการต้องอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว และไร้ตัวตน!
